จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
ความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ มิใช่เพียงการเป็นตึกแถวเก่าแก่เพียงเท่านั้น แต่ในบริเวณนี้ยังถือเป็นสถานที่สำคัญในอดีต โดยในสมัยรัชกาลที่ 1 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังขึ้นในบริเวณนี้รวม 3 วัง ได้แก่ “วังตะวันตก” เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนกษัตรานุชิต (เจ้าฟ้าเหม็น) “วังกลาง” เป็นที่ประทับของพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอรุโณทัย ภายหลังทรงสถาปนาขึ้นเป็นกรมหมื่นศักดิพลเสพ (กรมพระราชวังบวรสถาน หรือวังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 3) และ “วังตะวันออก” เป็นที่ประทับของพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต ซึ่งทรงสถาปนาเป็นกรมหมื่นเทพพลภักดิ์ |
||||
วังแห่งนี้ยังเป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพระบรมวงศานุวงศ์ที่ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ของพระมหากษัตริย์ เนื่องจากเป็นวังที่อยู่ใกล้พระบรมมหาราชวังมาก และยังตั้งอยู่ในทางเสด็จพระราชดำเนินอีกด้วย เช่น พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (ต่อมาเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ทรงพระนามพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3) ได้มาประทับที่วังท่าพระในสมัยรัชกาลที่ 2 และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ หรือนายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม ก็ได้มาประทับที่วังท่าพระในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนจะทรงย้ายไปประทับที่ตำหนักปลายเนิน คลองเตย วังท่าพระจึงถูกปล่อยให้รกร้างไปชั่วคราว |
||||
ตึกแถวหน้าพระลานเป็นอาคารสถาปัตยกรรมยุโรปแบบนีโอคลาสสิคซึ่งเป็น ที่นิยมในทวีปยุโรปช่วงกลางคริสตศตวรรษที่ 18 จุดเด่นของอาคารกลุ่มนี้คือมุขยื่นที่คูหาหัวมุมและคูหากลาง มีหน้าบันโค้งกลม ที่ปลายหน้าบันทั้งสองข้างเป็นปูนปั้นรูปผอบ บริเวณทับหลังตกแต่งด้วยลวดลายพวงดอกไม้ เสาระเบียงชั้นบนเป็นแบบไอโอนิค ส่วนเสารองรับเฉลียงชั้นล่างเป็นแบบดอริก ซุ้มหน้าต่างเป็นรูปครึ่งวงกลม ช่องแสงเป็นลายรูปพัด กรุกระจก บานหน้าต่างเป็นบานเฟี้ยมไม้ 4 บาน ยาวถึงพื้น ส่วนคูหาที่ไม่มีมุข ซุ้มหน้าต่างก็เป็นครึ่งวงกลมแต่บานหน้าต่างเป็นบานเปิดแยกเป็นสองชุด ที่ช่องลมเหนือหน้าต่างเป็นไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม บานประตูชั้นล่างเป็นบานเฟี้ยม 6 บาน บานกรอบและลูกฟักเป็นไม้ มีช่องลมเหนือบานประตูเป็นรูปโค้ง ส่วนผนังอาคารเซาะร่องให้ดูคล้ายหิน หลังคามุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน |
||||
และนอกจากความงดงามแล้ว การสร้างตึกแถวเหล่านี้ยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตคนไทย ที่แต่เดิมมีการค้าขายริมน้ำ มาเป็นการค้าขายบนบกในตึกแถวที่กระจายตัวไปตามเส้นทางถนนแทนแม่น้ำลำคลอง ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็ยังแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าขายแบบเสรีของสยาม อันเป็นผลจากสนธิสัญญาเบาวริ่ง รวมถึงการเจริญเติบโตของระบบทุนนิยมในขณะนั้น |
||||
ด้วยระยะเวลาและการใช้งานตัวอาคาร 100 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ตัวตึกเสื่อมสภาพ ระบบสาธารณูปโภคภายในอาคาร ทั้งระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้า และระบบบำบัดน้ำเสียล้วนแต่ล้าสมัย และอาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้อาคาร ทั้งในด้านสุขอนามัยและอัคคีภัย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ดูแลตึกแถวถนนหน้าพระลาน จึงได้จัดทำโครงการบูรณะตึกแถวถนนหน้าพระลานขึ้นใน พ.ศ. 2551 และเริ่มดำเนินงานซ่อมแซมในเดือนกรกฎาคม 2553 จนแล้วเสร็จในช่วงเดือนมีนาคม 2554 รวมระยะเวลาในการบูรณะ 8 เดือน |
||||
เมื่อการบูรณะเสร็จสิ้นลง ผู้เช่าตึกรายเดิมต่างเริ่มขนย้ายข้าวของกลับเข้ามาเพื่อเปิดทำการอีกครั้ง หนึ่ง ในช่วงนี้คนที่ผ่านไปแถวหน้าพระลานจึงจะได้พบกับบรรยากาศเดิมๆ ในตึกแถวเก่าแก่ที่ถูกแต่งหน้าตาใหม่ให้สวยสดใส รับกับความงดงามของพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติอีกด้วย |