จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : เรือรบ เมืองมั่น ruarob@hotmail.com
นับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา พลังอำนาจของประเทศไทยตกอยู่ในสภาพเสื่อมถอยลงทุกด้าน สังคมแตกแยกเบาะแว้งมิได้หยุดกับทั้งในและนอกประเทศ
คนเกือบทั้งชาติคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่เราจะได้มาหลังวันที่ 3 ก.ค.นี้จะยุติหรืออย่างน้อยก็ลดปัญหาที่สาดโถม จมคลั่กเรื้อรังเหล่านั้นให้ได้ บางคนอยากให้รัฐบาลประชาธิปัตย์เดินตามรอยเดิมของตนอีกครั้ง บางคนบอกไม่ไหวแล้วต้องเอาพวกใหม่ที่เกือบใหม่อย่างปุระชัยหรือชูวิทย์ บางคนก็อาจจะเชื่อใจพวกหน้าเก่าขวดใหม่ที่ประสบการณ์การเมืองสูง บางคนถึงกับไม่ไปเลือกตั้งหรือส่งเสริมโหวตโนซะด้วยซ้ำ แต่มีคนกลุ่มใหญ่ของสังคมหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะสวมรอยความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยภาคต้นในอดีต ทำให้ประเทศชาติและประชาชนกลับมารุ่งเรืองมั่งคั่งดังเช่นในช่วงปี 2544-2547 ได้ สมมติว่าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล การแก้ไขปัญหาต่างๆ มันจะง่ายเช่นนั้นหรือในเมื่อบริบทของยุคนี้กับสิบปีก่อนไม่เหมือนกัน
จุดเด่นของพรรคไทยรักไทยภาคต้นไทยที่จับใจรากหญ้าคือนโยบายประชานิยมที่ทำได้จริง มีความยั่งยืนในระดับหนึ่ง โดยมีผลเสียหายข้างเคียง (Collateral Damage) ค่อนข้างน้อย ส่วนพรรคเพื่อไทยวันนี้พยายามขายฝันแบบนั้นแต่พัฒนาให้ซับซ้อนทันสมัยขึ้น โดยหวังว่าศรัทธาที่ประชาชนมีอยู่แล้วต่ออดีตนายกทักษิณจะทำให้พรรคไม่ต้องเหนื่อยแรงอธิบายบอกสูตรกันมาก เดี๋ยวจะโดนลอกเลียนอย่างเคย แต่วันนี้สภาพเศรษฐกิจและสังคมหลายด้านหนักกว่ายุคโน้นที่ว่าหนักแล้วด้วยพิษของ IMF เนื่องจากภาวะข้าวยากหมากแพงที่รุนแรงขึ้นอย่างที่ทุกคนรู้สึกได้ในปีนี้เอง อยากดูเหมือนกันว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยขึ้นครองอำนาจแล้ว นโยบายของพวกเขาจะเพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชนจนเอาชนะภาวะเงินเฟ้อได้หรือไม่ ทั้งนี้ปัจจัยที่จะทำให้เรื่องนี้ประสบความสำเร็จได้นั้น ประการแรกคือรื้อนโยบายผิดพลาดที่รัฐบาลเก่าทำไว้ โดยเฉพาะที่ปล่อยให้นายทุนเล่นกลกับส่วนต่างสินค้าจำเป็นอย่าง ข้าว น้ำตาล น้ำมันพืช หรือการบริการการศึกษา แต่พรรคเพื่อไทยก็จะพบว่าในภาวะที่พรรคและทักษิณไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้มีอำนาจอีกแล้วทำให้ การเจรจากับพ่อค้าจะยากลำบากมากกว่าเดิม
นอกเหนือจากประเด็นทางเศรษฐกิจที่กระทบตรงต่อประชาชนทุกคนแล้ว ประเด็นใหญ่ที่ทำให้คนวิตกกังวลมากคือประเด็นด้านความมั่นคง จังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้มิคสัญญีเสียยิ่งกว่าที่พรรคไทยรักไทยครองอำนาจอยู่อีก ไม่ว่าใครที่อ้างว่ามาถูกทางแล้วก็ยังหยุดการล้มตายรายวันไม่ได้ แถมยุคนี้ผู้ก่อการร้ายมีพัฒนาการทั้งฝีมือทางยุทธวิธีและการมุ่งเจาะสู่องค์กรระหว่างประเทศ ดังนั้นรัฐบาลใหม่ต้องโชว์กึ๋นการแก้ปัญหานี้โดยต้องอาศัยผู้ช่วยเหลือจากหลายฝ่าย แต่เท่าที่พิจารณาไพ่ในมือเวลานี้ ไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับความร่วมมือจากมืออาชีพภาครัฐเท่าใด เนื่องจากนักการเมืองท้องถิ่นยังน่าจะเป็นคนของพรรคตรงข้าม คนในกระทรวงการต่างประเทศและ กอ.รมน.จะรับได้กับนโยบายของพรรคเท่าใดก็ไม่ทราบ นี่ถ้าเจอการเตะสกัดจากประเทศเพื่อนบ้านที่ดำรงยุทธศาสตร์ของพวกเขาอย่างเหนียวแน่นแล้ว ปัญหานี้จะยากขึ้นเป็นทวีคูณ
ประเด็นความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านทางตะวันออกนั้นน่าจับตาที่สุด เพราะมีศักดิ์ศรีอธิปไตยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากตัดตอนเหตุการณ์จบถึงแค่ต้นปี 52 และกระโดดมากลางปี 54 เลย การที่พรรคเพื่อไทยขึ้นมามีอำนาจนั้นจะเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ชายแดนและเขมรจะได้เฉพาะสิ่งที่เป็นของเขาเท่านั้น แต่พอมาวันนี้สถานการณ์บานปลายเสียแล้ว พรรคเพื่อไทยจะทำแค่ว่าทุกอย่างเลิกแล้วต่อกัน เป็นมิตรแล้วมุ่งค้าขายต่อกันเท่านั้นไม่ได้ เนื่องจากกัมพูชาจะไม่ยอมหยุด ไม่ว่าฝ่ายเราจะเอาของกำนัลไปให้หรือหรี่ตาปล่อยให้เขารุกล้ำแผ่นดิน รัฐบาลใหม่จะต้องสกัดเกมรุกของฮุนเซ็นในเวทีต่างประเทศให้ได้ ขณะเดียวกันต้องถ่วงดุลระหว่างการใช้กำลังขับไล่ผู้บุกรุกกับการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ในนาทีที่ไทยเป็นรองทางยุทธศาสตร์ต่อกัมพูชา แนวคิดใหม่ใดๆ ที่จะเอาชนะฮุนเซ็นได้นั้นสมควรได้รับการพิจารณา
ประเด็นด้านมนุษยธรรมและสิ่งแวดล้อมนั้นก็น่าสนใจ กลุ่ม NGO เป็นผู้มีบทบาทมากในยุคปัจจุบัน การดำเนินการใดๆ ต้องคำนึงถึงแรงเสียดทานจากพวกเขาด้วย เชื่อแน่ว่าหากพรรคเพื่อไทยได้ขึ้น ก็ต้องมีการทำธุรกิจกับพม่าหรือบรรษัทข้ามชาติอย่างเอิกเหริก ความมั่นคงทางเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นกับประเทศ แต่รัฐบาลจะต้องชี้แจงให้เคลียร์หรือมีมาตรการที่เหมาะสมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารพม่าหรือกับนายทุนมาบตาพุดด้วย
ที่คนสนใจมากที่สุดก็คือการจัดการปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของสังคม พรรคเพื่อไทยไม่อาจทำเป็นว่าไม่สนใจอดีต เอาแต่เดินไปข้างหน้าโดยหวังว่าเมื่อประชาชนอิ่มท้องก็จะส่งผลให้ด้านอื่นๆ ตลอดจนองค์รวมเป็นไปด้วยดีเอง ทั้งนี้เพราะเหตุบางอย่างมันเกิดขึ้นมาแล้วและย้อนกลับไปไม่ได้ เช่น คนเสื้อแดงที่เอาชีวิตเข้าแลกไปแล้วเพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศ เมื่อพรรคเพื่อไทยได้อำนาจแล้วจะดำเนินการตอบสนองความต้องการของพวกเขาอย่างไร จะให้ทุกอย่างเลือนหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยการนิรโทษกรรมจริงๆ หรือ หรือจะช่วยเรียกร้องให้พวกเขา หรือจะแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ให้ดุลยภาพเสีย แล้วกับทางด้านฝั่งตรงข้าม อยากรู้เหมือนกันว่าพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการต่อฝ่ายเสื้อเหลืองยังไง จะรับมือกับประชาธิปัตย์และแบ็คอัพยังไง หรือแม้แต่คนกลุ่มเล็กๆ แถวมัฆวานนั้นจะรื้อเวทีหรือปล่อยไว้อย่างนี้เรื่อยๆ แม้แต่กับมิตรที่จะมาผูกเข้าเป็นกำลังของตนนั้นพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องเอาหูเอานาเอาตาไปไร่กับการทุจริตโกงกินของมิตร เพื่อครองอำนาจให้ได้นานที่สุดแบบที่พรรคอื่นเคยทำหรือเปล่า
การที่เมืองไทยจะก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังไปสู่การเมืองน้ำเน่าแบบก่อนปี 2540 ก็ต้องดูจากทางเลือกและความสำเร็จของการจัดการปัญหาเหล่านี้