จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"หอการค้า" ระบุคอรัปชันเป็นอุปสรรคใหญ่เพิ่มขีดแข่งขันไทย หวังสร้างเครือข่ายเป็นพลังขับเคลื่อนแก้ปัญหาระยะยาว ยึดฮ่องกงต้นแบบ
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง "วาระแห่งชาติ ขับเคลื่อนขีดแข่งขันประเทศไทย" จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2554 ว่า ผมแปลกใจที่ 11 โมงยังมีผู้ฟังอยู่เต็ม เดิมเข้าใจว่ามาพูดตอนนี้อาจจะเหลือครึ่งห้อง แสดงว่าเนื้อหาที่วิทยากรทั้ง 2 ท่าน พูดมาเมื่อเช้าเป็นเนื้อหาที่มีประโยชน์ ผมมีโอกาสฟังช่วงท้ายของคุณปิยสวัสดิ์ ก็เห็นใจในการเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่ต้องแข่งขันในระดับโลก แต่เจอกฎกติกาที่เป็นตัวรั้งความเจริญจึงเข้าใจและหวังว่า คงไม่เป็นอุปสรรคให้ยอมแพ้ ยังเชื่อมั่นว่าการที่การบินทำในช่วงที่ผ่านมาเป็นประจักษ์สำคัญว่าขีดความสามารถในการแข่งขันต้องสู้ทั่วโลกให้ได้
ขีดความสามารถในการแข่งขันในโลกมี 2 สถาบัน ที่ดูเรื่องนี้จริงจังมีธนาคารโลกและ International Institute for Management Development (IMD) ได้เอาผลของไอเอ็มดีที่เปรียบเทียบ 59 ประเทศ ทั่วโลกว่าขีดความสามารถในการแข่งขันที่ได้รับประเมินเปรียบเทียบจะไปพัฒนาอย่างไร สิงคโปร์มีการจัดตั้งคณะทำงานเมื่อ 10 ปี ที่แล้วเพื่อดูว่าจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างไรและมาเลเซียก็ไม่แตกต่างกัน
ประเทศไทยเมื่อ 15 ปี ที่แล้ว สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (ทีเอ็มเอ) สมัยที่คุณชาญชัย จารุวัสตร์ เป็นประธานก็ได้นำเรื่องนี้มาเสนอเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นว่าประเทศไทยถูกประเมินผล 59 ประเทศ ไทยอยู่อันดับ 26 ปีต่อมาอยู่อันดับ 27 ปีถัดไปอันดับ 25 ทุกครั้งที่มีการพูดคุยเรื่องความสามารถในการแข่งขันจะตื่นเต้นแค่ 3 วัน คือวันที่ประกาศผลในเดือน พ.ค.ทุกปี และทีเอ็มเอก็เอาเรื่องนี้มาประกาศให้ทุกคนทราบ หนังสือพิมพ์ในวันรุ่งขึ้นก็ลงกันหมดคนก็ตื่นเต้นมีการวิจารณ์อีก 3 วงันต่อมาเรื่องหายเงียบไม่มีใครสนใจเรื่องนี้อีก เป็นปัญหาของไทยที่ขาดการดูแลขาดความสนใจ
ทำไมขีดความสามารถในการแข่งขันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สิงคโปร์ ฮ่องกงหรือทุกประเทศทั่วโลกใส่ใจ เพราะนักลงทุนที่จะลงทุนต่างประเทศไม่ใช่อยู่ดีๆ สนใจแล้ววิ่งเข้ามา เขาต้องดูข้อมูลพื้นฐานดูข้อมูลธนาคารโลกและไอเอ็มดีเป็นอย่างไรแล้วจึงตัดสินใจขั้นต้น และมาหาพาร์ทเนอร์ที่คิดว่ามีส่วนสำคัญทางธุรกิจ แต่ถ้าความสามารถในการแข่งขันของเราอยู่นิ่งในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเรามีความสามารถตรงนี้เลวลงไป เป็นที่โชคดีที่ปีที่แล้วที่เรื่องไอเอ็มดีนำเข้ามาแล้วได้รับความสนใจมากขึ้น ทีเอ็มเอได้นำเรื่องนี้ไปหารือสภาพัฒน์และนักธุรกิจสนใจเรื่องนี้มากขึ้นก็แบ่งหน้าที่กันเพื่อความชัดเจนในการเตรียมการว่าเราจะพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้ดีขึ้นอย่างไร
ถ้ามองในขั้นต้นสิ่งที่เป็นจุดเด่นของไทย คือ การค้าระหว่างประเทศร้อยละ 70 ของจีดีพีมาจากการส่งออก ที่ภาคธุรกิจเป็นผู้ผลักดันอย่างเต็มที่ เรื่องการจ้างงานเมื่อการส่งออกดี การบริการดี การผลิตดีก็ทำให้การจ้างงานดีไปด้วย เรื่องค่าครองชีพต่ำเป็นประโยชน์สำคัญรวมถึงนโยบายการคลังเป็นเรื่องดีที่ต้องรักษาไว้
ชี้โครงสร้างพื้นฐาน เป็นจุดอ่อน
ส่วนที่เป็นจุดอ่อนที่คิดว่าต้องดูแลอย่างชัดเจนจุดสำคัญคือโครงสร้างพื้นฐาน เมื่อ 3-4 ปี ก่อนอยู่อันดับ 42 ปีที่แล้วอันดับ 46 ปีนี้อันดับ 52 ถ้าดูเทรนอย่างนี้อีกไม่นานจะอยู่ที่ 59 จะต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะมี 59 ประเทศ นี่คือความไม่เอาไหน ประเทศที่เจริญแล้วการขนส่งทางรถไฟร้อยละ 40 ญี่ปุ่นขนส่งทางน้ำร้อยละ 40 แสดงให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำสุดคือเรื่องน้ำรองลงมา เรื่องรางสุดท้ายทางถนน มีขนส่งทางอากาศบ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อยเฉพาะงานที่มีความสำคัญเร่งด่วนหรือต้นทุนขนส่งต่ำเมื่อเทียบกับราคาสินค้า
ไทยขนส่งทางน้ำร้อยละ 8 ขนส่งทางรางร้อยละ 2 อีกร้อยละ 90 ขนส่งทางรถยนต์ไปเผาผลาญน้ำมันเท่าไหร่ ไปทำให้การสร้างถนนที่ใช้งบประมาณเท่าไหร่ รถ 10 ล้อ วิ่งบนถนนสร้างความเสียหายให้สภาพแวดล้อมเท่าไหร่ เรื่องความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นอีกเท่าไหร่ ถ้าเราดึงร้อยละ 90 ของการขนส่งถนนมาอยู่บนรางเหมือนสหรัฐมาอยู่บนเรือแบบญี่ปุ่น นึกภาพออกไหมว่าถนนจะโล่งขนาดไหน ปริมาณการขนส่งจำนวนมากลงไปในน้ำจัดท่าเรือให้ดีๆ จัดการขนส่งให้ดีสภาพแวดล้อมนี้จะช่วยให้เกิดขึ้นเอง และถ้าจะการระบบรางให้ดีปริมาณจำนวนจะมากขึ้น
ประเทศไทยไม่เคยคิดอย่างนี้และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม เราอาจมาเริ่ม 1-2 ปี ลงทุนรางคู่ แต่แนวคิดการบริหารจัดการของการรถไฟจะต้องเปลี่ยน แต่ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเหมือนเดิมโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นปัญหาให้ขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นเป็นไปได้ยาก ถ้าเป็นวาระแห่งชาติจะต้องมาดูเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ประเทศที่เจริญแล้วการต้นทุนทำโลจิสติกส์ร้อยละ 8 ของจีดีพี ในขณะที่ประเทศไทยร้อยละ 19 แม้คุณจะเป็นคนที่มีความสามารถในการผลิตและให้บริการที่สุดยอดที่สุดในโลก ถ้าค่าขนส่งค่าบริหารค่าคลังสินค้าสูงกว่าชาวบ้าน 1 เท่าตัว ชาตินี้ทั้งชาติไม่มีทางขีดความสามารถแข่งขันได้ หัวใจสำคัญเรื่องที่ 1 อยู่ที่โลจิสติกส์ที่ต้องมาดูเรื่องนี้อย่างจริงจัง
'อาร์แอนด์ดี'ต่ำ เพราะนิยมซื้อเทคโนโลยี
เรื่องที่ 2 มาดูการวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) และเทคโนโลยี ประเทศไทยสัดส่วนการใช้อาร์แอนด์ดีต่ำมาก เพราะเราใช้วิธีซื้อเทคโนโลยีมาทำการผลิตแต่เราไม่ได้พัฒนาต่อ การพัฒนาเทคโนโลนีเหมือนญี่ปุ่นสมัยก่อนและจีนสมัยนี้พัฒนาและขยายผลเทคโนโลยีของตัวเองได้
การดูแลสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของประเทศไทยที่ใส่ใจเรื่องนี้น้อยมาก และเรื่องการศึกษาก็เป็นอีกจุดอ่อนของไทย ทุกคนยอมรับว่าเด็กที่จบ ม.6 จากโรงเรียนต่างจังหวัดกับเด็กที่จบจากโรงเรียนสาธิตใน กทม. จบ ม.6 เหมือนกัน แต่คุณภาพที่ได้รับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นี่คือความแตกต่างระหว่างเด็กในส่วนกลางกับเด็กภูมิภาค นักศึกษาที่จบมาแล้วจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้ามาทำงานที่พวกเราต้องรับผิดชอบ นักศึกษาเหล่านั้นยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามที่เรามุ่งหวังจะต้องมาฝึกอีก 3-12 เดือน นี้เป็นข้อแตกต่างของสถาบันการศึกษายังไม่สามารถตอบสนองอุตสาหกรรมหรือภาคบริการได้เต็มที่
เราเป็นประเทศที่อยากส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป เราต้องการเทคนิเชียนมากเหมือนเยอรมันและสหรัฐ แต่กลับผลิตนักศึกษาปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจที่มีความสามารถในการบริหารไม่สูง เราขาดเทคนิเชียน นี่คือสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงไม่อย่างนั้นขีดความสามารถในการแข่งขันที่วัด 59 ประเทศ ไทยจะนิ่งที่ 26-27 ตลอดเวลา
คอรัปชันตัวกัดกร่อนขีดแข่งขัน
ข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือ คอรัปชั่น จะเป็นตัวกัดกร่อนความสามารถในการแข่งขันของประเทศไปมาก ลองคิดดูว่าถ้ามีเทคโนโลยีที่ดีแต่ไม่สามารถนำเสนอสินค้าที่ท่านมีความสามารถสูง เพราะมีคนที่เอาเปรียบสังคมโดยการจ่ายเงินให้คนที่มีอำนาจรับผิดชอบ จ่ายเงินให้นักการเมืองหรือจ่ายให้ข้าราชการที่รับผิดชอบโดยตรง มีผู้ที่มีเทคโนโลยีด้อยกว่าท่านมีความสามารถน้อยกว่าท่านแต่เขาผู้ได้ผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศ ท่านเป็นผู้มีความสามารถประสิทธิภาพสูงแต่ดำเนินการไม่ได้
ผู้บริโภคในไทยคือคนที่รับเคราะห์เพราะคนที่จ่ายเงินใต้โต๊ะไปคงไม่ใช่คนใจบุญที่ถือว่าเป็นเงินให้สังคมเฉยๆ เงินที่จ่ายไปจะเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนในการผลิตสินค้าออกสู่ตลาด เทคโนโลยีที่ด้อยกว่าเป็นข้อเสียเปรียบแต่เข้าจะได้เปรียบทุกอย่างอย่างสิ้นเชิง ระยะยาวความสามารถในการแข่งขันของประเทศจะด้วยลงเรื่อยๆ เพราะเราขาดประสิทธิภาพในการผลิตที่แท้จริง ความสามารถในการแข่งขันที่แท้จริงไม่ได้ถูกนำมาใช้ นี่คือสิ่งกัดกร่อนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
เรื่องที่พูดไม่ใช่ต้องบอกให้เอาบิลมาเอาหลักฐานมา แต่วิธีการประเมินของไอเอ็มดีเขาทำทั่วโลกทุกประเทศยอมรับและเป็นสิ่งที่ไทยต้องยอมรับด้วยว่าฝรั่งที่มาประเมินผลเห็นจุดอ่อนของประเทศไทย จุดอ่อนที่ทำให้ต้นทุนของเขาสูงขึ้นและความสามารถในการแข่งขันของเขาจะด้อยลงไป นี่คือจุดที่โอกาสนักลงทุนในอนาคตข้างหน้าจะมาลงทุนในไทยจะลดน้อยลงไปอีก เขาไปประเทศที่โปร่งใสกว่าไม่ดีหรือ ต้นทุนชัดเจนคาดการณ์ได้และใช้ประสิทธิภาพในการผลิตเข้าไปแข่งขันไม่ดีกว่าหรือ หากไม่แก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจังผมคิดว่าเตรียมตัวให้ประเทศล่มสลายได้ ผมเชื่อว่าภายใน 20 ปี ตราบใดที่เรื่องนี้ไม่ใส่ใจอย่างจริงจัง ตราบใดให้นักการเมืองเข้ามาเอาเปรียบสังคม ตราบใดที่มีข้าราชการคดโกง ตราบใดมีนักธุรกิจที่เอาเปรียบสังคม ประเทศชาติอยู่ไม่ได้ในระยะยาว
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาใส่ใจเรื่องนี้และดูแลอย่างจริงจัง ถ้าปล่อยทิ้งไว้การประเมินผลที่ทำร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปีหนึ่งถึงยักยอกเงินหรือปล้นเงินไปปีละ 200,000 ล้านบาท ที่เข้ากระเป๋าคนเอาเปรียบสังคม คนแค่หยิบมือเดียวที่สร้างปัญหาให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และพวกเรา 70 ล้านคน ยังปล่อยให้เป็นไปอย่างเคยหรือเปล่า เขาทำมานานเขาเลวขึ้นเรื่อยๆ เขาเอาเปรียบขึ้นเรื่อยๆ แต่เรายังนั่งเฉยดูดาย มิหน่ำซ้ำคนพวกเราบางคนเมื่อไปทำเซอร์เวย์มาบอกว่าคนโกงนิดโกงหน่อยยอมได้ตราบใดที่เห็นผลงาน ฟังดูแล้วน่าสลดใจว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ปล่อยให้เขาบริหารประเทศมันจะมีโอกาสกินโกงชาติต่อไป
ด้วยเหตุนี้พวกเราในหอการค้าไทยและภาคีเครือข่าย 20 กว่าภาคี ถึงต้องลุกขึ้นมาประกาศต่อต้านคอรัปชั่น เพราะมองดูแล้วว่าถ้าปล่อยให้แนวโน้มเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่เกิน 20 ปี แผนที่ประเทศไทยจะถูกลบออกจากนี้ เพราะไม่มีเงินพอดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ไม่มีเงินพอบริหารประเทศต่อไปได้ ประเทศจะล่มสลายและพวกเราก็ส่งถ่ายประเทศที่บอบช้ำให้กับลูกหลาน และเรากำลังจะทำอย่างนั้นหรือเปล่าแต่ถ้าเราพร้อมที่จะส่งประเทศที่มีความเข้มแข็งให้กับลูกหลานก็ลุกมาช่วยกันให้คนมีความใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้น หน้าที่ดูแลป้องกันการปราบปรามคอรัปชั่นไม่ใช่ผมคนเดียวไม่ใช่หน้าที่ของเครือข่าย 23 เครื่อข่าย แต่ผมเชื่อมั่นว่าคนทั้งหมดในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ นักธุรกิจ ข้าราชการหรือนักการเมืองเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะช่วยดูแล
ยึดฮ่องกงต้นแบบแก้คอรัปชัน
หลายคนคงทราบว่าเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2554 เราได้ประกาศเป็นศัตรูกับคอรัปชั่น เราเชิญผู้ชำนาญจากฮ่องกงมาถ่ายทอดความรู้ให้ ทุกคนคงทราบ 37 ปี ที่แล้ว ฮ่องกงมีการโกงวินาศสันตะโรมากกว่าประเทศไทยปัจจุบัน แต่วันนี้การประเมินผลของไอเอ็มดีและธนาคารโลกพบว่าฮ่องกงเป็นประเทศที่มีการทำงานโปร่งใสที่สุดอันดับ 13 ของโลก ในขณะที่ไทยอยู่อันดับ 78 หากไม่แก้ไขจะเลวลงเรื่อยๆ เขาประเมิน 178 ประเทศ เราจึงต้องติดตามดูแลใกล้ชิดให้รู้ว่าจะทำอย่างไรให้หยุดคอรัปชั่น
ผมขอให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินดัชนีคอรัปชั่นของประเทศไทย ไปดูว่าการคอรัปชั่นในปัจจุบันอยู่ระดับใด และจะใช้เครือข่ายที่มีและมีสื่อเป็นผู้สนับสนุนกระจายข้อมูลไปทั่วประเทศให้คนมาช่วยกันสอดส่องดูแล มาดูว่าทุก 6 เดือน ดัชนีดีขึ้นหรือเลวลง ถ้าดัชนีดีขึ้นแสดงว่าเครือข่ายที่มีทำหน้าที่ขั้นต้นไปได้พอสมควร แต่ถ้าดัชนีเลวลงในอีก 3-5 ปี ข้างหน้า แสดงว่าเราล้มเหลวในการต่อต้านคอรัปชั่น แสดงให้เห็นว่าความล้มเหลวของประเทศไทยเกิดขึ้นแน่ภายใน 20 ปี
หลังจากที่เราเชิญฮ่องกงมาเป็นต้นแบบคิดดู 37 ปี ที่เข้าทำให้ประเทศโปร่งใสน่าชื่นใจคนไปไหนมีคนกล่าวถึงความใสสะอาดของฮ่องกง สักวันหนึ่งเมื่อเราเดินทางต่างประเทศเราอาจเอาปี๊ปคลุมหน้าเราถ้ามีคนรู้ว่าไอ้นี่มาจากไทยแลนด์ประเทศที่โลกที่สุดในโลกประเทศที่โสโครกที่สุดในโลกเราจะยอมรับของเหล่านี้ไหม เราจึงต้องมาช่วยกันดูแลและช่วยกันทำ
โดย The Independent Commission Against Corruption (ICAC) ของฮ่องกง ใช้เวลา 37 ปี ในการจัดการทุจริตคอรัปชั่นของฮ่องกงเขาเอาจริงเอาจังมีอำนาจเต็มที่คนที่ทำผิดชัดเจนต้องติดตาราง เขาบอกติดตาราง 5-6 คน เดี๋ยวก็เบาลงเอง เขาจะเอาเรื่องทุจริตจริงมาประณาม ในขณะเดียวกันเขามีอีกหน่วยงานมาเสริมสร้างความเข้าใจตั้งแต่เด็กว่าเป็นเรื่องไม่ดีมีการ์ตูนสอน ผู้ใหญ่ขึ้นมาก็จะเอาดารามาแนะนำเพื่อเตือนสติวัยรุ่น ส่วนผู้ใหญ่จะเอาคนที่เคารพนับหน้าถือตาและซื่อสัตย์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ฮ่องกงทำได้ทำไม่ประเทศไทยจะทำไม่ได้ ข้อสำคัญคือพวกเราทุกคนต้องมีส่วนร่วม
หลังจากที่เราประชุมกันเรียบร้อยและวันนั้นคุณปิยสวัสดิ์ก็ได้กรุณาเป็นผู้นำคนหนึ่งในการแสดงทัศนะนักธุรกิจ เราแบ่งเป็น 4 กลุ่ม มีกลุ่มเด็ก กลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มสื่อมวลชนและกลุ่มข้าราชการ เป็นที่น่าชื่นใจที่เด็กๆ บอกทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเราเองและพวกเขาพร้อมใช้เครือข่ายที่มีในการกระจายข้อมูล บ่อยครั้งที่การสัมมนาจะสรุปว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำเป็นสิ่งที่คนอื่นต้องทำแต่ไม่เคยพูดถึงตัวเราเอง เยาวชนกลุ่มนั้นทั้งหมดที่เป็นอนาคตของชาติบอกว่าต้องเริ่มที่เขาและครอบครัวของเขา
พูดถึงนักธุรกิจ คุณปิยสวัสดิ์ก็บอกต้องปรับองค์กรของเราให้เรียบร้อย องค์กรภายในต้องซื่อสัตย์ ต้องมีธรรมาภิบาล หัวต้องไม่กระดิกถ้าหัวไม่ขี้โกงแล้วกลางกับหางจะโกงยาก แต่ถ้าหัวกระดิกแล้วกลางกับหางจะกระดิกเต็มที่ เราจึงต้องรู้ว่าเป็นหน้าที่ของทุกคน สื่อมวลชนถือว่าครั้งนั้นเป็นความร่วมมือที่ดีตั้งแต่ทำงานเป็นประธานหอการค้ามาไม่เคยมีสื่อมวลชนครั้งไหนที่สามารถรวมพลังงานได้เท่านี้ ความร่วมมือของการให้ข่าวทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ในช่วง 7 วัน มันกระหึ่มนี่คือบทบาทที่สื่อมวลชนมีพลังออกมา สื่อบอกจะเอาเรื่องที่อยู่ในมุมมืดออกมาสอดคล้องกับสิ่งที่ฮ่องกงทำ จะทำอย่างไรให้เรากล้าพูดในสิ่งที่เราไม่เคยกล้า จะทำอย่างไรให้คนที่พูดมีการปกป้องโดยรัฐหรือกฎหมายเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้น
ภาครัฐบอกจะพยายามทำทุกอย่างให้โปร่งใสมากขึ้นชัดเจนมาขึ้นไม่ใช่จะให้กฎระเบียบเป็นช่องทางในการทุจริตคอรัปชั่น ดูแล้วทั้ง 3-4 เครือข่าย จะรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเองจากนั้นต้องมาทำแผนงานหลักให้แต่ละกลุ่มทำการบ้านว่าจะดำเนินการอย่างไรไปข้างหน้า เรากำลังเลเตรียมการดูการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นหัวใจสำคัญในการจัดซื้อภาครัฐปะลหลายแสนล้านบาท ถ้าสามารถช่วยกันดูแลจะเป็นจุดหนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาปัญหาที่เกิดขึ้น ต่อไปต้องดูการซื้อตำแหน่งการที่ข้าราชการระดับสูงรับตำแหน่งมีการซื้อขายกันไหมกับนักการเมือง คนเก่งคนดีที่มีความสามารถไม่มีโอกาสเป็นอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด คนที่จ่ายเงินเป็นเครือข่ายของคนโกงจะเป็นคนอยู่รอดแล้วประเทศจะอยู่รอดได้ไหม
ถ้าเป็นผู้บริหารบริษัทแล้วคนเก่งคนมีความสามารถคนดี แต่ตัดโอกาสแล้วเอาคนที่จ่ายเงินให้เรา คุณคิดหรือว่าคนนั้นจะพาองค์กรอยู่รอด จ่ายเงินไปแล้วก็ต้องหาเงินมาชดใช้ที่จ่ายไป นี่คือโกงกรรมที่เกิดขึ้นตลอดทำให้ไทยเจริญไม่ได้และความสามารถในการแข่งขันต่ำ
ประเด็นสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ใช้เครือข่ายให้มีพลังมากกว่านี้ พวกเรากำลังคิดตั้งศูนย์ประสานงานอยู่ภายใต้ภาคีเครือข่ายเพื่อรับข้อมูลการโกงที่มีวิวัฒนาการซับซ้อนขึ้น เราไม่ได้กวาดล้างแต่เราต่อต้านเพราะฉนั้นอะไรที่เห็นชัดจะนำเรื่องนี้ไปเผยแพร่ให้สาธารณะเห็นกลไก และเราจะช่วยกันสอดส่องให้คนโกงทำยากขึ้น เราไม่หวังให้คอรัปชั่นหมดไปได้ใน 3-7 วัน แต่ต้องใช้เวลา 10-20 ปี ก็ต้องเริ่มต้นเพื่อให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของเราดีขึ้น
ผมเชื่อว่า แผนงานที่เป็นมาสเตอร์แพลนที่ทำทั้งหมดจะเป็นส่วนสำคัญที่ดันให้มีคนสนใจมากขึ้นได้รับความใส่ใจจากประชาชน และการเริ่มต้นที่การัดซื้อจัดจ้างจะชัดเจนขึ้นและคนที่เคยโกงจะโกงยากขึ้น มันจะเริ่มต้นตั้งแต่การทำนโยบาย ทำโครงการ การมีที่ปรึกษา การตั้งราคากลาง การทำงบประมาณ การทำราคากลางทุกขั้นตอนมีกลไกการโกง เราจะมาจับเรื่องนี้ให้ชัดเจน
ผมหวังว่าแนวคิด 20 เครื่อข่ายมีความตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ คงไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้ายแต่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้กลไกเริ่มเดิน จะทำใหคนโกงชาติทำได้ลำบาก ผมหวังว่าสังคมไทยในวันข้างหน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น เราคงกล้าพูดแสดงออกให้กับคนไว้วางใจมากขึ้น เราต้องเปลี่ยนสังคมไทยให้หยุดยกมือไหว้คนรวยแต่โกง แต่เราทุกคนต้องกล้าหาญยกมือไหว้และเคารพคนจนแต่ซื่อสัตย์ พวกเราทุกคนถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนแล้วดูว่าสินค้าใด บริการใดที่ทำจากคนคดโกงเอาเปรียบสังคม
แม้สินค้านั้น ราคาถูกกว่าคนที่มีความซื่อตรงสุจริต เราต้องพยายามช่วยให้คนเลวมีโอกาสบริหารประเทศน้อยลงจะต้องช่วยให้คนดีคนเก่งได้รับผิดชอบงานสูงขึ้นและทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง และทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยเข้มแข็งอย่างยั่งยืน