เปิดใจ'คณิต'ยัน'ทักษิณไม่มีอิทธิพลกับผม'
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : ปกรณ์ พึ่งเนตร
เปิดใจคำต่อคำ หัวขบวน คอป. "คณิต ณ นคร" ยืนยัน"ทักษิณไม่มีอิทธิพลอะไรกับผม" ระบุหากสังคมเชื่อถือเดินหน้าทำงานต่อไป
ทันทีที่มีสุ้มเสียงจากดูไบและท่าทีจากว่าที่รัฐบาลชุดใหม่อย่างพรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้ คอป. หรือคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ทำงานต่อไป เสียงวิจารณ์ในเชิงไม่มั่นใจก็เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทันที เพราะ คอป.เป็นคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ประเด็น "นิรโทษกรรม" ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอย่างหนาหู และเต็มไปด้วยความกังขาว่าขั้วอำนาจใหม่อาจได้ประโยชน์อะไรบางประการจากการทำงานของ คอป.
ศ.ดร.คณิต ณ นคร ประธาน คอป. ให้สัมภาษณ์สื่อเครือเนชั่นเมื่อปลายสัปดาห์ พร้อมตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการทำงาน และหลักประกันความเป็น "อิสระ" อันเป็น "หัวใจ" ของ คอป.
O วิเคราะห์หรือไม่ว่าเหตุใดบทบาทของ คอป.ถึงได้รับการยอมรับ แม้กระทั่งจากพรรคเพื่อไทย
เพราะสิ่งที่เราทำมาเราใช้หลักวิชาการและสร้างความน่าเชื่อถือศรัทธาให้เกิดขึ้น จึงได้รับความร่วมมือ จริงๆ แล้ว เราไม่ได้มีอำนาจ แต่ได้รับความร่วมมือที่ดีมาก พอสถานการณ์มาถึงตรงนี้ ใครไม่ร่วมมือก็น่าเกลียดแล้ว
การทำงานของ คอป. เราเริ่มจากการสร้างความน่าเชื่อถือก่อน ทีแรกที่ผมขึ้นมาก็โดนโจมตี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
O มีบางฝ่ายมองเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ดร.คณิต กับคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะเคยร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมาด้วยกัน
ตอนนั้นผมเข้าไปไม่นาน และตั้งแต่ผมออกจากพรรคไทยรักไทยก็ไม่เคยเจอคุณทักษิณเลย จริงๆ แล้ว ผมก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับพรรคไทยรักไทยมากนัก ผมคิดว่าผมไม่เหมาะกับเวทีแบบนั้น และเมื่อผมถอยออกมา ผมก็ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร
O ที่ผ่านมา อึดอัดกับบทบาทของคุณทักษิณหรือไม่
ผมไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับคุณทักษิณเลย เราอยู่คนละภาคส่วนกัน เขาอยู่ภาคการเมือง ส่วนเราแก้ปัญหาให้ส่วนรวม คุณทักษิณไม่มีอิทธิพลอะไรกับผม
O ที่ผ่านมา กลุ่มเสื้อแดงก็ขานรับการทำงานของ คอป.มาก คิดว่าเป็นเพราะอะไร
เราทำหน้าที่เป็นคนฟังที่ดี สังคมเราขณะนี้มีปัญหาเรื่องการรับฟังบอด เพราะทุกคนพูดกันหมด ต่างคนต่างพูด ไม่มีใครฟัง แต่ คอป.ฟัง เมื่อฟังแล้วก็นำมาสังเคราะห์ และใช้หลักวิชาเข้าไปจัดการปัญหา มานั่งคิดว่าใช้หลักวิชาอะไรเข้าไป เพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมอย่างแท้จริง
มนุษย์เรามีความต้องการแค่สองอย่าง หนึ่งคือปัจจัยสี่ กับสองคือความเป็นธรรม ซึ่งความเป็นธรรมนั้นสำคัญที่สุด แม้จะมีปัจจัยสี่สมบูรณ์พร้อมแล้ว ก็ยังต้องการความเป็นธรรม
ฉะนั้นเมื่อเราได้ข้อมูลจากการรับฟัง เราก็ต้องมาสังเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม ข้อเสนอของเราต้องไม่ล่องลอย ต้องจับต้องได้ และมีข้อเสนอแนะต่อสาธารณะเป็นระยะ
แน่นอนว่า เราได้รับการแต่งตั้งโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เราก็ต้องทำรายงานถึงรัฐบาล แต่เราก็ต้องรายงานต่อประชาชนด้วย และรายงานของเราก็ทำออกมาสองภาษา คือ ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ เพื่อป้องกันการตีความผิดพลาด เพราะหากเกิดความเข้าใจผิด เราก็ต้องไปชี้แจงกับต่างประเทศอีก สมัยนี้ความขัดแย้งภายในประเทศส่งผลกระทบไปทั่วโลก ฉะนั้นต้องทำให้ทั้งคนในประเทศและต่างประเทศรับรู้อย่างถูกต้องตรงกัน
O กระบวนการตรวจสอบและค้นหาความจริง เมื่อสรุปรายงานออกมาจะเผยแพร่สู่สาธารณะหรือไม่ เพราะรายงานหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา เช่น พฤษภาทมิฬ ก็ไม่มีการเปิดเผย
ผมไม่เคยปิด ไม่เคยหนีนักข่าว จริงๆ แล้วเวลาทำอะไร ถ้ามีนักข่าวอยู่ด้วยจะทำงานได้ดี แต่ต้องยอมรับว่าในสถานการณ์บางอย่าง เปิดเผยก่อนเวลาอันควรก็ไม่ดี งานแบบนี้ต้องใช้เวลาและอาศัยจังหวะที่ดีด้วย
ตอนกระบวนการไต่สวนความจริงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ผมก็เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทำเสร็จแล้วไม่รู้รายงานไปนอนแผ่อยู่ที่ไหน จนถึงวันนี้ ตัวรายงานที่สรุปไปผมยังไม่มีเลยสักชุด แต่สำหรับ คอป. ผมจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น ต้องตีแผ่ให้สาธารณชนได้รับรู้ และจะเปิดข้อมูลไปเรื่อยๆ พร้อมๆ กับการจัดทำข้อเสนอแนะเป็นระยะ จริงๆ แล้ว เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ถ้าตีแผ่ให้คนรู้ สถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ อาจจะดีกว่านี้ก็ได้
O มีข่าวว่าทางพรรคเพื่อไทยจะตั้งกรรมการเข้ามาเพิ่ม
คิดว่าเขาคงไม่ทำอย่างนั้น เราได้รับการแต่งตั้งโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ตั้งโดยคำสั่งนายกฯ เฉยๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเปลี่ยนไปตามรัฐบาล แต่ถ้าเขาจะรื้อระเบียบสำนักนายกฯ ก็สามารถทำได้
O รัฐบาลใหม่อาจจะบอกว่าตั้งคนเพิ่มเพื่อให้เข้าไปช่วยงาน
ถ้าจะช่วยอยากให้ช่วยด้านอื่นดีกว่า เช่น ดูแลให้เราทำงานได้อย่างสะดวก จริงๆ แล้ว คอป.ไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย เรียกคนมาให้การก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่องค์กรในกระบวนการยุติธรรม แต่การไม่มีอำนาจก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าเราทำให้เกิดความน่าเชื่อถือได้ ก็จะได้รับความร่วมมือ และน่าจะได้ความจริงมากกว่า
เราพยายามดูแลทั้งหมดทุกมิติ รวมทั้งการเยียวยา อนุกรรมการของผมเข้าคุกด้วยนะ หมายถึงไปเยี่ยมคนถึงในคุก แน่นอนว่า เราไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ชี้ผิดชี้ถูก แต่เราต้องตีแผ่ข้อมูลให้ประชาชนได้รับรู้
O ตั้งรับแรงกดดันทางการเมืองหลังจากนี้อย่างไร
เราก็ทำงานของเราไป เขาก็พูดอยู่แล้วว่าจะให้อิสระเราเต็มที่ ฉะนั้นสังคมก็ต้องมาช่วยกัน ตราบใดที่เรายังทำงานอยู่และสังคมเชื่อถือ เราก็ทำต่อไป
จริงๆ แล้ว สมัยที่ผมเสนอให้ปล่อยตัวชั่วคราว (ให้ประกันตัวคนเสื้อแดงที่ถูกจับกุมคุมขัง) ซึ่งเป็นข้อเสนอแรกๆ ของเรา เคยมีคนโทรมาขู่เผาบ้าน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ การตั้งหลักให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเราเข้าข้างเสื้อแดงหรือสีใดสีหนึ่ง จะมีคนออกมาเดินขบวนทันที
O เรื่องนิรโทษกรรมมีการเสนอให้ทำประชามติไปเลย ทาง คอป.คิดอย่างไร
คงไม่ใช่หน้าที่ของเรา เราทำหน้าที่ที่มีอยู่ให้สมบูรณ์เท่านั้น เรื่องนิรโทษกรรมที่พูดกันมากคงเป็นเพราะเราคุ้นเคยกับการปฏิวัติ พอปฏิวัติเสร็จก็มีการนิรโทษกรรมกันทุกครั้ง แต่เรื่องนี้คงไม่ใช่แบบนั้น
O หากรัฐบาลสั่งให้ทำบางเรื่องจะทำอย่างไร
คงไม่กล้าสั่งมั้ง รัฐบาลทำได้อย่างเดียว คือ เลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่ตั้งผม ถ้าเลิกตรงนั้นผมก็กลับไปเลี้ยงหลาน
O ในกระบวนการค้นหาความจริง หลังจากนี้ จะต้องเชิญคุณอภิสิทธิ์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) กับคุณสุเทพ (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง) มาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่
คงต้องไปถามคุณสมชาย (นายสมชาย หอมลออ ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบและค้นหาความจริง) แต่ถ้าดูแล้วจำเป็นก็อาจจะต้องมา
แนวทางการทำงานหลังจากนี้ คือ เราจะสรุปรายงานรอบ 6 เดือนครั้งที่ 2 (ทำงานครบ 1 ปี) ในวันที่ 17 กรกฎาคม จากนั้นก็จะมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลชุดใหม่ด้วย
--------------------------------