พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งหมดที่พระราชทานแก่
ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ว่าราชการจังหวัดระบบบูรณาการ(ผู้ว่าฯซีอีโอ)
เมื่อ วันที่ 3 ตุลาคม 2546 ณ วังไกลกังวลหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ร.) ได้จัดทำเป็นเอกสารมอบให้ผู้ว่าฯซีอีโอทุกจังหวัดรับใส่เกล้าฯเป็นแนวทางปฏิบัติหน้าที่ ขณะนี้ผู้ว่าฯซีอีโอทำงานมาได้เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ทุกจังหวัดจะต้องส่งแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด(คลัสเตอร์) ให้คณะกรรมการในส่วนกลางพิจารณา ก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในวันที่ 25 พฤศจิกายน
ท่านรองนายกฯ ได้ขอโอวาทให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ให้ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตร ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เรียกว่าซีอีโอ
ข้อแรกที่ทำให้มีความเดือดร้อนลำบากเพราะว่าไม่เข้าใจนักว่าผู้ว่าฯซีอีโอ แปลว่าอะไรเข้าใจว่าท่านทั้งหลายเข้าใจ ท่านก็ควรจะอธิบายได้ แต่ว่าที่บอกว่าไม่ค่อยเข้าใจ หนักใจแทนประชาชน เพราะประชาชนทางฝ่ายรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีตั้งใจที่จะให้ทุกคนเข้าใจภาษาอังกฤษ ทำไมใช้ภาษาอังกฤษ เพราะว่าภาษาไทยไม่ดี ไม่เข้าใจกันก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษ แต่ทำไมไม่ใช้ภาษาเยอรมัน ทำไมไม่ใช้ภาษาฝรั่งเศส นี่ก็เป็นปัญหาที่เข้าใจ
ที่ใช้คำว่า ผู้ว่าฯซีอีโอก็เข้าใจว่าจะให้ทุกคนมีความรู้ทั่วทุกอย่าง และเมื่อมีปัญหาอะไรก็จะแก้ปัญหาได้ อันนี้ได้เคยถามทางซีอีโอ ว่าท่านจะรู้ได้อย่างไร ท่านบอกว่า ก็ขอให้รองผู้ว่าฯ หรือ นายอำเภอทำตามปัญหาที่มีอยู่ ไม่ใช่ผู้ว่าฯ ผู้ว่าฯไม่ต้อง ไม่ต้องมีความรู้อะไรเลย อันนี้ก็มีปัญหาอะไรที่จะมีผู้ว่าฯซีอีโอ เพราะว่าซีอีโอนี้เข้าใจว่า เป็นผู้ที่มีคำสั่งได้ คนไทยมีคำสั่งได้ไม่เข้าใจในงาน ไม่รู้รายละเอียดของงานก็ลำบาก ทำไม่ได้ แต่เข้าใจว่าท่านได้ผ่านอบรมมาและมีผู้ที่เป็นผู้อบรม มีคุณภาพตั้งแต่นายกรัฐมนตรี และผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศมาสอนท่าน และท่านเข้าใจในการสอนนั้น ถ้าทำอย่างนั้นได้ก็ไม่ต้องให้โอวาทอะไรเลย เพราะว่าโอวาทนั้นจะมีไว้สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่อง แต่ท่านก็รู้เรื่อง แต่อยากจะสรุปหน้าที่ของท่านว่าท่านจะต้องปกครอง คำว่าปกครองนี้ก็หมายความว่า จัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชนมีความเรียบร้อย มีความสามารถที่จะดำเนินชีวิตดีอย่างดี เพื่อให้ดำเนินชีวิตอย่างนั้นจะต้องมีความรู้ในทั้งหลักวิชาต่าง ๆ
หลักวิชาต่าง ๆ นี้มีอะไรบ้าง แต่ก่อนนี้ผู้ว่าฯ ก็เป็นผู้ที่ปกครองอยู่ในกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงปกครอง แต่ในกระทรวงมหาดไทยของเก่าก็มีทุกอย่าง มีการพัฒนาด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ การพัฒนาทำให้มีความเจริญ และความเจริญนั้นจะต้องใช้วิชาการทุกอย่าง ทั้งวิชาการปกครอง โดยหลักวิชาของรัฐศาสตร์ มีหลักวิชาของนิติศาสตร์ นอกจากนั้น ก็มีหลักวิชาของการทำมาหากิน และหลักวิชาทางเศรษฐศาสตร์ อย่างนี้ทิ้งไม่ได้ มีความรู้เก่งในทางรัฐศาสตร์นิติศาสตร์ หรือเศรษฐศาสตร์ ก็แต่ละท่านหรือแต่ละคนที่เป็นผู้มีความรู้ก็หากินได้ ทำมาหากินได้ หมายความว่า ทำงานและได้ค่าตอบแทน แต่ถ้าหากว่าท่านทำอยู่คนเดียว คือว่าในด้านหลักวิชาเหล่านี้ก็จะต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ในด้านอื่น และด้านความรู้ที่สำคัญก็คือเกษตรศาสตร์ ถ้าไม่รู้จะปลูก จะเลี้ยงสัตว์ จะสร้างจะทำอะไรให้มีเป็นอาหารใส่ท้องไม่ได้
นักเศรษฐศาสตร์ก็อ้างว่า เศรษฐศาสตร์จะทำให้มีการผลิตที่ดี และก็สามารถที่จะเอาอาหารใส่ท้องได้ แต่เศรษฐศาสตร์ก็คือศาสตร์ของความร่ำรวย ซึ่งคนที่ร่ำรวยสามารถไปซื้ออาหาร ไปซื้อสิ่งของที่จะมาใช้ได้ดี ตกลงผู้ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ก็ใช้วิชาความรู้ไปซื้ออาหาร หรือไปซื้อสิ่งบริโภคสำหรับมีกิน มีอยู่ มีกินนี้ ท่านถ้าเป็นนักเศรษฐศาสตร์ก็ฝ่ายซื้อจะไปซื้อกับใคร ไปซื้อเกษตรกรหรือไปซื้อผู้ผลิตอาหาร ตกลงท่านเป็นฝ่ายผู้ซื้อ อีกฝ่ายเป็นผู้ขาย ผู้ผลิต ผู้ผลิตนั้น ก็ไม่รวย ท่านเป็นนักเศรษฐศาสตร์ท่านรวยถ้าแบ่งแล้วแบ่งเป็น 2 กรุ๊ป ให้พูดยั่วเล่นว่าท่านเป็นฝ่ายรวย แล้วก็ผู้ที่ผลิตอาหารหรือสิ่งของที่ใช้เป็นผู้ขน แล้วก็ต่อไปทางรัฐบาลแถลงว่าไม่มีคนจนเลย ก็หมายความว่าต่อไปก็จะไม่มีผู้ผลิตอาหาร อันนี้เป็นการพูดแบบปริศนาที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยสวยนัก เพราะว่าท่านทั้งหลายน่าจะเข้าใจว่าหน้าที่เป็นของท่าน มีอย่างไร มีให้ปกครองหรือให้ทำอะไร ให้ผู้ที่จนสามารถจะรวยได้สามารถฝึกให้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ได้ พูดอย่างนี้จะต้องให้สร้างประชาชน ซีอีโอ มันลำบากประชาชนมีอยู่ 60 เท่าไรล้าน 64 ล้านในประเทศ อยู่ทุกหนทุกแห่งจะต้องให้เป็นประชาชนซีอีโอหมด ทำไปทำมาก็จะเป็นคนที่ปกครองตนเอง และไม่มีความเดือดร้อน
อันนี้เกี่ยวข้องกับการปกครองเป็นสิ่งที่ลำบากมากเพราะว่าไม่มีความลำบากถ้าปกครอง เรียบร้อยดีไม่ต้องใช้อำนาจการปกครอง ก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้ว่าฯ จะเป็นผู้ว่าฯซีอีโอหรือไม่ใช่ซีอีโอ ผู้ว่าฯใช้คำว่าผู้ว่าฯ หมายความว่า ว่าราชการ ราชการก็เป็นการของราชา แล้วก็ท่านรองนายกฯมาพูดว่าพระเจ้าอยู่หัวว่า ว่าราชการ ราชการก็เป็นการของราชา ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฟังดูเหมือนว่าเป็น ข้าราชการหรือราชการเป็นราชา ซีอีโอหมายความว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้สั่ง ซึ่งมันขัดกับระบอบประชาธิปไตย โดยมีรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าก็ลำบากในการให้โอวาทแก่ท่าน แต่ว่าถ้าเราบอกว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้เรียกว่าปกครองไม่ได้ปกครอง โดยวิธีการของซีอีโอ ซึ่งก็ไม่ถูก
ไม่ถูกอีกอย่างที่ท่านพูดคือท่านชื่นชมเรื่อง “ศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนา” ไม่ใช่ศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนา ศูนย์ศึกษาเหล่านั้นเป็น “ศูนย์ศึกษาการพัฒนา” ศูนย์ศึกษาการพัฒนานั้นต่างกันกับคำว่าศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนา ก็เลยไม่ทราบว่าท่านเข้าใจหรือเปล่าว่าศูนย์ศึกษาพัฒนา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเป็นอะไร
แต่ท่านชื่นชมมาก ก็ขอได้แถลงว่าศูนย์ศึกษาการพัฒนานั้นคืออะไร เป็นศูนย์เป็นที่ที่เป็นแห่งหนึ่งที่จะแสดงการพัฒนา เริ่มต้นแห่งแรกที่เป็นคือที่ จ.ฉะเชิงเทราที่ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาหินซ้อน” ตอนแรกที่นั่นมีชาวบ้าน เป็นกำนันเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวไปที่ไหน ที่ไหน พยายามที่จะพัฒนาหมายความว่าทำให้ที่ที่ดินเจริญขึ้น จึงมีความตั้งใจต้องการที่จะถวายที่ดินของเขาประมาณ 250 ไร่ บอกว่าถวายนี้จะไปทำอะไรก็ได้ แต่อยากให้สร้างตำหนัก ไปสร้าง เขาใช้คำว่าวังที่นั่นคิดไปนาน ตอนนั้นไปเชียงใหม่ ไปพัฒนาที่เชียงใหม่ ก็ขอแผนที่พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา หาที่ที่เขาให้ แผนที่ 1 ใน 5 หมื่น หาไม่พบ ว่าที่ที่เขาให้ เพราะเหตุว่าที่ตรงนั้นอยู่ตรงมุมแผนที่ต้องต่อแผนที่ 4 ระวาง เพื่อให้ได้ภาพ ได้ที่ที่เขาให้ แล้วมิหนำซ้ำแผนที่นั้นผิดมีถนนที่ไปจาก อ.พนมสารคาม ไปทางภาคอีสาน ไม่ต่อกันเป็นถนน แล้วก็ขาดไป เจออยู่อีกระวาง ต่อเข้าอีกระวางหมายความว่าภาพนั้นอยู่ใน 3 ระวาง คล้าย ๆ อ้อมมุมนั้นก็ลงไปจึงทำให้โครงการเสียไป หรือโครงการหยุดชะงักไป
ต่อมาได้ถามหาฝ่ายนายทหารแผนที่ว่าเป็นอย่างไร เขาบอกว่าแผนที่นั้นผิดก็เลยแก้ปัญหาแผนที่ต่อถนนให้ตรง ก็เลยเจอหินซ้อนและเจอพื้นที่ของศูนย์ศึกษาที่จะทำเติมเขาจะไปให้สร้าง สร้างบ้านสร้างตำหนักหรือวังได้ตามเขาว่า ถ้าจะทำเป็นการ พื้นที่สำหรับทดลองการพัฒนา เขาจะว่าอะไรไหม เขาบอกว่าไม่ว่า จึงเริ่มคิดจะทำแล้วก็คิดจะทำให้สามารถที่จะทำตามประสงค์ที่เป็นที่สำหรับพัฒนา เป็นการเรียกว่า เป็นการสาธิตการพัฒนา ตอนศึกษาดูพื้นที่นั้น พัฒนายากมาก เพราะว่ามีแต่หิน แล้วก็เขาปลูกที่มีปลูกที่นั่น มีปลูกมันสำปะหลังก็เลยนึกว่าอาจจะสาธิตการปลูกมันสำปะหลังแต่มันสำปะหลังนั้นแม้จะไม่มีน้ำ ก็ยังพอปลูกได้โดยง่าย แต่ที่นี่เขาปลูกมันสำปะหลังไม่ขึ้นหมายความว่าอะไร ปุ๋ยไม่มี น้ำไม่มี มีแต่ทราย ก็เลยว่าก็จะต้องพัฒนาที่นี่ให้เป็นที่ที่สามารถปลูก แม้แต่มันสำปะหลังอย่างนี้
ไม่ทราบว่าท่านได้เรียนรู้วิธีปลูกมันสำปะหลังหรือเปล่า ถ้ารู้การปลูกมันสำปะหลังก็ต้องรู้การสร้างดิน ไม่ใช่ทราย มีแต่ทราย แล้วก็สร้างน้ำเพื่อที่จะให้มีความชุ่มชื่นหน่อย มันสำปะหลังนี้เขาเข้มแข็งมาก ไม่ต้องน้ำเท่าไร แต่ที่นั่นมันไม่ขึ้น ทำไม่รู้ว่าไม่ขึ้นก็ถาม ถามกำนันคนนั้นที่ให้ที่ เขายอมรับว่าเขาให้เพราะเขาทำไม่ได้เพราะเขาปลูกมันสำปะหลังไม่ได้ มหัศจรรย์ แต่เขาก็ยินดีถวาย แล้วก็ 250 ไร่ ก็เห็นว่าน้อยเกินไป ก็เลยบอกว่าที่ตรงนั้นขอซื้อเพิ่มเติมหน่อยได้ไหม เขาก็ขาย ขายตรงนั้น เขาเตรียมสำหรับปลูกมันสำปะหลังแล้ว แต่ว่าเขาไม่ได้ปลูก ยังไงก็ซื้อ เพราะราคาก็แพงขึ้นมาหน่อยเขาได้เปรียบเตรียมที่เมื่อเตรียมเราก็ให้ ถ้าหากว่าทำได้
ความจริงที่ตรงนั้นจะราคาแพงขึ้นเยอะ ซึ่งเดี๋ยวนี้ราคาที่ตรงนั้น ถ้าไปซื้อจะไม่ขายให้ ถ้าท่านนายกฯ ท่านรองนายกฯ ทั้งสอง ทั้งสาม จะไปซื้อเราไม่ขายเพราะว่าเป็นที่ที่มีค่าแล้ว แล้วก็สร้างทำให้มีการมีผลิตผลที่ดีแล้ว แล้วก็ชาวบ้านแถวนั้นก็คงไม่ยอมให้ พระเจ้าอยู่หัว ขายที่ให้รองนายกฯ เพราะว่าถ้าขายให้รองนายกฯ รองนายกฯจะสามารถไปพัฒนาหรืออะไรก็ไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ตาม เดี๋ยวนี้ที่นั่นปลูกมะม่วง ปลูกผักได้อย่างดีมีกำไร ที่รักที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่จะทำให้มีกำไรไม่เคยเอาเงินที่ได้มา เป็นถือว่าเป็นกำไร แต่ว่าสร้างเพิ่มเติม และซื้อที่เพิ่มเติมให้สามารถที่จะเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาหินซ้อน ซึ่งคนก็รู้จักกันทั้งนั้น
คำว่า ศูนย์ศึกษาการพัฒนาทีแรกก็เรียกว่าศูนย์ศึกษาอะไรก่อน ไม่มีความหมาย เป็นศูนย์ศึกษา คือ เรียนรู้ว่าการพัฒนาทำอย่างไร ต่อจากนั้นก็ไปทำศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่ภาคใต้ ไปซื้อที่อันนี้ไม่ได้ซื้อส่วนตัวให้ทางราชการซื้อที่ แล้วก็ทำแบบเดียวกัน ให้พัฒนาที่ที่ปลูกอะไรไม่ได้ให้ปลูกได้ที่นั่นไม่ใช่แห้งแต่เปียกด้วยน้ำเปรี้ยว แก้ไขให้สามารถปลูกและเลี้ยงปลาได้ ก่อนนี้เลี้ยงปลาเอาปลาใส่มันกระโดดออกมา ปลามันต้องอยู่ในน้ำ แต่มันโดดออกมามันไม่ยอมอยู่ในน้ำ ในที่สุด เดี๋ยวนี้ถ้าไปดูก็สามารถที่จะดูว่าใช้ได้ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่หินซ้อนนั้น ปี 2520 ที่ได้มาแต่เริ่มต้น 2522 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่ภาคใต้ 2525 เดี๋ยวนี้ ที่ในบริเวณที่จะปลูกข้าวตอนแรก ปลูกข้าวทีแรก ได้ข้าวครึ่งคืนหมายความว่า ขึ้นมาครึ่งคืนแล้วเหี่ยวตายแล้วก็ต้องหาวิธีให้ข้าวมันขึ้นได้ ทำเป็นแบบศูนย์ศึกษาของเรา ต่อน้ำจากที่ทำอ่างเก็บน้ำที่เชิงเขาลงมาเวลาข้าวมันเหี่ยวก็เอาน้ำออก น้ำที่มีอยู่ในนานั้นออกไป สูบออกไป แล้วเอาน้ำใส่ ข้าวขึ้นมาหนึ่งคืนก็เหี่ยวตาย ทำอีกครั้งหนึ่งน้ำที่เปรี้ยวเอาออกไปแล้วก็อาบไปแล้วก็เอาน้ำเข้ามาใหม่ปลูกอีกขึ้นมา 1 ศอก 1 ศอกคือ 2 คืบ นี่ไม่พูดเป็นภาษาอังกฤษนะ เพราะอังกฤษเขาเป็นฟุต ของเราเป็นศอก โดยมากที่เป็นศอก นับศอก ศุภศอก สุตต คือ สุดศอกก็มาพระพุทธเจ้าของเราถือเป็นศอกหลวงคือศอกนี้ ศอกนี้ขึ้นมาศอกนี้ พอมาเป็นรวงนิดหน่อยแล้วก็หงิกต่อ ตายต่อครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ขึ้นมาศอกกว่า แล้วมีรวงและมีเมล็ด แม้ว่าสี่ครั้งถ้าทำอย่างนี้ท่านอาจจะนึกว่าใช้เวลา 4 ปี มิใช่ใช้เวลาปีครึ่งได้ ได้ข้าวในที่ที่ไม่มีประโยชน์ และจะไม่สามารถที่จะปลูกข้าวได้
ข้อนี้ท่านอาจจะไม่ทราบเพราะว่าวิทยากรโดยเฉพาะวิทยากรต่างประเทศฝรั่งเขาไม่เคยปลูกข้าวข้าพเจ้าเองไม่เคยปลูกข้าวแต่เคยเห็น ที่ไปปลูกข้าวอย่างนั้นเราทำโครงการเรียกว่าโครงการแกล้งดินเพราะว่าเขาบอกเจ้าหน้าที่ผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับดินฝ่ายพัฒนาที่ดิน เดี๋ยวนี้อยู่กระทรวงไหนก็ไม่รู้แล้วนะ ก็ไปเปลี่ยนกระทรวงอะไร ๆ อยู่กระทรวงไหนก็ไม่รู้ อาจจะอยู่กระทรวงทรัพยากร เขาบอกว่าถ้าขุดดิน หมายความไถนาเอาน้ำใส่ดิน มันจะเปรี้ยวยิ่งขึ้นก็จริง มันเปรี้ยวจนกระทั่งว่าข้าวขึ้นมานิดเดียวหงิกงอ ไม่ขึ้นแต่นาน ๆ ไป ปลูกไปเชื่อว่ามันจะขึ้นได้ เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาที่ดินเขาบอกว่าไม่ได้เป็นดอกเตอร์ด้วย บอกว่าดินจะเปรี้ยวยิ่งขึ้นเราก็บอกว่าเอ้าตกลงทำอย่างนี้ ปีหนึ่งถ้าดินเปรี้ยวขึ้นจะไปตั้งโรงงาน สร้างโรงงานผลิตกรดกำมะถันภาษาฝรั่งว่า ซัลฟูริก แอสิก เพื่อที่จะใส่ในแบตเตอรี่ เพราะว่ารถยนต์ต้องการใช้แบตเตอรี่ ก็จะเอากรดกำมะถันของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง ใส่ในแบตเตอรี่ จะได้ใช้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ในที่สุดมานั้นไม่เปรี้ยว เปรี้ยวแต่ว่าเปรี้ยวน้อยลงเราก็เสียใจไม่สามารถทำโรงงาน สร้างโรงงานผลิตกรดกำมะถัน แต่เราดีใจที่สามารถทำนาผลิตข้าวได้ภายในปีครึ่ง
เมื่อเสร็จแล้วเราก็ไปที่อื่น ซึ่งเขาปลูกข้าวอยู่แล้วก็ไร่หนึ่งเขาได้กำมือเดียวไม่ถึงถัง ถามเขาทำไมดินเปรี้ยว เราก็เอาไปใช้วิธีของเราไปปลูกข้าวปีต่อไปเราไปดู เรากำลังกลับกรุงเทพฯ แล้วตอนนั้น เขาอ้อนวอนขอให้ไปเยี่ยมเขา เราก็ไปตามทางที่เขาถึงเกาะที่เป็นโคก ที่อำเภอตากใบ ประชาชนเรียงเต็ม แล้วมีถุงข้าว เขาให้หยุดแล้วบอกว่าให้ท่านลงมาดู เอาข้าวอยู่ในถุงเล็ก ๆ กองโตแล้วเอาข้าวทั้งหมดถวายให้ท่าน ถามเอ๊ะ มีข้าวกินแล้วหรือยัง ก็เอาไปกิน ว่าไม่ต้องมีข้าวเยอะสามารถที่จะขายได้ เราก็แปลกใจท่านมาทำให้เรานี่โครงการของท่านเราก็ดีใจว่าที่ทำอย่างนี้ได้ผลจริง ๆ ภายในปีเดียวหรือว่าไปเป็นสองปี เลยต้องทำต่อไป ไปทำใกล้ ๆ แถวนั้น เหนือขึ้นไปหน่อยทางกรมพัฒนาที่ดิน และทางฝ่ายศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่ไปตั้งป้ายให้ว่า Technology Transfer ภาษาฝรั่งนะ เขาที่นั่นไม่ค่อยปลูกข้าวได้กิน มีกิน
นี่แหละสิ่งเหล่านี้ที่ต้องทำ มันประหลาดมาก
ข้าพเจ้าเองไม่ใช่วิศวกร ไม่มีปริญญา มีแต่กิตติมศักดิ์ แต่ว่าไปหนุนเขาให้ทำและประชาชนเขาไว้ใจ ไว้ใจว่าเราอยากให้เขามีข้าวกิน แล้วลงท้ายที่นั่นเขามีข้าวกิน จะเล่าให้ฟังว่าที่แถวนั้นแต่ก่อนนี้เอาข้าวจากที่ไหนมากิน เขาบอกซื้อ ซื้อจากไหน ซื้อจากพัทลุง ซื้อจากพัทลุงเพราะที่พัทลุงมีข้าวเยอะ ไม่ทราบว่าผู้ว่าฯพัทลุงอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าผู้ว่าฯพัทลุงอยู่ท่านก็คงต้องคิดค้น เพราะเดี๋ยวนี้พัทลุงปลูกข้าวไม่ได้ปลูกข้าวไม่ได้เพราะว่า 1.น้ำท่วม 2.น้ำแห้ง 3.น้ำเค็ม คือไม่มีทางปลูกได้ ที่จริงถ้าผู้ว่าฯพัทลุงไปดูที่นราธิวาส ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนา
การที่น้ำท่วมเพราะว่าไม่มีโครงการที่จะป้องกัน แท้จริงมีคลอง แท้จริงมีสระน้ำ น่าจะเป็นโครงการได้ แต่ว่าไม่ได้ ทำชาวบ้านแย่ ก็เป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯซีอีโอ ที่จะมีความรู้ ถ้าไม่รู้ก็ถามเพื่อนซีอีโอ ซื้อข้าวไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน ไปตกปลาในทะเลสาบสงขลาก็ไม่ได้ ไม่มีแล้ว ปลามันหมด
อำเภอบางแก้วอยู่ติดทะเลสาบสงขลา ก็เลยแนะนำให้ศึกษาวิธีการ แต่ว่าไม่ใช่ว่าทำได้เร็ว ๆ อย่างนราธิวาสนี้ที่ทำก่อนทำมานานแล้ว แต่ว่าที่มาทำตั้งแต่มีศูนย์ศึกษา 2520, 2522, 2525 ก็หมายความว่า 20 ปี 20 กว่าปี เดี๋ยวนี้ก็มาก็สบายขึ้นเยอะแล้ว ยังไม่ทั่วถึงดี แต่ก็กินเวลานาน ถ้าเริ่มทำอีก 20 ปี แต่ละจังหวัด ที่ท่านไปอยู่มีความเดือดร้อนมีความเดือดร้อนหมด มีบางคนมาบอกว่า ขอ 10 ปีเท่านั้นก็พอ ประชาชนจะเจริญ แต่ยัง นราธิวาสหรือที่อื่น ๆ 20 ปี ก็จะให้หมด 20 ปี ก็จะไม่ครบ 20 ปี ท่านเกษียณหมดแล้ว
ถ้าท่านเกษียณไม่รู้ว่าโครงการซีอีโอมีเกษียณไหม คือว่าท่านไม่ทุกข์ที่จะเกษียณ หรือไม่เกษียณหรอก ท่านเกษียณแล้วท่านเป็นนักการเมือง ท่านเป็นนายกฯ และเป็นรองนายกฯ ท่านไม่เป็นข้าราชการ แต่ผู้ว่าฯซีอีโอนี้เป็นข้าราชการหรือเปล่า ขอถามรองนายกฯ เป็นอีกไม่กี่ปีก็ไม่เป็นแล้วน่ะ แล้วท่านจะทำอะไร ข้าพเจ้าเป็นพระราชาซีอีโอ ควรจะเกษียณมา 15 ปีแล้ว มีคนเขาบอกไม่เป็น ไม่ให้เกษียณ ก็อันนี้ที่ลำบากข้าพเจ้าทำอะไรที่พูดถึงเรื่องนี้ไม่เกษียณ อันนี้ต้องทำศูนย์ศึกษาการพัฒนา ที่การพัฒนานี้มี 14 แห่ง มีมากกว่านี้ แต่ว่าที่เป็นการสรุปเริ่มต้น 2520 แต่อันนี้โครงการใกล้ ๆ ตรงนี้ ท่านผู้ว่าฯ ประสงค์ก็อยู่แถวนี้ เออ!ไม่เห็นว่าตัวยอมนิดเดียวนะ แต่ผู้ว่าฯใหม่ๆ ข้างหน้าต้องหลีกทางให้ ก็ไม่ใช่ 25 นะ 2496 เริ่มทำการพัฒนาที่เขาเต่า เนี่ยพระราชาซีอีโอ เริ่มต้นที่นั่น
ตอนนั้นไม่มีอ่างเก็บน้ำแล้ว น้ำที่มีอยู่นั้นเค็มแล้วก็มาทำอ่างเก็บน้ำ น้ำในอ่างเค็มกว่าในทะเลวิธีทำยังไงก็ต้องเอาปลาเค็ม ไม่ใช่ปลาน้ำเค็มมาใส่ในนั้น ไม่เอามาจากคลองวาฬ ประจวบคีรีขันธ์ เหมือนกัน เอามาซื้อตัวละ 50 สตางค์ เอามาใส่ ซื้อเองเอาเงินของเราเองมาใส่ แล้วก็ปีเดียวมันก็โตให้ชาวบ้านดูแล แต่ชาวบ้านก็ไม่ดูแลเพราะชาวบ้านที่นี่ก็ไม่มีความรู้พอ แล้วก็ไม่มีความกระตือรือร้น ลงท้ายก็ขายได้แล้วก็เอาปลาอื่น มีปลาหมอเทศอยู่ในนั้น ในอ่างเค็มนะ อ่างนั้นไม่ใช่น้ำจืด น้ำเค็มนะ เอาปลาหมอเทศมาบอกว่าวิธีใช้ปลาหมอเทศนั้น เอาขึ้นมากองไว้เอาไปตากให้เป็นปลาไก่ ปลาเป็ด ปลาไก่ หมายความเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ชาวบ้านบอกว่าเหม็นปลามันก็กองอยู่ตรงนั้น อีกวิธีหนึ่งที่จะทำได้ก็เอาปลาหมอเทศที่มากองไว้นั้นทำเป็นปุ๋ย มันเหม็นก็เหม็น
ทั้งหมดนี้ต้องพยายามที่จะให้ ให้เขาให้ชาวบ้านเขาพัฒนาตัวขึ้นมา ถึงเวลานั้นทางราชการก็ไม่ค่อยกระตือรือร้น ไอ้อ่างเก็บน้ำนั้นก็พัง ก็ต้องให้กรมชลประทานค่อย ๆ ซ่อม แล้วก็เดี๋ยวนี้ก็อาจจะดีขึ้นก็เอาเด็กโรงเรียนไปดู โรงเรียนไกลกังวลนี่ให้เขาดูแล้วอธิบายว่าน้ำเป็นอย่างไร น้ำเดี๋ยวนี้ไม่เค็มแล้ว แล้วก็ดินก็ไม่เค็ม แต่มีบางแห่งเค็มเพราะว่าเอาน้ำเค็มมาใส่ เอาน้ำเค็มไปใส่เพราะว่าปลูกสับปะรด ปลูกสับปะรดน่ะ ต้องเอาเค็มใส่ให้มันหวาน นี่วิธีปลูกสับปะรด ต้องใส่เกลือต้องใส่เค็มเพื่อให้สับปะรดหวาน แต่ดินมันก็กลายเป็นดินเค็ม ปลูกอะไรไม่ขึ้น
เด็ก ๆ ยิ่งดูเขาก็รู้สึกทึ่ง เขาทึ่งว่าเจาะลงไปเอาดินเป็นหินเลยขึ้นมา เอาใส่พลั่วเอากรดใส่มันฟู่ หมายความว่าดินนั้นเป็นด่าง เป็นหินปูนปูนก็ด่าง สิ่งเหล่านี้คนที่ไปดูก็ตื่นเต้น ท่านผู้ว่าฯเองก็ตื่นเต้นมีทุกอย่างอยู่ เขาต้องใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง มีทั้งเปรี้ยวทั้งด่างเป็นดิน ทั้งเป็นทรายเอามาใช้ปลูกอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ที่ตรงนั้นเป็นลาดเท วิธีที่เขาไถ เขาไม่ไถขวาง เขาไถอุบล ฝนตกดินที่เป็นดินไม่เปรี้ยว ก็ไหลลงในอ่างเก็บน้ำซึ่งเปรี้ยว ทำไปทำมาดินตรงนั้นใช้งานไม่ได้ แต่พวกข้าราชการและประชาชนถิ่นนั้นตื่นเต้นตัวสั่นหาว่าเราไปตำหนิเขา เราไม่ตำหนิ เป็นหลักวิชาคณิตวิธีที่จะทำ และมีผู้เชี่ยวชาญเขาทำ
ผู้ว่าฯอีซีโอก็ถามพวกที่มีความรู้คือพวกที่เป็นดอกเตอร์ทำพัฒนาดิน ถามเขาได้ว่าทำยังไงดีแล้วก็ใช้อำนาจของท่านซีอีโอสั่งเลย สั่งให้นายอำเภอไปบอกให้ทำยังไง นี่ก็มีที่ท่านจะเป็นซีอีโอ เป็นผู้ว่าฯซีอีโอ ใช้ความสามารถของอำนาจของผู้ว่าฯซีอีโอ ซึ่งมีอำนาจมากขึ้น สำหรับปกครองไม่จำเป็นที่จะมีความรู้ แต่ว่าจะต้องมีนสมองต้องมีไหวพริบ ที่จะใช้คนที่มีความรู้ บอกว่าคนนั้นมีความรู้ตรงนี้ ถามเขาไม่ต้องอายว่าไม่รู้ เราไม่รู้ไม่ใช่ดูถูกท่าน แต่ว่าท่านไม่รู้ ท่านรู้หมดทุกอย่างไม่ได้ แต่ว่าท่านมีความรู้อะไรแล้วท่านไปถามคนที่มีความรู้เฉพาะ ไม่ต้องอาย ฉะนั้นท่านจะเป็นผู้ว่าฯซีอีโอ เมื่อซีอีโอตามที่เข้าใจเป็นผู้ที่สั่งการทำอะไรทำให้ได้ผล แต่เขาใช้ซีอีโอเพราะนึกถึงการค้า ผู้ที่เป็นซีอีโอจะทำเงินได้สร้างบริษัท แต่ผู้ว่าฯซีอีโอไม่ใช่ทำเงินสร้างบริษัท ทำความเจริญสำหรับพื้นที่ ท้องที่ และโดยเฉพาะประชาชนได้มีความก้าวหน้า มีกิน มีความสามารถที่จะทำมาหากินได้ อันนี้พูดอย่างนี้ท่านก็คงรู้สึกตัวว่าเป็นโอวาทหนักเหมือนกันที่ท่านมีหน้าที่จะทำให้ประชากรในท้องที่มีความเจริญพอที่จะรวยขึ้นได้
เดี๋ยวนี้ชอบพูดถึงรวย ท่านอาจจะไม่รวยไม่เป็นไร แต่ประชาชนนั้นจะรวย ก็โดยมากเดี๋ยวนี้พูดกันต้องการให้รวย เอะอะทำไอ้โน่นทำไอ้นี่ต้องการเงินล้าน เงิน 10 ล้าน 100 ล้าน ต้องให้ความเจริญเกิดขึ้นในท้องที่ อันนี้เป็นความประสงค์ของผู้ว่าฯซีอีโอ จะพูดต่อไป
ต้องขอโทษทีที่พูดยืดยาวไปจนกระทั่งท่านไม่สบาย แต่ว่าจำเป็นที่จะเตือนว่าผู้ว่าฯซีอีโอ ที่เป็นไม่ใช่ของเล่น เป็นของสำคัญที่นี่เป็นส่วนเดียว ครึ่งเดียวของที่อยากจะพูด แต่ว่ารู้สึกจะยาวเกินไปแล้ว อาจจะต้องมีเล็กเซอร์ต่อไป ไม่พูดมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ว่าด้านอื่นซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ ซึ่งท่านทราบดีว่ามีหน้าที่อะไร มีมากกว่าเพราะว่าท่านก็บอกท่านพูดว่า รองนายกฯท่านก็บอกว่าความเจริญของจังหวัดแต่ว่าความปลอดภัยด้วยเหมือนกัน หมายความว่า มีเรื่องความปลอดภัยแล้วก็พูดถึงใกล้เขตแดน ก็หมายความว่าเกี่ยวข้องกับหน้าที่ของตำรวจ ทหาร ที่เข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯซีอีโอ แต่ก่อนนี้ผู้ว่าฯก็มีหน้าที่ เพราะว่ามีรักษาดินแดนขึ้นกับผู้ว่าฯ และขึ้นกับท่านรองนายกฯเหมือนกัน ท่านรองนายกฯเป็นนายกองใหญ่ เราก็เป็นนายกองใหญ่ซีอีโอ นายกองใหญ่ซีอีโอก็ต้องดูความปลอดภัย อันนี้ไม่รู้ว่าพวกวิทยากรฝรั่งมาสอนหรือเปล่า วิธีที่จะดูให้รักษาความของตำวรจ แต่นี้ตำรวจคงจะไม่ขึ้น แต่ว่าแต่ก่อนนี้ตำรวจซึ่งขึ้นกับผู้ว่าฯแต่ไม่กล้าบังคับบัญชา เพราะว่าทหารก็ไม่กล้าบังคับบัญชาทหาร แต่ซีอีโอตามที่ว่าต้องขึ้นกับผู้ว่าฯ ความจริงผู้ว่าฯ ก็น่าจะสามารถที่จะดูแลเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทั้งตำรวจ ทหารเหมือนกัน
ถ้าพูดอีกทางหนึ่งสรุปคือ ทุกท่านจะต้องสามารถที่จะทำการประสานงานทุกอย่าง ทั้งทหารพลเรือน ทั้งทางการศึกษา ทุกอย่างขึ้นกับผู้ว่าฯซีอีโอ น่าสงสาร เพราะมันเป็นชีวิตทุกอย่าง เป็นเช่นเดียวกับร่างกายของเรา เคยพูดมาแล้วร่างกายของเรา มีนิทานโบราณของฝรั่งว่า มีคน มีแขน มีขา มีลำตัว มีศีรษะ มีเครื่องใน เขาบอกว่าพวกนี้มาประชุมเดินขบวนประท้วงว่าทุกคนมีหน้าที่นำกายเหน็ดเหนื่อยหนักมาก มีคนเดียวที่ไม่ทำงานคือท้อง มีแต่กิน รับอาหาร กินเข้าไป คนอื่นมือต้องทำงานหนักขาต้องเดิน ท้องนี้มีแต่รับประทาน เขาจะปฏิวัติท้อง ท้องก็บอกว่าท่านทั้งหลายใจเย็น ๆ ถ้าไม่มีท้องร่างกายทั้งหมดก็ตาย เพราะไม่มีอาหารมาย่อยที่ท้อง ก็ทำงานเหมือนกัน การประสานงานทุกอย่างจำเป็นอย่างท่านทั้งหลาย ท่านเป็นเหมือนท้อง ท่านรับหมด มีบางคนบอกว่าผู้ว่าฯซีอีโอไม่ทำอะไร ไม่รู้เรื่องอะไร คนอื่นทำ พวกที่ทำหน้าที่อะไรต่าง ๆ ก็ต้องทำมา ผู้ว่าฯไม่มีความรู้ก็ได้ ก็เคยถามท่านซีอีโอไม่ต้องห่วง มอบให้นายอำเภอ มอบให้รองผู้ว่าฯทำ
วานซืนนี้เองมาประจวบฯเหมือนกัน ที่กุยบุรี มีอ่างเก็บน้ำกุยบุรี สร้างมาหลายปีแล้ว เก็บน้ำได้ 32 ล้านลูกบาศก์เมตร ได้ปรารภว่าควรสร้างให้เก็บน้ำได้มากกว่านี้ เขาก็ได้พยายามทำทางชลประทานทำว่าได้เพิ่มอีก 9 ล้าน จะเป็น 41 ล้าน ก็น่าจะพอใจดีก็เลยบอกว่าน่าจะทำ มีฝ่ายการเงินที่เรียกว่ากรรมการ กปร.ตั้งไว้ใช้ได้ทันทีก็อนุมัติ เพราะว่าเป็นโครงการพระราชดำริ เมื่อ 20 กว่าปีแล้ว ไม่ทำให้ใหญ่กว่านั้น เพราะไม่สามารถจะทำ เพราะกุยบุรีตอนนั้นมีก่อการร้าย รถตำรวจเข้าไปถูกระเบิด แล้วก็ที่สร้างนั้นมีผู้ที่ถูกก่อการร้ายยิงตายเหมือนกัน ก็เห็นใจเขาต้องรับทำ แต่ตอนนี้ก็ควรจะขยาย แต่ขยายมากไม่ได้ เพราะนี้จะเกินเวลานานเท่าไร เขาบอกว่า 2 ปี ก็บอกว่าไม่เชื่อ เพราะเหตุใดถ้าปกติเขาจะเริ่มบอกว่าจะเริ่มกลางปี 47 เวลา 2 ปี 49 ถึงจะเสร็จ ถ้า 49 เสร็จ 9 ล้านลูกบาศก์เมตร มันไม่ไหวเพราะจะแพงขึ้นทุกที เลยบอกว่าเราเอาเงินเริ่มต้นเดี๋ยวนี้แม้จะมีฝนลง เริ่มสำรวจดู และเริ่มก่อสร้างได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ 46 ทำให้เสร็จปี 48 บอกว่ารับรองว่าถ้าท่านขยันอาจปีเดียวเสร็จปลายปี 47 หรือต้นปี 48 ถ้าทำได้ได้กำไรเยอะ ราคาของการสร้างจะถูกลงและผลได้จะได้เร็วกว่าทางโน้น จะได้น้ำสำหรับมาใช้ปลูกข้าวได้มาก ถ้าปลูกข้าวได้มากขึ้น มันก็เป็นเงินเป็นทอง
ใคร ๆ ก็นึกต้องการให้มีเงินมีทอง เขารับว่าจะพยายามทำให้เร็ว ท่านผู้ว่าฯซีอีโอเป็นพยาน ท่านไม่รู้เกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อน ไม่เป็นวิศวกร แต่ท่านรู้เรื่องว่าถ้าทำเร็ว ๆ ประสานงานกันดี ๆ จะทำได้วันนี้ก็เป็นอีกอย่างประโยชน์ของซีอีโอสามารถจะให้ประสานชลประทานและการเงินให้ดีขึ้น
อีกข้อหนึ่งของซีอีโอ ข้อสุดท้ายคือประสานนั้น ต้องประสานงานไม่ใช่ประสานงาโดยมากเอะอะอะไรก็ประสานงากัน แล้วก็มีการทุจริต ทำอย่างไรจึงจะปราบทุจริตให้ ปราบทุจริตจะว่าเป็นเรื่องของตำรวจ เรื่องของศาล เป็นเรื่องของพระ ไม่ใช่เป็นเรื่องของผู้ว่าฯซีอีโอ อย่าให้ข้าราชการชั้นไหน ชั้นใด ข้าราชการหรือประชาชนมีการทุจริต ถ้ามีทุจริตแล้วบ้านเมืองฟัง ที่เมืองไทยฟังมาเพราะว่ามีทุจริต และเดี๋ยวนี้อาจจะดีขึ้นหน่อยว่าดีขึ้นเพราะเศรษฐกิจดีขึ้น อาจเป็นเพราะว่าทุจริต กลัว หรือทุจริตไม่ได้แล้วเพราะไม่มีเงินกันมันก็เลยทุจริตไม่ได้ ไม่มีเงิน มีเงินก็โกงกัน เงินไม่มีค่ามีราคาก็โกงไป
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่บอกว่าเศรษฐกิจกำลังขึ้น ทุจริตกำลังขึ้น บางท่านจะเหลือชีวิตราชการอีกปีสองปี เศรษฐกิจจะดีขึ้น ท่านอย่างมาก 10 ปี เพราะว่าเป็นผู้ว่าฯก็ต้องอายุแถวๆ 50 มีผู้ว่าฯน้อยกว่า 50 หายาก 10 ปี เมืองไทยน่าจะเจริญ ทุจริตก็จะเจริญ เพราะฉะนั้นท่านต้องห้ามทุจริตไม่ให้ขึ้นแล้วท่านจะเป็นผู้ว่าฯซีอีโอที่มีประสิทธิภาพ ท่านรองนายกฯท่านอยู่ได้อีก 20 ปี หรืออาจจะอยู่ได้อีก 2 เดือนเราก็ไม่รู้ เพราะว่าเป็นนักการเมือง
แต่ท่านไม่ใช่นักการเมือง ท่านเป็นซีอีโอ แต่ซีอีโอมีเกษียณและกฏหมายบอกต่ออายุไม่ได้ มีแต่ต่ออายุข้าราชการสำนัก ที่จะต่ออายุได้เพราะว่ามีกฎหมายที่ข้าราชการสำนักต่ออายุได้เพราะว่ามีกฏหมายที่ข้าราชการสำนักต่ออายุได้ ถึงเท่าไรก็ได้ เพราะไม่ทราบว่าลองไปพูดว่าผู้ว่าฯแข็งแรงให้ต่ออายุ
เพราะว่าผู้ว่าฯซีอีโอต้องเป็นคนที่สุจริต ทุจริตไม่ได้ ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่ง ให้มีอันเป็น พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าขอให้มีอันเป็นไป ถ้าไม่ทุจริต ถ้าสุจริตและมีความตั้งใจในธรรม ขอให้ต่ออายุได้ถึง 100 ปี ถ้าอายุมากแล้วก็แข็งแรง แล้วสุจริตประเทศไทยจะรอดพ้นอันตรายอย่างมาก เพราะว่าผู้ที่ทำด้วยความตั้งใจ เพียงแค่นี้จะให้พรให้อายุยืนเท่าไรฯก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัฐบาลยังไม่ให้ต่ออายุ
ก็ขอให้อย่างน้อยถึงอายุ 60 ท่านแข็งแรงไม่มีไข้เจ็บอะไร ให้ปลอดภัยให้สามารถทำงานที่ต้องการ