จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

คำโบราณว่า "ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน" คงใช้ได้กับคนการ เมือง

ในรอบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มีนักการเมืองแถวหน้าในอดีตหลายคนต่างล้ม-หาย-ตาย-จาก จบชีวิตบนเส้นทางการเมือง

แต่มีชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ยัง คงเวียนว่ายอยู่ในวงอำนาจ แทบทุกรัฐบาล

โดยเฉพาะยุคนายกฯนารี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"

งานใหญ่ของ ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีลำดับ 3 มีตั้งแต่พาทักษิณกลับบ้าน

กำหนดจังหวะก้าวทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ด้วยการสรุป "มติพรรค" ที่สำคัญ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมแก้รัฐธรรมนูญ ที่ ร.ต.อ.เฉลิมกลายเป็นคนถือธงนำ พร้อมกำหนดตารางการเคลื่อนไหว

ไม่ นับรวมภารกิจรูทีน อาทิ เด้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชาย คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ อดีตภริยา "ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นเป็น ผบ.ตร.

ปิดห้องประชุม ครม.ลับ อนุมัติหลักเกณฑ์ พ.ร.ฎ.นิรโทษกรรม จนถูกวิจารณ์ว่าเอื้อต่อ "ทักษิณ" จนท้ายที่สุดต้องเด้งเชือก โยนลูกกลับไปให้ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม รับเผือกร้อนชี้แจงแทน

จุดประเด็นผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของสภา ใน สมัยประชุมนิติบัญญัติ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น พ.ร.บ.ปรองดอง กระทั่งมีอิทธิพลต่อการกำหนดจังหวะเกมแก้ รัฐธรรมนูญของรัฐบาล และพรรค เพื่อไทย

ควบคู่ไปกับการรับหน้าที่กำกับดูแลภารกิจของตำรวจ ตั้งแต่คดีปล้นบ้าน สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ ร.ต.อ.เฉลิมออกมาแนะเบาะแสให้ตำรวจ

พร้อมพาดพิงไปถึงการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ของพรรคภูมิใจไทย ในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

การทลายบ่อนเตาปูน ภายใต้ยุทธวิธี "เดอะแคต อะเกน" การแนะเบาะแสคดีระเบิดทั้ง ถ.ราชดำเนิน และระเบิด 3 จุดในแถบชานเมือง

รวม ถึงคดีลอบสังหาร อุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาคร ที่ ร.ต.อ.เฉลิมรับปากว่าจะติดตามคดี อย่างใกล้ชิด

ปิด ท้ายด้วยการรับหน้าที่เป็น "ประธานการประชุมคณะกรรมการ กำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมาย หรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ "เว็บไซต์หมิ่น"

สอดส่องดูแลเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ซึ่งล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิมเซ็นคำสั่งปิดเว็บหมิ่นไปแล้ว 536 เว็บ

เป็นผลงานที่โพลหลายสำนัก วัดคะแนนนิยมจากประชาชน โดยยกให้ ร.ต.อ.เฉลิมมีผลงานโดดเด่นเป็นอันดับสองรองจาก "ยิ่งลักษณ์"

คน ในพรรคเพื่อไทยยังเชื่อว่า ใน ปี 2555 ร.ต.อ.เฉลิมยังคงเคลื่อนไหว ในทุกอณูของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่อไป เพื่อมีเป้าหมายสู่เก้าอี้นายกฯสำรอง เบอร์ 1 แทนตำแหน่งของ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ หรือ รมว.มหาดไทย

ทุกท่วง ท่า-ทุกการกระทำของ ร.ต.อ.เฉลิมตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน บน แคแร็กเตอร์ "ขาลุย" และเป็น "สาย ล่อฟ้า" มาแล้ว 5 นายกฯ ตั้งแต่ สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ-พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร-สมัคร สุนทรเวช-สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นบทสรุปเจ้าของฉายา "กุมารทอง คะนองศึก" ผู้นี้

ใน วาระหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เขาและลูกชายยืน จิบไวน์ข้าง ๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ฉลองการเทกโอเวอร์สโมสรฟุตบอล ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หนึ่งในอาวุธ ของอดีตผู้นำ ที่ใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้ ทางการเมืองกับคณะรัฐประหารใน เมืองไทย

เมื่องานเลี้ยงของนายใหญ่ในเมือง ผู้ดีเลิกรา เขากลับมาเมืองไทยขึ้น เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคพลังประชาชนที่ท้องสนามหลวง เปิดโรดแมปท้าทายอำนาจกระบอกปืน ด้วยการประกาศว่า ถ้าพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้งเขาจะเป็น รมว.มหาดไทย เพื่อพา "ทักษิณกลับบ้าน" พลิกสถานะตัวเองให้เป็นสายล่อฟ้าอีกครั้ง

หลังพรรค พลังประชาชน ภายใต้การนำของ สมัคร สุนทรเวช ชนะการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้รับตำแหน่ง มท.1 สมความตั้งใจ

ภารกิจพาทักษิณกลับบ้านบรรลุ เป้าหมาย

วันที่ "ทักษิณ" กราบแผ่นดิน จึงมี ร.ต.อ.เฉลิมเดินนำหน้าคณะรัฐมนตรี และ ส.ส.ในพรรคพลังประชาชน ต้อนรับถึงบันไดเครื่องบิน

และทุก ๆ ครั้งที่ "ทักษิณ" เดินขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเห็น "เงา" ของ ร.ต.อ.เฉลิมเคียงคู่ทุกครั้ง

แต่ชีวิตบนเก้าอี้รัฐมนตรีของ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องอยู่บนเส้นด้าย เมื่อมีกองทัพพันธมิตรเสื้อเหลือง ประชิดทำเนียบรัฐบาล

และวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกส่งถึงมือคณะรัฐมนตรี

วิวาทะระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิมกับฝ่ายพันธมิตร ร้อนแรงทะลุจอทีวี ยึดแผงหนังสือพิมพ์ จนอุณหภูมิการเมืองทะลุเดือด

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นเครื่องมือเรียกแขกเข้าร่วมชุมนุมเพิ่มมากขึ้น

แต่น้ำเสียงอันห้าวหาญ และพฤติกรรมสายล่อฟ้าของ "สารวัตรเหลิม" ต้องลดดีกรีลง เมื่อกลุ่มแกนนำในพรรคเห็นว่าเขาคือตัวปัญหาของรัฐบาล

เมื่อ นายกฯสมัครส่งสัญญาณปรับ ครม.กลุ่มเพื่อนเนวิน 1 ในแก๊งออฟโฟร์ ซึ่งกุมอำนาจการนำในพรรค ได้กดดันให้ ร.ต.อ.เฉลิมพ้นจากเก้าอี้ มท.1 ลดเกรดอำนาจมาเป็น รมว.สาธารณสุข มาเป็น "หมอเหลิม"

สัญญาณสายล่อฟ้าในยุครัฐบาลสมัครจึงถูกปิดลง

ในวาระการปรับคณะรัฐมนตรี"ยิ่งลักษณ์ 1" ที่กำลังจะมาถึง จึงต้องลุ้นชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อีกครั้ง

................

ตำนานเฉลิมในตู้เพชรเคลื่อนที่

ในยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ. เฉลิม คือสายล่อฟ้า

เป็น แสงสัญญาณสำคัญที่ทำให้กองทัพตัดสินใจจับปืน เข็นรถถังออกมายึดอำนาจรัฐบาลบุฟเฟƒต์ คาบิเนต เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 เวลา 11.30 น.

ครั้งนั้น ร.ต.อ.เฉลิม มีสถานะเป็นหัวหน้าพรรคมวลชน เข้าร่วมรัฐบาลชาติชาย ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแล อสมท

มี การวิจารณ์กันหนาหูว่า ครม.ยุคนั้นเกิดเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นมากมาย อันเป็น 1 ข้ออ้างของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) เข้ามาโค่นล้มรัฐบาลในเวลาต่อมา ร.ต.อ. เฉลิมถูกกล่าวหาว่า มีชื่อติดอยู่ในกงล้อการคอร์รัปชั่นนั้น

28 พฤษภาคม 2533 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ตัดสินใจลาออกจาก กองทัพมารับตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม หวังสืบทอดทายาทการเมืองต่อจาก พล.อ. ชาติชาย ได้เอ่ยชื่อถึง "ลิตเติ้ลดั๊ก" บนเวทีในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

วันนั้น "บิ๊กจิ๋ว" เริ่มต้นพูดด้วยเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจาก "น้าชาติ" ให้เคลียร์ภาพสกปรกของรัฐบาล หลายคำ-หลายประโยคที่นายพลนอกราชการพูดออกมา มีความหมายในบรรทัดสุดท้ายว่า การคอร์รัปชั่นเป็นเรื่อง "น่าอาย"

ก่อนโยงมาถึง "บริษัท ลิตเติ้ลดั๊ก แทรเวล เอเยนซี จำกัด" ซึ่งเป็นบริษัทในเครือข่ายของ "คนใกล้ชิด" ร.ต.อ. เฉลิม เพราะ อสมท ในการกำกับดูแลของ "สารวัตรเหลิม" ได้ทำสัญญากับบริษัทดังกล่าว กำหนดขอบข่ายงานคือ หาโฆษณาให้กับ อสมท ภายใต้การเห็นชอบของ ผู้อำนวยการ อสมท ในยุคนั้นที่เป็น "คนสนิท" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯคนนี้เช่นกัน

เรื่องราวบานปลายเมื่อ ร.ต.อ. เฉลิมออกมาตอบโต้คำพูดของ พล.อ.ชวลิต พาดพิงไปถึง คุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ผู้เป็นภริยาว่าเป็น "ตู้เพชร ตู้ทองเคลื่อนที่"

กลายเป็น ศึกที่ยิ่งกว่า 1 รองนายกฯ ปะทะกับ 1 รัฐมนตรี เมื่อ "บิ๊กจิ๋ว" ตัดสินใจลาออกจากรัฐบาลชาติชาย ทำให้กองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็น เพื่อนซี้ของ พล.อ.ชวลิตต้องออกมาตอบโต้แทนเพื่อน

ผนวกกับเหตุการณ์กองทัพยึดรถ โอบีของ อสมท ในซอยวัดไผ่เลี้ยง ด้วยข้อหาใช้คลื่นส่งสัญญาณเดียว กับทหารกระทบต่อความมั่นคง ของชาติ จน พล.อ.ชาติชายต้องลงมาหย่าศึก สั่งให้กองทัพคืนรถโอบีให้แก่ อสมท

ร.ต.อ.เฉลิมจึงกลายเป็นศัตรู หมายเลข 1 ของกองทัพ มีการยื่นคำขาดให้ พล.อ.ชาติชายปรับ "อดีตผู้การกองปราบ" พ้นจากรัฐบาล แต่ "น้าชาติ" กลับเลือกขัดใจกองทัพ ลดตำแหน่ง ร.ต.อ.เฉลิมให้ไปนั่ง รมช. ศึกษาธิการแทน เพราะ ร.ต.อ. เฉลิมมีภาพลักษณ์ "ขาลุย" ที่ไว้ใจ ได้ และยังคอยเป็นองครักษ์ทางการเมืองจากกรณีบุกทลายผับ "เดอะ พาเลซ" ธุรกิจขุมข่ายอำนาจเก่าในยุคนั้น

เมื่อรัฐบาลชาติชายยังขจัดภาพ คอร์รัปชั่นไม่ได้ บวกกับปัญหาความขัดแย้งกับกองทัพจนสุกงอม เกิดข่าวลือว่ารัฐบาลจะปลด พล.อ.สุนทรพ้นจาก ผบ.สส. และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร พ้นจาก ผบ.ทบ.

เวลา 11.30 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 บนเครื่องบิน C130 ขณะกำลังแล่นอยู่บนรันเวย์ที่ สนามบิน บน. 6 ทหารอากาศที่กระจายตัวอยู่ในเครื่องชักปืนขึ้นมาจากเอว ปลดอาวุธหน่วย รปภ. นายกฯ ก่อนเข้าควบคุมตัว พล.อ. ชาติชาย ที่นั่งอยู่บนเบาะ วี.ไอ.พี. การยึดอำนาจของ รสช.สำเร็จลงอย่างง่ายดาย ภายใต้การนำของ "พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์"

เป็นอันสิ้นสุดยุค "บุฟเฟƒต์ คาบิเนต" ไปพร้อม ๆ กับบทบาทสายล่อฟ้าของ ร.ต.อ.เฉลิม

สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี