สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กานต์ ตระกูลฮุน ซีอีโอ SCG สอนน้อง ต้องก้าวพ้นการเมือง มาคุยเรื่องเศรษฐกิจ

จากประชาชาติธุรกิจ

สัมภาษณ์พิเศษ

ปลาย สัปดาห์ที่ผ่านมา "ประชาชาติธุรกิจ" มีนัดสัมภาษณ์พิเศษ "กานต์ ตระกูลฮุน" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCG ถึงมุมมองเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง ในฐานะผู้นำองค์กรเบอร์หนึ่งที่ตั้งเป้ามูลค่ายอดขายปี 2555 ไว้ถึง 4.1 แสนล้านบาท ท่ามกลางปัจจัยลบที่

สุ่มเสี่ยง ทั้งปัญหาสินค้าราคาแพง ต้นทุนพลังงาน ไฟฟ้า ค่าแรง และวัตถุดิบที่พุ่งขึ้น

- มองเงินเฟ้อและเศรษฐกิจครึ่งปีหลังอย่างไร

เงิน เฟ้อตัวเลขออกมา 2% กว่า ๆ ก็ต้องตามดูว่าตัวเลขเดือน พ.ค.เป็นยังไงบ้าง ผมคงต้องเชื่อไว้ก่อน เพราะเป็นตัวเลขของทางการให้ข้อมูลมา จริง ๆ ตัวสินค้าถ้าเป็นของกิน ผมไปทานมื้อเย็นที่ฟู้ดคอร์ต ห้างโลตัสประจำ ก็มีการปรับราคาขึ้น 5 บาท จาก 40 เป็น 45 จาก 45 เป็น 50 บาท แต่ฟู้ดคอร์ตก็แน่นมาก คิดว่าราคาสินค้าจะขึ้นอยู่กับซัพพลายดีมานด์เป็นส่วนใหญ่ เป็นเรื่องกลไกตลาด

ที่ผมห่วงคือ cost push ราคาพลังงานที่สูงขึ้น อย่างไฟฟ้าเพิ่งจะปรับค่าเอฟทีไป ในแง่เอสซีจีเองก็ต้นทุนสูงขึ้น เราก็มีการคุยกันว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าทุกคนก็ต้องพยายามรัดเข็มขัดตัวเอง

ผมมองว่าเรื่องค่าแรง ขั้นต่ำที่ได้เพิ่มขึ้นไปทำให้การจับจ่ายใช้สอยจะเพิ่มขึ้น ผมหวังว่าค่าแรงที่เพิ่มขึ้นก็จะมีการเก็บส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินออมบ้าง ในส่วนหนึ่งก็เอามาใช้จ่าย เพราะฉะนั้นเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจน่าจะมีผลเชิงบวกแน่ ๆ

แม้คนจะติงว่าของแพงมาก ผมเรียนว่าบริษัททั่วไปการแข่งขันมันเต็มที่ นี่คือส่วนหนึ่ง เมื่อมีการแข่งขันก็อาจไม่ขึ้นราคา

ก็ ต้องดูตัวเลขจากทางการ อย่างสินค้าของเรา ปูนซีเมนต์ เวลานี้ราคาต่ำกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ นั่นคือแม้ต้นทุนขึ้นแต่ก็อยู่ที่กลไกตลาดเป็นหลัก

- มุมมองดูจะมองเป็นบวก มีอะไรที่เสี่ยงบ้าง

ผม มองค่อนข้างบวก ที่เสี่ยงบ้างผมดูมีอันเดียวคือเรื่องการเมืองกับเรื่องพลังงาน อันนี้เราควบคุมไม่ได้ ต้องยอมรับ เพราะฉะนั้นนโยบายเรื่องพลังงานของรัฐบาลเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ อยากให้โปรโมตให้มีการประหยัดพลังงาน ใจผมเองก็ยังมองว่าควรปล่อยไปตามกลไกตลาด คือถ้าหากพลังงานมันแพงประชาชนก็ต้องรับรู้ และต้องช่วยกันประหยัดการใช้

- ค่าไฟฟ้าแพง ตั้งรับเรื่องต้นทุนอย่างไร

ต้อง เรียนว่าเอสซีจีมีโครงการเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานเยอะมาก เราไม่ได้เป็นบริษัทผลิตพลังงาน แต่เรามีโครงการประหยัดพลังงาน เช่น ลงทุนนำพลังงานความร้อนเหลือทิ้งจากการผลิตปูนซีเมนต์มาใช้ผลิตไฟฟ้า ลงทุนไปตั้ง 5.8 พันล้านบาทตั้งแต่หลายปีที่แล้ว วันนี้มีรีเทิร์นทุกปีประมาณ 25% คิดง่าย ๆ ว่าลงทุนไป 6 พันล้านบาท ได้กลับคืนมาตกปีละ 1.6-1.7 พันล้านบาท สูงมาก ตรงนี้ช่วยมาก ๆ ช่วยเรื่องโลกด้วย เราเซฟคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 3 แสนตัน/ปี เท่ากับต้นไม้ใหญ่ 24 ล้านต้น

- เอสซีจีจะขึ้นราคาสินค้าไหม

คือ ราคาสินค้า ผมเรียนเป็นไปตามกลไกตลาดจริง ๆ ขึ้นเขาก็ไม่ซื้อ ถึงแม้ซีเมนต์เราขายเพิ่มขึ้นก็ตาม เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และราคาในตลาดโลกขึ้น แต่ในประเทศไทยมีประเด็นเรื่องน้ำท่วมอะไรต่าง ๆ เราก็พยายามดึงราคาด้วย อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง ซีเมนต์ตลาดโลกจากปีที่แล้ว 41-42 เหรียญ/ตัน จนถึงไตรมาส 4/2554 ราคา 47-48 เหรียญ/ตัน ไตรมาส 1/2555 ราคา 49 เหรียญแล้ว เพราะคอสต์มันพุช

การบริโภคในประเทศดีมานด์น่าจะดีทั้งผู้ใช้จากโครงการภาครัฐ เอกชน และรายย่อย พอดีมานด์ดีวอลุ่มเยอะขึ้นมันก็มาถัวกันพอดี

ตัว นี้เป็นตัวช่วยที่ทำให้ไม่ต้องขึ้นราคา (ซีเมนต์) ได้ สมมติกำลังผลิตมี 10 ล้านตัน ขายอยู่ 9 ล้านตัน ที่เหลืออีก 1 ล้านตันสุดท้าย ต้นทุนฟิกซ์คอสต์มันครอบคลุมหมดแล้ว มีแค่ต้นทุนผันแปรเท่านั้นเอง ตรงนี้เองทำให้เรายังไปได้

เพียงแต่ไตรมาสที่แล้ว ผมเห็นว่าโครงการอินฟราสตรักเจอร์ของรัฐยังเข้ามาน้อย มันเป็นเรื่องของการเบิกจ่ายปีงบประมาณ เชื่อว่าเดือน เม.ย.-พ.ค. การเบิกจ่ายจะเยอะขึ้นมาก ตอนนี้ที่ยังเดินอยู่ได้ก็มีรถไฟฟ้า ที่ยังได้ซีเมนต์ คอนกรีตในอัตราที่ปกติ แต่ส่วนเพิ่มต่อไปก็จะมีโครงการเรื่องน้ำต่าง ๆ จะมีเยอะ เริ่มปลายปี ถึงเรียนว่าขอให้มีโครงการนี้เกิดขึ้นจริงทุกอย่างก็โอเค โดยเฉพาะโครงการเล็ก ๆ จะเกิดก่อนแน่

- ประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ

เรื่อง ความเชื่อมั่นดีขึ้นมาก ต่อไปเรื่องการลงทุนก็จะมา การจับจ่ายใช้สอยคิดว่ากำลังซื้อของประชาชนก็จะมา คือมาตรการทุกอย่างมันมี 2 ด้านเสมอ ขณะนี้ผมมองเป็นบวกภาพเศรษฐกิจรวม ๆ อันนี้จากที่ได้พูดคุยกับนักธุรกิจนักลงทุนหลาย ๆ คน แบงก์ก็เห็นชัด มีความมั่นคงแข็งแรง

ที่สำคัญที่น่าดีใจคือแบงก์ไทยมีความมั่นคงแข็งแรง ส่วนเรื่องกำไรแบงก์ก็ไปพูดกันเอง แต่ผมมองว่าเป็นสัญญาณที่ดี

- เดือน พ.ค.มีประเด็นทางการเมืองหลายเรื่อง

เรื่อง การเมืองเราไม่ค่อยคุ้น ผมขอเรียนว่าเรื่องการเมืองเราต้องวางตัวเป็นกลาง จริง ๆ แล้วรัฐบาลไหนมาก็ตามเราสนับสนุนเต็มที่ เพื่อให้เรื่องของบ้านเมืองไม่มีประเด็น ผมคิดว่าทุกคนมีบทเรียนอยู่แล้ว เป็นบทเรียนในเชิงไม่ค่อยดีว่ามันเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นจากนี้ไปก็อยากจะเห็นบ้านเมืองเรียบร้อย และเชื่อว่าทุกคนอยากให้บ้านเมืองเรียบร้อย ถึงเวลาที่เราไม่ต้องไปกังวลใจ หรือมีความรู้สึกที่ไม่สบายใจกับเรื่องของการเมือง ต้องก้าวข้ามพ้นไปซะที...ใจผมนะ แล้วไปนั่งคุยกันเรื่องเศรษฐกิจ เศรษฐกิจจริง ๆ เลยว่าควรจะเป็นอย่างไร บ้านเมืองจะเติบโตอย่างไร

ผม เคยเห็นปัญหาก่อนหน้านี้ตอนผมอยู่อินโดนีเซีย ผมอยู่ที่จาการ์ตา 2 ปี ตอนนั้นมีปัญหาเศรษฐกิจโลกของเอเชีย ผมอยู่จาการ์ตาปี 1996-1998 คร่อมวิกฤตต้มยำกุ้งพอดี จังหวะเดือน พ.ค.ปี 1998 (ปี 2541) มีเหตุจลาจลผมหนีออกมาจากจาการ์ตา ตอนที่หนีออกมาระหว่างทางเขาเผาทั้งเมืองเลย จนวันนี้ผ่านไป 10 กว่าปี ผมกลับไปเยี่ยมอินโดนีเซีย ไปพบประธานาธิบดีเอสบีวาย (ประธานาธิบดี-ซูซีโล บัม บัง ยูโดโยโน) เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

ผมยกทีมฝ่ายจัดการ ทั้งหมดไปประชุมที่นั่น อยู่ 6 วันได้เจอพาร์ตเนอร์ของเอสซีจี สุดท้ายขอนัดเจอท่านประธานาธิบดี พรรคพวกก็ช่วยนัด สถานทูตก็ช่วยนัด เชื่อไหม...มาวันพฤหัสฯ

บ่าย ๆ วันอังคารได้เจอเลย ใช้เวลาสั้นมากต้องเรียนอย่างนั้น ก็ต้องชื่นชม ก็ได้เข้าไปที่ทำเนียบท่านต้อนรับอย่างดีเลย

ผม บอกท่านว่าผมเคยอยู่ที่นี่ตอนปี 1998 ท่านบอกยังจำได้เหตุการณ์ตอนนั้น ประชาชนแย่มาก ๆ เศรษฐกิจก็แทบจะล้มเลย แต่วันนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ทุกอย่างกลับมาได้หมด

...เรียนว่าผมอยากจะเห็นภาพอย่างนี้แหละที่ต้องการ คือมีการพูดคุยกันเพื่อส่งเสริมให้ประเทศเจริญก้าวหน้า


สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : กานต์ ตระกูลฮุน ซีอีโอ SCG สอนน้อง ก้าวพ้นการเมือง คุยเรื่องเศรษฐกิจ

view