โอกาส Arbitrage ใน TFEX (2)
โดย : รศ.ดร.อาณัติ ลีมัคเดช
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เมื่อเห็นโอกาสว่าราคาฟิวเจอร์สของ SET50 ในเดือนกันยายนและเดือนพฤษภาคมน่าจะสูงเกินจริง
หากคิดแบบนักเก็งกำไร เราก็จะขายฟิวเจอร์สในเดือนดังกล่าว แล้วหวังว่าราคาจะตกลงมาให้เราปิดสถานะด้วยการซื้อกลับที่ราคาถูกลงได้
แต่ Arbitrageur ไม่คิดเช่นนั้น กลยุทธ์แบบ Arbitrage ต้องไม่มีความเสี่ยง หรือถ้าปรับมาใช้ในโลกแห่งความจริงก็ต้องทำให้กลยุทธ์นั้นมีความเสี่ยงน้อยที่สุด
ดังนั้น เราจะพิจารณาการใช้กลยุทธ์ Calendar Spread ด้วยการซื้อสัญญาฟิวเจอร์สที่หมดอายุสัญญาในเดือนหนึ่งพร้อมกับการขายฟิวเจอร์สที่จะหมดอายุสัญญาในอีกเดือนหนึ่ง
การใช้กลยุทธ์ Spread นี้ลดความเสี่ยงได้ เนื่องจากหากเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นที่ทำให้ราคาไม่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เราต้องการ การขาดทุนจากสัญญาหนึ่งจะถูกชดเชยในอีกสัญญาเสมอ เพราะราคาฟิวเจอร์สจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นการถือสถานะที่ตรงข้ามกันแม้จะทำให้ได้กำไรน้อยกว่าที่ควรเป็นถ้าเก็งถูก แต่ก็จะลดการขาดทุนหากเก็งผิดได้
นอกจากนี้ เมื่อมีความเสี่ยงต่ำกว่า ตลาด TFEX ก็จะกำหนดการวางเงิน Initial Margin และ Maintenance Margin ในสัดส่วนที่ต่ำกว่าการซื้อหรือขายทางเดียวมาก จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของตลาดแจ้งว่า Initial Margin สำหรับนักลงทุนรายย่อยกรณีซื้อหรือขายทางเดียวจะเท่ากับ 11,400 บาทต่อสัญญา แต่หากเป็น Spread จะเก็บเพียง 2,850 บาทเท่านั้น ในกรณีที่นักลงทุนเปิดบัญชีผ่านโบรกเกอร์อาจมีการเรียกเก็บเงินประกันในอัตราต่างจากนี้ แต่การใช้ Spread ก็จะวางเงินประกันที่ต่ำกว่าแน่นอน ดังนั้นเราสามารถใช้เงินน้อยลงในการลงทุนได้มากขึ้น
ผมทดลองเก็บข้อมูลปี 2556 มาทดสอบกลยุทธ์ Spread โดยเริ่มจากแบบซื้อสัญญาสั้น ขายสัญญายาว ก่อน ได้ผลดังนี้
จากนั้นทดสอบกลยุทธ์ Spread แบบซื้อสัญญายาว ขายสัญญาสั้น จะให้ผลคือ
เป็นไปตามคาด ผลแสดงว่ากลยุทธ์ที่ขายสัญญาที่หมดอายุเดือนพฤษภาคมนั้นจะได้กำไรในทุก Spread ในขณะที่กลยุทธ์การซื้อสัญญาดังกล่าวก็จะขาดทุนในทุก Spread เช่นกัน แต่คู่ที่ให้กำไรสูงสุดคือกลยุทธ์ที่ 4 คือซื้อสัญญาที่หมดอายุมีนาคม ณ ต้นเดือนมีนาคม พร้อมขายฟิวเจอร์สเดือนพฤษภาคมคู่ไปด้วย เมื่อปิดสัญญาพร้อมกันในปลายเดือนมีนาคม จะได้กำไร 5.72 คูณด้วยขนาดสัญญา 200 หรือคิดเป็น 1,144 บาทต่อสัญญา 1 คู่ ด้วยระยะเวลาการลงทุน 1 เดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนอย่างง่ายๆ คือมองเงินประกันเสมือนเงินลงทุน (ซึ่งผิดจากข้อเท็จจริงที่จะเราได้เงินประกันคืนเมื่อปิดสัญญาด้วย แต่เหลือเท่าไรไม่ทราบ ขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงราคาระหว่างเดือนมีนาคมจากกลไก Mark-to-the-Market) แต่แค่นี้อัตราผลตอบแทนก็ทะลัก 481.68% ต่อปีแล้วครับ
ปีนี้ผมยังไม่ได้เก็บข้อมูลมาเช็ค ดังนั้นก่อนจะทุ่มทุนปีหน้า นักลงทุนที่สนใจใช้กลยุทธ์นี้ควรจะลองเก็บข้อมูลมาทดสอบด้วยตัวท่านเองเสียก่อน ระหว่างนี้ก็ควรมาเรียนหลักสูตร Strategic Financial Management กับผมและคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิไปด้วย เปิดอบรมต้นเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ http://bit.ly/1taDaWG รับจำนวนจำกัด
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน