อะไรจะเกิดขึ้นในปี 2558
โดย : เสถียร ตันธนะสฤษดิ์
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เป็นธรรมเนียมของผมเองนะครับที่ในช่วงเดือนสุดท้ายของปี ผมขอนำเสนอมุมมองของผม
ซึ่งคาดว่าจะมีอะไรบ้างเกิดขึ้นในอนาคต และดูเหมือนท่านผู้อ่านของผมก็เฝ้าติดตามกันอยู่พอควร ที่ผ่านมาก็มีถูกบ้างผิดบ้างนะครับ แต่สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญกว่าสิ่งที่ผมทำนายแบบถูกบ้างผิดบ้างก็คือ มุมมองซึ่งผมได้วิเคราะห์จากหลายแหล่ง รวมถึงประสบการณ์ส่วนตัวมาประกอบกัน มุมมองดังกล่าวที่บอกว่าสำคัญกว่าก็เพราะผมหวังว่ามันจะจุดประกายให้ท่านผู้อ่านให้ติดตามและวิเคราะห์ตามกันไปด้วย และหากทำเช่นนั้นได้ ก็จะก่อให้เกิดสติที่มั่นคงในการตัดสินใจไม่ได้หวั่นไหวกับข่าวสารต่าง ๆ นานา ที่พุ่งเข้ามาหาจนเลือกไม่ถูก ดังนั้นเรามาเริ่มเลยนะครับ
1.อัตราดอกเบี้ย ผมเขียนบทความนี้ในวันที่ 30 พฤศจิกายน เพื่อที่จะลงในวันนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการประชุม กนง.ของไทยอยู่พอควร ทิศทางดอกเบี้ยของไทยหากเราจะนับเอาอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของ กนง. คงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะลดลง ทั้งนี้ก็มีข่าวแพลมออกมาแล้วว่า ดอกเบี้ยไทยคงต้องต่ำเนื่องจากนโยบายอื่น ๆ ของทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการคลังไม่สามารถจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นมาได้ การบริโภคโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ ดอกเบี้ยทางการจึงต้องลง และเมื่อการประชุม กนง.มีขึ้นจริงๆ ผมก็เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงคงจะลดลงตามที่มีการแอบเผยออกมา แต่สิ่งที่ผมค่อนข้างเป็นห่วงมากกว่าก็คือ อัตราดอกเบี้ยจริงๆ ในตลาดจะปรับตัวตามหรือไม่ ข้อเท็จจริงก็คือแบงก์ก็ยังคงแข่งขันหาเงินฝากกันอยู่อย่างแข็งขัน หากจะวิเคราะห์กันจริงๆ ปัจจัยที่น่าจะมีอิทธิพลต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดน่าจะเป็นเรื่องของการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้า/ออกซะมากกว่า ตราบใดก็ตามที่เงินทุนยังไม่เคลื่อนย้ายอย่างมีนัยสำคัญ ดอกเบี้ยไทยก็คงไม่หนีไปไหนสักเท่าไร ในปี 2558 ผมกลับมองต่างที่ว่าอัตราดอกเบี้ยตลาดน่าจะสูงขึ้นอันเนื่องมาจากเงินทุนไหลออก ผมเชื่อว่าจะมีการย้ายตลาดเล่นเกิดขึ้น และผลที่ตามมาก็จะได้เรียนในข้อต่อไปนะครับ
2.อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทของเราค่อนข้างมีเสถียรภาพถึงมีเสถียรภาพมาก เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลในภูมิภาค หรือเงินสกุลหลัก เช่น เยนญี่ปุ่น การที่ค่าเงินเป็นเช่นนี้คือแข็งเกินหน้าเกินตาชาวบ้าน ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือของนำเข้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันก็จะมีค่าค่อนข้างคงที่ และจะถูกในสายตาของพวกเรา ข้อเสียก็คือ สินค้าส่งออกของเราหลายประเภทก็จะมีราคาแพงในสายตาของผู้นำเข้าในต่างประเทศ ดูเหมือนว่าปัจจัยเรื่องเงินทุนไหลเข้าออก จะเป็นเรื่องที่ทำให้เราปวดหัวอยู่มากและทางการเราก็ไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างที่ใจอยากได้ ดังนั้นพวกเราเองคงต้องดูแลตัวเองให้ดี ผมเชื่อว่าในปี 2558 การไหลออกของเงินทุนดังที่ได้กล่าวข้างต้น น่าจะเป็นแรงส่งให้ค่าของเงินบาทอ่อนตัวลงนะครับ
3.ตลาดอเมริกาน่าจะมีการวิ่งขึ้นต่อไป ผมได้เรียนท่านผู้อ่านในเรื่องการ Long America มาหลายเดือนติดต่อกัน ผมก็ยังคิดว่าในปี 2558 ก็ยังเป็นปีที่อเมริกาน่าจะดีอีกปีหนึ่งนะครับ จริงอยู่ก่อนที่จะวิ่งต่อไปก็คงต้องปรับตัวลงมาพอควร เพื่อให้การวิ่งในครั้งต่อไปมีพลัง การปรับตัวลดลงของหุ้นอเมริกาน่าจะเห็นได้ภายในปีนี้ หรือไม่เกิน มค.ของปี 2558 อย่างน้อยก็มีคนพูดกันแยะแล้วว่าอย่างน้อยๆ ต้องลงมาสัก 10%-12% หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ดัชนี S&P 500 ก็คง จะต้องต่ำกว่าระดับ 2,000 อยู่พอควรนะครับ ใครจะเข้าไปช้อนซื้อก็คงจะรออยู่ได้นะครับ จริงๆ แล้วผมมีความคิดว่าโอกาสและจังหวะของ อเมริกาคงหาที่เป็นแบบปัจจุบันได้ค่อนข้างยาก กล่าวคือ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ(และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในปี 2558) ระดับราคาสินค้าที่ยังไม่พุ่งสูงขึ้น(จนน่าเป็นห่วงในสายตาของ Fed ว่าจะต่ำเกิน) การจ้างงานที่ดีขึ้นตามลำดับ(จน Fed คิดว่าไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป) ดังนั้นการที่ราคาสินทรัพย์ในอเมริกาจะสูงขึ้นไปได้อีก ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายเพียงแต่ว่าบรรดา Financial Asset ต้องปรับฐานลงมาสักหน่อยตามที่เขียนไว้ข้างต้น
4.สินค้าโภคภัณฑ์(Commodities) ราคาคงจะลงไปได้อีกพอควรอย่างน้อยสักครึ่งปี 2558 ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผมแปลกประหลาดใจเท่าไรนัก เหตุผลหลักก็เป็นเพราะราคาน้ำมันที่ยืนอยู่ระดับสูงเฉียด 100 เหรียญ/บาร์เรล เป็นเหตุจูงใจให้ทุกคนเสาะหาพลังงานทดแทน ผมเคยเรียนเรื่อง Oil Shale ในอเมริกามาแล้วนะครับผลของมันทำให้อเมริกามีการลดการนำเข้าน้ำมันเป็นอย่างมาก และก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบในตอนนี้ คำถามยอดฮิตก็คือ แล้วมันจะไปหยุดตรงไหน ผมคงไม่สามารถตอบได้เพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ หากผมจะวิเคราะห์ผมอยากจะวิเคราะห์ไปในทิศทางที่ Financial Assets จะได้รับอานิสงส์มากกว่านะครับ ราคาน้ำมันที่ลดลงน่าจะทำให้หุ้นที่อ่อนไหว(sensitive) ต่อเรื่องดังกล่าวได้รับผลดีไปเต็มๆ เช่นหุ้นสายการบิน , การขนส่งอื่น ๆ เป็นต้น เพราะต้นทุนการดำเนินการหลักก็คือ น้ำมัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะวัดว่าสายการบินไหนเจ๋งกว่ากันก็อยู่ที่การเข้าไป Hedge ราคาน้ำมันนี่แหล่ะ ใครทำได้ดีกว่าก็น่าจะได้รับอานิสงส์ที่มากกว่าและก็ไปสะท้อนในราคาหุ้นที่จะสูงขึ้นมากกว่านะครับ
สุดท้ายปีนี้ไม่ขอพูดเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ เหตุก็คือผมได้เคยเรียนท่านผู้อ่านไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว และอีกเหตุหนึ่งที่ไม่ขอกล่าวในปีนี้ เพราะว่าคุณคิมแกนิ่งมาก นิ่งจนผมไม่รู้จะวิเคราะห์อย่างไร ดังนั้นขอยกยอดแล้วกันนะครับ
สุดท้ายผมขอให้ทุกท่านโชคดี และมีความสุขในปี 2558 ที่กำลังจะมาถึงนี้นะครับ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน