จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน

ผมมาลองประเมินสถานการณ์ต่างๆ โดยรวบรวมข้อมูลสำคัญที่จะสะท้อนเศรษฐกิจประเทศ

เผื่อจะได้เอาไปเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจในการทำงาน การลงทุน หรืออ่านประดับความรู้ก็ยังดีครับ

อย่างที่ทุกคนทราบ ปี2557 เป็นปีที่คนประกอบธุรกิจบาดเจ็บกันทั่วหน้าด้วยพิษทางการเมืองตั้งแต่ ไตรมาส 3 ปี 2556 ต่อเนื่องถึง ไตรมาส 2 ของปี 2557 จนเกิดการรัฐประหาร การเมืองเริ่มนิ่งมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่หลายๆ ธุรกิจก็ยังได้ผลกระทบจากนโยบายประชานิยม

ไม่ว่าจะเรื่องข้าว รถยนต์คันแรก ตามมาด้วยทีวีดิจิทัลที่หลายๆ บริษัท ที่ชนะการประมูล คาดการณ์อยู่แล้วว่าจะขาดทุน แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะขาดทุนกันมากขนาดนี้ ทั้งเรื่อง Set top Box ของ กสทช. และ นโยบายบังคับใช้ Must carry ที่ยังงงๆ กันอยู่ ประกอบกับการใช้งบโฆษณาของหน่วยงานต่างๆ ลดลง ตามสภาวะเศรษฐกิจทั้งปี น่าจะติดลบกว่า 10 % โดยวิทยุ In-store media และนิตยสาร ลดลงกว่า 20 % มีแค่สื่ออินเทอร์เน็ตที่มีตัวเลขสูงขึ้น 15%

ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจาก 26.5 ล้านคนในปี 2556 ปีนี้เหลือเพียง 24.7 ล้านคน ลดลง 5.9 % รายได้จากหมวด ท่องเที่ยว ลดลง 2.8 % บรรดาสายการบิน Low cost ที่เราเห็นคนเดินทางเยอะแยะมากมายกลับขาดทุนกันทั่วหน้า การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนลดลงอย่างชัดเจน อันเนื่องมาจากความกังวลเรื่องความไม่แน่นอน ทางเศรษฐกิจ จึงไม่อยากใช้จ่าย สินค้าอุปโภคบริโภคก็เลยแย่ลงตามไปด้วย

มาดูปี 2558 กันดีกว่าครับ เราจะทำธุรกิจกันอย่างไร จะเป็นดาวรุ่ง ดาวร่วง หรือดาวค้างฟ้า

ปัจจัยบวก

การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณจะทำได้รวดเร็วกว่ารัฐบาลปกติ เงินอัดฉีดภาครัฐจะเป็นตัวแปรสำคัญทำให้เร่งเศรษฐกิจของประเทศ การท่องเที่ยวจะกลับมาสู่ภาวะปกติ นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างจีน จะกลับมาเป็นปกติคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนจะมาเที่ยวประเทศไทยถึง 7 ล้านคนในปีหน้า

ส่วนภาคธุรกิจ Media จะค่อยๆ กลับมา ตามความมั่นใจทางธุรกิจ การตลาดกลับมาแข่งขัน ตามปกติ แต่ที่น่าจะยังมีปัญหาอยู่คือดิจิทัลทีวี เพราะปัญหาต่างๆ ยังแก้ไขไม่จบ คาดว่าน่าจะมีบริษัทขนาดเล็กที่ประมูลได้ไป แต่ประสบปัญหาเรื่องเงินหมุนเวียนจะทยอยล้มลง เพราะรายได้พลาดเป้าไปเกินคาด

ปัจจัยลบ

พืชผลทางการเกษตร ไม่ค่อยดีนักเพราะภาวะดินฟ้าอากาศ ภาระหนี้สินครัวเรือนที่สูงขึ้น จากนโยบายรถคันแรก บ้านหลังแรก ดังนั้นกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีกำลังใช้จ่าย รัฐบาลเองต้องรับภาระขาดทุนจาก โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลเก่า ต้องมีภาระหนี้มากขึ้นแทนที่จะได้ใช้เงินงบประมาณในการลงทุน การส่งออกของเรายังอยู่ในสภาวะชะลอตัว เพราะความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

เอาเป็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นักการตลาดต้องตื่นตัวและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อยู่เสมอ

สู้ต่อไปครับผมเอาใจช่วย

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน