จากประชาชาติธุรกิจ
สินเชื่ออาจจะเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญสำหรับการประกอบธุรกิจ แต่สำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจ หากใช้สินเชื่อเป็นเครื่องมือในการลงทุนอย่างไม่ถูกวิธี กิจการก็อาจพังไม่เป็นท่าเอาได้ง่ายๆ จากรายงานของ Global Entrepreneurship Monitor รายงานสาเหตุหลักๆ ของความล้มเหลวของธุรกิจในสหรัฐอเมริกาว่า การประสบปัญหาทางการเงิน เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของความล้มเหลวเลยทีเดียว
เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจของคุณประสบปัญหาทางการเงิน จนขาดทุนและต้องปิดกิจการไปในที่สุด MoneyGuru.co.th จึงขอนำเสนอข้อผิดพลาดทางสินเชื่อที่มักจะพบบ่อยๆ ในหมู่ผู้ประกอบธุรกิจ และวิธีการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านั้นกันครับ
ประการแรก ไม่มีระบบการทำบัญชีที่มีประสิทธิภาพ
การบัญชีของกิจการนั้นก็มีความสำคัญ เพราะเป็นการคำนวณรายรับรายจ่ายและการจ่ายหนี้ที่กู้ยืมมา รวมถึงภาษีต่างๆ ที่จะต้องจ่าย หากการบัญชีของกิจการมีการทำบัญชีอย่างเป็นระบบ จะทำให้กิจการของเรามีความน่าเชื่อถือทางการเงินที่สูง เพราะมีการจ่ายหนี้ตรงตามระยะเวลาทุกงวดอย่างถูกต้อง รวมถึงจ่ายภาษีได้ถูกต้อง เมื่อมีความน่าเชื่อถือทางการเงินที่สูง เวลาที่เราต้องการสินเชื่อ ก็จะทำให้ธนาคารหรือผู้ให้กู้ปล่อยสินเชื่อให้ง่ายขึ้น ดังนั้น ควรจ้างคนที่มีความเชี่ยวชาญมาทำบัญชีโดยเฉพาะ จะทำให้รายรับรายจ่ายมีความรัดกุมและเป็นระบบอย่างมาก
ประการที่สอง การใช้สินเชื่อเป็นหลักค้ำยัน
ถ้าหากคุณไม่มีทุนมากพอที่จะใช้จ่ายในกิจการของคุณ อย่าคิดที่จะใช้สินเชื่อมาแก้ปัญหา เพราะหลักค้ำยันธุรกิจของคุณ คือ สินค้าและบริการของคุณ ดังนั้น คุณอาจจะต้องมีการปรับปรุงสินค้าและบริการของคุณให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ถ้าหากคุณทำได้ สินค้าและบริการของคุณก็จะขายได้และนำรายได้มาให้คุณ
Andrew Sherman หุ้นส่วนของบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย Jones Day ใน Washington D.C. ได้กล่าวว่า "สินเชื่ออาจเป็นแผนสำรองของคุณ แต่ไม่ใช่แผนหลักในการดำเนินธุรกิจของคุณ ผมเห็นกิจการหลายกิจการ ใช้สินเชื่ออย่างผิดวิธี ทั้งๆ ที่พวกเขาควรจะจัดหาเงินทุนผ่านทางรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ไม่มีใครเคยบอกพวกเขาเลยว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะใช้สินเชื่อเป็นเครื่องมือ"
ประการที่สาม ใช้บัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน
การใช้บัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน หรือเกือบเต็มวงเงินนั้น จะทำให้เครดิตลดลง และหาสินเชื่อได้น้อยลง วิธีแก้ปัญหานี้คือ ควรมีบัตรเครดิตไว้สองใบ แล้วเฉลี่ยสินเชื่อไปแต่ละใบในระดับที่เท่าๆ กัน จะทำให้บัตรเครดิตแต่ละใบไม่ถูกใช้จนเต็มวงเงินหรือเกือบเต็มวงเงิน
ประการที่สี่ ไว้วางใจคู่ค้าหรือผู้ขายมากเกินไป
การไว้วางใจกันนั้นเป็นสิ่งที่ดีในการเจรจาทำธุรกิจแต่นั่นอาจจะนำมาซึ่งความเสียหายแก่ธุรกิจอย่างร้ายแรง เช่น การสำรองจ่ายเงินจำนวนมากให้กับคู่ค้าแล้วคู่ค้าไม่จ่ายคืนให้ ดังนั้น คุณควรที่จะหาวิธีป้องกันตัวเอง เช่น การให้คู่ค้าวางมัดจำ หรือให้มีการจ่ายเงินเป็นงวดๆ ในงานใหญ่ๆ หรือจ่ายเงินเมื่อคุณพอใจกับผลงาน
ประการที่ห้า ละเลยการชำระหนี้ให้ตรงเวลา
การชำระหนี้ให้ตรงเวลานั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากคุณไม่ชำระหนี้ให้ตรงเวลา จะทำให้คุณต้องเสียดอกเบี้ยนับจากวันที่คุณผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยก็จะแตกต่างกันไปตามประเภทสินเชื่อ แต่อัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นจะสูงเป็นพิเศษ นอกจากนี้ คุณยังอาจจะต้องเสียเงินค่าทวงถามหนี้ให้เจ้าหนี้อีกด้วย ดังนั้น การรู้จักชำระหนี้ให้ตรงเวลา จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และยังช่วยรักษาประวัติทางการเงินของคุณให้ดีอยู่เสมอ เพื่อใช้สำหรับการขอสินเชื่อครั้งต่อไปอีกด้วยครับ
ประการที่หก ไม่มีทุนสำรองและหลักทรัพย์ในการค้ำประกันการขอสินเชื่อ
สำหรับผู้เริ่มต้นประกอบธุรกิจสภาพคล่องทางการเงินอาจจะมีไม่มากแต่ควรมีทุนสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการกู้เงินมาแก้ไขปัญหาของธุรกิจ รวมถึงควรมีหลักทรัพย์ไว้บ้าง เพื่อใช้ในการค้ำประกันการขอสินเชื่อ ทดแทนสภาพคล่องทางการเงินที่มีน้อย
ข้อผิดพลาดทางสินเชื่อทั้ง 6 ประการ เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อให้สามารถรักษาสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจไม่ให้ขาดทุนได้และสามารถ ขอสินเชื่อมาเพื่อใช้ในการลงทุนเพิ่มหรือแก้ไขปัญหาทางการเงินของธุรกิจได้ พร้อมๆกัน ข้อมูลข้างต้นหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เริ่มต้นประกอบธุรกิจนะครับ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน