ปิดบัญชีจำนำข้าวสิ้น ก.ย.58 คาดขาดทุนเพิ่ม 3-4 หมื่นล้าน

จากประชาชาติธุรกิจ

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ ปิดบัญชีรับจำนำข้าว เปิดเผยว่า ล่าสุดได้สรุปปิดบัญชีจำนำข้าวของรอบ ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2558 แล้ว โดยมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น จากรอบปิดบัญชี ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2557 ที่ขณะนั้นมีผลขาดทุนที่ 682,365 ล้านบาท เนื่องจากยังมีข้าวเหลืออยู่ แต่การขายทำได้ลำบาก และมีค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นปีละ 5%

อย่างไรก็ดี ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขที่ขาดทุนเพิ่มได้ เพราะต้องรายงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในสัปดาห์หน้าก่อน ส่วนผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นทางคณะอนุกรรมการ จะเสนอรัฐบาลให้มีตั้งงบประมาณชดเชยผลขาดทุนภายใน 4 ปี ซึ่งแต่ละปีจะชดเชยขนาดไหนต้องขึ้นกับฐานะของรัฐบาล

ขณะเดียวกัน อนุกรรมการเตรียมเสนอ นบข.ให้พิจารณาให้มีหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการบริหารฐานข้อมูลในการปิดบัญชี บริหารสต๊อกข้าว และอื่น ๆ ให้ดีขึ้น เพื่อให้การปิดบัญชีครั้งต่อ ๆ ไป ทำได้รวดเร็วขึ้น โดยจะเสนอให้มีการประชุมทุกไตรมาส เพื่อติดตามข้อมูล ไม่ใช่ประชุมเฉพาะเดือน ธ.ค. และกว่าจะสรุปได้ก็ล่วงเข้าเดือน มี.ค.ของปีถัดไป ซึ่งช้ามาก

ด้านแหล่งข่าวจากอนุกรรมการรปิดบัญชี รับจำนำข้าวรายหนึ่งกล่าวว่า ผลขาดทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท จากการระบายข้าวออกไปประมาณ 3-4 ล้านตัน และเนื่องจากราคาข้าวตกลง และมีค่าเสื่อมราคาที่มากขึ้นกว่ารอบก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2557 พบว่ามีผลขาดทุนที่ 682,365 ล้านบาท แยกเป็นผลขาดทุนของ 11 โครงการก่อนหน้ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 163,674 ล้านบาท และเป็นผลขาดทุนในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (ปี 2554 - 2557) อีกจำนวน 518,691 ล้านบาท

“คลัง” ปิดบัญชีจำนำข้าวปี 58 ยอมรับผลการขาดทุนมากกว่าการสรุปครั้งก่อน

โดย MGR Online

       “คลัง” ปิดบัญชีจำนำข้าวปี 58 ยอมรับผลการขาดทุนมากกว่าการสรุปครั้งก่อน พร้อมรายงานตัวเลขนายกฯ แย้มเบื้องต้นขาดทุนเพิ่มขึ้นไม่เกิน 1 แสนล้านบาท สูงกว่าการคำนวณครั้งก่อนที่ 6.8 แสนล้านบาท
       
       นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการปิดบัญชีรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบาย รัฐบาล ครั้งที่ 2/2559 ทั้ง 15 โครงการ ตั้งแต่ปี 2547 ถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยระบุว่า ในที่ประชุมได้ข้อสรุปตัวเลขความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้งหมด หลังจากปิดบัญชีโครงการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 ซึ่งยอมรับความเสียหายจะสูงกว่าการคำนวณครั้งก่อนที่ 680,000 ล้านบาท แต่ความเสียหายที่เพิ่มขึ้นจะไม่สูงขึ้นอีก 100,000 ล้านบาท เนื่องจากคุณภาพข้าวเสื่อมลง
       
       สำหรับข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 ผลการขาดทุนที่สูงขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าเช่าที่ ค่าใช้จ่ายด้านการคลัง ประกอบกับขายข้าวลดลง ขณะที่มีค่าเสื่อมสูงขึ้น พร้อมยอมรับข้าวในสต๊อกขณะนี้มีคุณภาพเสื่อมลง การระบายข้าวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น ผลขาดทุนในอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้น
       
       ขณะเดียวกัน ราคาขายข้าวในตลาดตกต่ำเมื่อรวมกับภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และค่าเช่าโกดังเก็บสต๊อกข้าว จึงทำให้เกิดความเสียหายสูงขึ้น แม้ว่าปริมาณข้าวจะไม่หายไปจากโกดังตามกระแสก็ตาม
       
       ทั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขความเสียหายจริงได้ เนื่องจากต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรี รับทราบวันนี้ (8 มี.ค.) ก่อน และจะรายงานให้คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) ในสัปดาห์หน้า
       
       “ตัวเลขขาดทุนยังไม่ขอเปิดเผย ขอเสนอนายกรัฐมนตรีก่อนสัปดาห์หน้า เบื้องต้น ไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีผลต่อรูปคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ โดยที่ประชุมเสนอให้ตั้งงบประมาณชดใช้คืนรัฐบาลภายใน 4 ปี”
       
       นอกจากนี้ เตรียมเสนอให้มีการจัดตั้งหน่วยงานดูแลฐานข้อมูลหลักที่ใช้ในการปิดบัญชี จำนำข้าว และบริหารสต๊อกข้าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดประชุมไตรมาสละครั้ง จากเดิมประชุมปีละครั้ง เพื่อปิดบัญชีจำนำข้าวรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาต่อไป ส่วนการระบายข้าวนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์

สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน