จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
รอยเตอร์ - สหรัฐฯ และญี่ปุ่นเห็นพ้องอย่างกว้างๆ เกี่ยวประเด็นสำคัญในเรื่องการค้าเมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ หวังจะมีการลงนามลงข้อตกลงอย่างเป็นทางการที่นครนิวยอร์กในเดือน ก.ย.
ทั้งนี้ หากสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นดีลกันได้สำเร็จจะช่วยลดความบาดหมางในด้านการค้าระหว่างสองชาติพันธมิตร ในขณะที่สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ลุกลามบานปลายออกไปเรื่อยๆ
โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ข้อตกลงฉบับนี้จะครอบคลุมทั้งเรื่องสินค้าเกษตร, ภาษีศุลกากรสินค้าอุตสาหกรรม รวมไปถึงการค้าแบบดิจิทัล (digital trade) ยกเว้นภาษีรถยนต์นำเข้าญี่ปุ่นที่จะยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทรัมป์ ระบุว่า ญี่ปุ่นตกลงจะรับซื้อข้าวโพดส่วนเกินที่กำลังเป็นภาระต่อเกษตรกรอเมริกันอันเนื่องมาจากสงครามการค้า ขณะที่ อาเบะ ก็ยืนยันความเป็นไปได้ในการรับซื้อข้าวโพด แต่ย้ำว่าเรื่องนี้จะปล่อยให้ภาคเอกชนดำเนินการ
“มันเป็นธุรกรรมที่ยิ่งใหญ่มาก และเราได้เห็นพ้องกันในเบื้องต้นแล้ว มันจะมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเกษตรกร” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ขณะเปิดแถลงข่าวร่วมกับ อาเบะ ในเวทีซัมมิต G7 ที่ฝรั่งเศส
ด้านผู้นำญี่ปุ่นยอมรับว่ายังมีรายละเอียดที่ต้องพูดคุยกันอีกพอสมควร แต่ก็แสดงความเชื่อมั่นว่าจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ได้ก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์กในเดือนหน้า
“เรายังมีภารกิจที่ต้องทำในระดับคณะทำงาน ซึ่งก็คือการร่างถ้อยคำในข้อตกลงการค้า และสรุปเนื้อหาทั้งหมด” อาเบะ แถลงผ่านล่าม “แต่เราก็จะพยายามเร่งรัดเพื่อให้สามารถลงนามข้อตกลงได้ในช่วงการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นปลายเดือน ก.ย.”
ไลท์ไฮเซอร์ ระบุว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ราวๆ 14,000 ล้านดอลลาร์ และข้อตกลงการค้าจะช่วยขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าไปยังแดนอาทิตย์อุทัยเพิ่มขึ้นอีกกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู ข้าวสาลี ผลิตภัณฑ์นม ไวน์ รวมถึงเอทานอล
“ข้อตกลงฉบับนี้จะนำไปสู่การลดอัตราภาษีศุลกากรและข้อจำกัดอื่นๆ อย่างครอบคลุม” ไลท์ไฮเซอร์ ระบุ โดยไม่ได้กล่าวลงลึกถึงรายละเอียดเกี่ยวกับแง่มุมด้านอุตสาหกรรมและอี-คอมเมิร์ซ
สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ได้สั่งให้บริษัทอเมริกันเริ่มมองหาช่องทางอื่นๆ ทดแทนการทำธุรกิจในจีน และดูเหมือนจะไม่ฟังเสียงของ อาเบะ ที่เน้นย้ำว่าภาคเอกชนญี่ปุ่นจะดูแลรับผิดชอบเรื่องการรับซื้อข้าวโพดส่วนเกินของสหรัฐฯ
“ภาคเอกชนญี่ปุ่นรับฟังเสียงของสาธารณชนอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากประเทศของเราเล็กน้อย” ทรัมป์ กล่าว
นายกฯ ญี่ปุ่นแม้จะพยายามเบรก ทรัมป์ ไม่ให้ด่วนสรุปเรื่องการรับซื้อข้าวโพด แต่ก็ยอมรับว่าผลิตผลทางการเกษตรของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของแมลงศัตรูพืช ทำให้มีความจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าเกษตรบางชนิดเพิ่มขึ้น
“เราเชื่อว่ามีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการสนับสนุนอย่างเร่งด่วนต่อภาคเอกชนญี่ปุ่นในการซื้อข้าวโพดจากอเมริกา และด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่าเป็นไปได้ที่เราจะให้ความร่วมมือในประเด็นดังกล่าว” อาเบะ ระบุ
ทรัมป์ พยายามหาวิธีช่วยเหลือเกษตรกรอเมริกันที่ได้รับความเดือดร้อนจากสงครามการค้ากับจีน โดยเฉพาะในรัฐที่ฐานเสียงแกว่งไม่แน่นอน (swing states) ซึ่ง ทรัมป์ ต้องเรียกคะแนนนิยมให้ได้มากที่สุด เพื่อบรรลุเป้าหมายในการรั้งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ในปี 2020
#สำนักงานบัญชี,#สำนักงานสอบบัญชี,#ทำบัญชี,#สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน