Webboardโอบามา ประกาศปรับวิธีเก็บภาษี กันบริษัทUSหลบโยกกำไรต่างแดน
|
108acc |
ASTVผู้จัดการออนไลน์
เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศเมื่อวันจันทร์ (4) ว่าจะดำเนินการยกเครื่องการจัดเก็บภาษีครั้งใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะได้เงินภาษีให้ประเทศได้ถึง 210,000 ล้านดอลลาร์ โดยการอุดช่องโหว่ที่ทำให้พวกบริษัทอเมริกันได้กำไรแบบแทบไม่ต้องเสียภาษี จากธุรกิจในต่างแดน ตลอดจนรีดภาษีจากเงินที่อเมริกันชนไปฝากไว้ในแหล่งฝากเงินปลอดภาษีในต่าง ประเทศ โอบามาประกาศอย่างหนักแน่นว่า ต่อไปนี้ผู้เสียภาษีชาวสหรัฐฯจะต้อง "เสียภาษีให้สมดุลกับรายได้ที่ได้รับ" และเขายังได้กล่าวอีกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นขั้นต้นของการปฏิรูปภาษีทั้ง ระบบที่สหรัฐฯต้องทำ อันจะเป็นพื้นฐานของการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศต่อไป อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอการปฏิรูปโครงสร้างการเก็บภาษีที่รัฐบาลจะต้องจัดทำเป็นกฎหมายหลายๆ ฉบับเพื่อส่งไปให้รัฐสภาอนุมัตินี้ ได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากบริษัทขนาดใหญ่และบรรดาสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิ กันทั้งหลาย ซึ่งเรียงหน้ากันออกมาบอกว่า อาจส่งผลเสียให้บริษัทของสหรัฐฯจำนวนมากขึ้น ย้ายฐานออกไปผลิตในประเทศที่มีต้นทุนถูกกว่า โอบามาโต้แย้งว่าโครงสร้างภาษีใหม่นี้จะทำให้รัฐบาลเก็บเงินได้มาก ถึง 210,000 ล้านดอลลาร์ ภายใน 10 ปี โดยเงินจำนวนนี้จะนำมาใช้เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล ลดภาษีให้กับธุรกิจต่าง ๆ ที่ทำตามกฎระเบียบต่าง ๆอย่างถูกต้อง และทำให้รัฐบาลสามารถช่วยเหลือครอบครัวชนชั้นทำงานหนักได้ดีขึ้น ภายใต้แผนการที่ประธานาธิบดีโอบามาและรัฐมนตรีคลัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ประกาศออกมา สำนักงานสรรพากรสหรัฐฯ (ไออาร์เอส)จะจัดจ้างตัวแทนเก็บภาษีเพิ่มขึ้นถึง 800 คน เพื่อคอยติดตามการอาศัยดินแดนต่างประเทศในการหลีกเลี่ยงการเสียภาษี รัฐบาลสหรัฐฯนั้นประเมินไว้ว่า บริษัทต่างๆ ได้ใช้ช่องโหว่ด้านกฎหมายจัดเก็บภาษี ตลอดจนวิธีปฏิบัติที่น่าเคลือบแคลง ทำให้จ่ายเงินภาษีโดยเฉลี่ยแล้วเท่ากับเพียง 2% ของกำไรที่ทำได้ในต่างประเทศของพวกขาเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าประชาชนผู้เสียภาษีของสหรัฐฯต้องสูญเสียรายได้ไปปีละเป็น หมื่นๆ ล้านดอลลาร์ การปฏิรูปที่รัฐบาลนำเสนอครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในช่วงรณรงค์หาเสียงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดี ของโอบามา ที่บอกว่าจะหาทางสะกัดกั้นมิให้บริษัทของสหรัฐฯหลบเลี่ยงภาษีที่เกิดจากทำ กำไรในต่างประเทศ หลังจากที่บริษัทเหล่านี้ย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐฯและไปสร้างตำแหน่งงาน ให้กับประเทศอื่น ๆ โอบามาให้คำมั่นกับนักข่าวว่า การกระทำเช่นนั้นรวมทั้งวิสัยทัศน์ที่บิดเบี้ยวที่เกิดจากการใช้ช่องว่างของ กฏหมายแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง จะต้องสิ้นสุดลงเสียที "ผมต้องการจะเห็นบริษัทของเรายังคงมีความสามารถในการแข่งขันสูงที่ สุดในโลก แต่การที่จะทำให้เป็นเช่นนั้นได้ ก็มิใช่ด้วยการให้รางวัลแก่บริษัทที่ย้ายงานสำหรับคนอเมริกันไปที่อื่น หรือโยกย้ายกำไรไปฝากไว้ยังเขตปลอดภาษีในต่างประเทศ" ไกธ์เนอร์ก็ได้ออกมาประกาศว่า ต่อไปนี้บริษัทของสหรัฐฯจะไม่ได้รับการลดภาษีเมื่อไปลงทุนในต่างประเทศอีก ต่อไปแล้ว หากว่าพวกเขาไม่ได้จ่ายภาษีให้รัฐบาลในกำไรที่พวกเขาทำได้จากต่างประเทศ แต่ทั้งนี้มีข้อยกเว้นให้ค่าใช้จ่ายการลงทุนด้านวิจัยและการพัฒนาในต่าง ประเทศ ยังคงจะได้รับการยกเว้นภาษีต่อไป ในคำแถลงของทำเนียบขาวชี้ว่ามาตรการเหล่านี้จะทำให้รัฐบาลเก็บเงิน ภาษีได้เพิ่มขึ้นถึง 60,100 ล้านดอลลาร์ในช่วงระหว่างปี 2011-2019 และเงินที่ได้บางส่วนจะนำไปเป็นกองทุนสำหรับการยกเว้นภาษีให้แก่ค่าใช้จ่าย ด้านการวิจัยและพัฒนา นอกจากนี้ทำเนียบขาวยังได้กล่าวอีกว่าแผนนี้จะสามารถอุดช่องโหว่ที่ กฏหมายเปิดไว้โดยให้บริษัทสามารถนำเอาภาษีเสียตามกฏหมายสหรัฐฯมาหักลบออกจาก ภาษีที่เสียไว้ในต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งทำให้กระทรวงการคลังได้เงินคืนถึง 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 10 ปีข้างหน้า โอบามากล่าวว่าช่องโหว่เหล่านี้ ทำให้บริษัทขนาดใหญ่บอกไออาร์เอสว่าพวกเขาจ่ายภาษีในต่างประเทศไปแล้ว และบอกรัฐบาลประเทศที่พวกเขาไปทำธุรกิจว่าจ่ายภาษีให้แก่ประเทศสหรัฐฯแล้ว สรุปก็คือไม่ต้องจ่ายภาษีในประเทศใด ๆเลย อย่างไรก็ตาม หอการค้าของสหรัฐฯได้ออกมาท้วงติงว่า สหรัฐฯเป็นประเทศขนาดใหญ่ประเทศเดียวที่บังคับใช้กฏหมายเรื่องการเก็บภาษี ซ้อนสำหรับบริษัทของตนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ ดังนั้น บริษัทของสหรัฐฯจึงควรต้องได้คงหลักปฏิบัติในเรื่องการอ้างอิงการเสียภาษี แล้วเอาไว้ จึงจะสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ จากการปรับโครงสร้างภาษีของรัฐบาลโอบามา ยังจะทำให้บริษัทของสหรัฐฯต้องรายงานผลประกอบการของบริษัทลูกของตนแก่ไออาร์ เอสในฐานะที่เป็นบริษัทแยกต่างหาก จากก่อนหน้านี้ที่อาจจะไปจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทที่เขตปลอดภาษีอย่างเช่น หมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งทางทำเนียบขาวก็กล่าวว่าน่าจะทำให้ได้เงินภาษีคืนมาถึง 95,200 ล้านดอลลาร์ |
