สำนักงานสอบบัญชี พี แอนด์ อี,สำนักงานบัญชี พี.เอ.แอล.,คณะบุคคลที่ปรึกษา พี.เอ.ที.,#สำนักงานบัญชี,#ผู้สอบบัญชี,#ทำบัญชี,#สอบบัญชี,#สำนักงานสอบบัญชี,#ผู้สอบบัญชีภาษีอากร

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า การให้จำแนกภาษีแวตก็เพื่อให้รู้ว่าสินค้ากลุ่มใดที่มีการฟื้นตัวและสามารถ ขยายฐานภาษีให้กว้างขึ้นได้ในระยะยาว

นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรพร้อมทำรายละเอียดการเพิ่มขึ้นของภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่ครม .เศรษฐกิจให้นโยบายมา ซึ่งในภาพรวม 3 เดือนแรกของปีงบประมาณที่ผ่านมา ภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้นทั้งจากการนำเข้าและการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากนักลงทุนและประชาชนมั่นใจการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น

นายวินัย กล่าวว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บได้ใน 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 ตั้งแต่เดือนต.ค.-ธ.ค. 2553 มีจำนวน 1.2 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5,300 ล้านบาท หรือ 4.6% สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือ 18%

ทั้งนี้ เมื่อจำแนกภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว แยกเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.7% สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 28% ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศสูงกว่าปีก่อน 5% และสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 10%

นายวินัย กล่าวว่า แนวโน้มการ เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่คาดว่า ปี 2553 จะขยายตัวได้ดีกว่าปีที่แล้ว จึง เชื่อได้ว่าการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งจากการนำเข้าและการบริโภคภายในประเทศ มากตามขึ้นไปด้วย

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ของภาครัฐในปีงบประมาณ 2553 มีโอกาสเกินเป้าหมายถึงระดับ 2 แสนล้านบาท หากสถานการณ์การจัดเก็บรายได้เป็นไปในทิศทางเดียวกับช่วงไตรมาสแรกของปีงบ ประมาณ 2553 ที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีสูงกว่าเป้าหมายทุกตัว ซึ่งสะท้อนการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ

“ผมคิดว่าเป็นการยืนยันตัวเลขในการจัดเก็บรายได้ ถ้าอัตราการจัดเก็บเหมือน 3 เดือนแรก การจัดเก็บจะเกินเป้าถึง 2 แสนล้าน ซึ่งเป็นการยืนยันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแรง โดยดูจากภาษีทุกตัว การจัดเก็บดีขึ้น” นายกฯ กล่าว

ด้านกระทรวงการคลังรายงานต่อครม.เศรษฐกิจว่า ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2553 นั้น รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 3.48 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 6.68 หมื่นล้านบาท หรือ 23.8% ขณะที่เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2553 อยู่ที่ประมาณ 1.35 ล้านล้านบาท จากวงเงินงบประมาณรายจ่าย 1.7 ล้านล้านบาท