สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คลอดแล้ว ! จรรยาของผู้บริหารกระทรวงการคลัง ห้ามเป็นที่ปรึกษา ห้ามรับหุ้น ห้ามเป็นคู่สัญญา และอื่นๆ

(อ่าน 970/ ตอบ 0)

108acc (Member)

จากประชาชาติธุรกิจ


   ผู้สื่อข่าว ประชาชาติธุรกิจ   รายงาน ว่า วันนี้ ( 24 ก.พ.) ราชกิจจานุเบกษา  ได้เผยแพร่

ข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่า ด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงการคลังเพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่าง ประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. 2553

 

    ทั้งนี้ เนื่องจาก กระทรวงการคลังเล็งเห็นความจำเป็นในการวางข้อบังคับสำหรับผู้บริหารกระทรวง การคลังเพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราชการระดับผู้บริหารกระทรวงการคลัง เป็นไปด้วยความโปร่งใสมีความซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม ปราศจากข้อครหาของประชาชนและเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานและประโยชน์ สูงสุดต่อประชาชน และสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล และหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี จึงวางข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยจรรยา ของผู้บริหารกระทรวงการคลังเพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วน ตนและประโยชน์ส่วนรวม

   ทั้งนี้    ข้อบังคับนี้ให้ใช้ บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศใช้

   โดย “ผู้บริหารกระทรวงการคลัง” หมายความว่า ข้าราชการพลเรือนในสังกัดกระทรวงการคลังตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้นขึ้นไป และตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ หรือตำแหน่งเทียบเท่าตามที่สำนักงาน ก.พ. จะกำหนด

     สำหรับข้อบังคับที่สำคัญ ประกอบด้วย

  1.ผู้บริหารกระทรวงการคลังต้องไม่เป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ผู้บริหาร ตัวแทน พนักงานหรือลูกจ้าง รวมทั้งการรับจ้าง หรือรับทำการงานใด ๆ ในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลที่อาจขัด หรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือประกอบธุรกิจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ที่ตนสังกัดหรือมีหน้าที่ในฐานะผู้มีอำนาจกำกับ

ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ

ของ ผู้บริหารกระทรวงการคลัง ยกเว้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่กระทรวงการคลังมอบหมาย

 

  2. ผู้บริหารกระทรวงการคลังต้องไม่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการ คลัง

ที่ ตนสังกัดหรือมีหน้าที่ในฐานะผู้มีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ซึ่งจะก่อให้เกิด

การ ขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม เว้นแต่การเป็นคู่สัญญาในการ

ให้ บริการของหน่วยงานตามธุรกรรมปกติโดยไม่ใช้อำนาจหน้าที่ของตนในการได้มาซึ่ง สัญญาดังกล่าว

 

 3. ห้ามผู้บริหารกระทรวงการคลังและบุคคลที่เกี่ยวข้องได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของ รัฐวิสาหกิจ

หรือ นิติบุคคลโดยได้รับสิทธิพิเศษอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหาร กระทรวงการคลังผู้นั้น

 

4. ในกรณีผู้บริหารกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลังไปเป็น

กรรมการ หรือผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล หากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลนั้น

ให้ สิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ในฐานะเป็นกรรมการหรือผู้แทนของกระทรวงการคลัง ให้ผู้บริหาร

กระทรวง การคลังผู้นั้นแจ้งรายละเอียดและเงื่อนไขของหลักทรัพย์ดังกล่าวต่อกระทรวง การคลังภายใน

15 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งจากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล

    หากกระทรวงการคลังเห็นว่าหลักทรัพย์ดังกล่าวสอดคล้อง กับนโยบายการถือครองหลักทรัพย์

หรือ นโยบายการลงทุนของรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังโอนสิทธิ

การ ได้มาซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวแก่กระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการต่อไป

หากกระทรวง การคลังเห็นว่าหลักทรัพย์ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับนโยบายการถือครอง

หลัก ทรัพย์หรือการลงทุนของรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง ผู้บริหารกระทรวงการคลังสามารถใช้สิทธิ

การ ได้มาซึ่งหลักทรัพย์นั้นได้ โดยให้รายงานการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวตามที่กำหนดในหมวด ๓

5.  ผู้บริหารกระทรวงการคลังต้องไม่ใช้ข้อมูลที่ล่วงรู้จาก การปฏิบัติหน้าที่ราชการ

และ เป็นข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยทั่วไปหรือต่อสาธารณะไปแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตน เองหรือผู้อื่น

6.   ในกรณีที่ผู้บริหารกระทรวงการคลังเห็นว่าการปฏิบัติ หน้าที่ของตนและการกระทำ

ของ บุคคลที่เกี่ยวข้องอาจมีการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ ส่วนรวมตามที่

กำหนด ในข้อบังคับนี้ ให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาทราบในกรณีดังกล่าว เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณา

ความ เหมาะสมในการมอบหมายงาน

7.  ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังรายงานการถือครองหลักทรัพย์ และรายงานการได้มา

หรือ จำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ของตนและบุคคลที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่กำหนด ดังนี้

 7.1 กรณีรายงานการถือครองหลักทรัพย์ครั้งแรก ให้รายงานภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่

ข้อ บังคับนี้มีผลใช้บังคับ หรือวันที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่ง หรือวันที่มีการได้มาซึ่งหลักทรัพย์

ครั้ง แรกซึ่งเกิดขึ้นหลังจากวันที่เข้าดำรงตำแหน่ง แล้วแต่กรณี

7.2 กรณีรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์อันเนื่องมาจากการได้มาหรือ

จำหน่าย ไปซึ่งหลักทรัพย์ ให้รายงานทุกรายการที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในวันทำการสุดท้ายของเดือน

ถัด จากเดือนที่มีการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์นั้น

7.3 กรณีรายงานการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล ให้รายงานทุกรายการภายในวันทำการสุดท้าย

ของ เดือนถัดจากเดือนที่มีการทำสัญญาการจัดการกองทุนส่วนบุคคล หรือเปลี่ยนแปลงบริษัทจัดการ

หรือ วงเงิน หรือนโยบายการลงทุน หรือเมื่อเลิกสัญญาดังกล่าว


Lock Reply
view