สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สรรพากรขยายฐานเก็บภาษีเพิ่มอีก3.5แสน ราย พุ่งเป้า เซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์และอีคอมเมิร์ซ

(อ่าน 900/ ตอบ 0)

108acc (Member)

จาก ประชาชาติธุรกิจ
สรรพากรเร่งขยายฐานจัดเก็บภาษีเพิ่ม อีก3.5แสนราย เพื่อหารายได้เพิ่มรับจัดทำงบสมดุลในอีก5ปี เล็งผู้ประกอบการกล่มเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์และอีคอมเมิร์ซ ระบุชัดเฉพาะอีคอมเมิร์ซมีผู้ที่ไม่ได้เสียภาษีถูกต้องถึงกว่า 1 หมื่นราย มั่นใจงบปี53เก็บรายได้เกินเป้า 1แสนล้านหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว
    นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดี กรมสรรพากรเปิดเผยถึงแผนการรองรับการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำงบประมาณสมดุลใน 5 ปีของรัฐบาลว่า ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น จะทำให้การจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นด้วย ตามประมาณการที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ประเมินถึงการเติบโตของรายได้ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) 1.1 เท่า คือจีดีพีเติบโตขึ้น 1% จะทำให้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลเติบโตขึ้น  1.1%  ขณะที่การบริหารภายในยังจะดูแลให้การจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นด้วย เช่นการขยายฐานภาษีมากขึ้น โดยเป้าหมายปี 2553  จะขยายฐานผู้เสียภาษีเพิ่ม 3 แสนราย ซึ่งขณะนี้ถือว่าได้ตามเป้าหมายและในปี 2554 จะเพิ่มอีก 3.5 แสนราย    
นายวินัย กล่าวต่อว่า กลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าไปดูแลการเสียภาษีให้ถูกต้องคือ กลุ่มธุรกิจให้บริการห้องเช่า(เซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์) ธุรกิจที่ซื้อขายผ่านระบบอินเตอร์(อี-คอมเมิร์ซ) ซึ่งจะถือว่าเป็นกลุ่มที่มีรายได้ จะต้องเสียภาษีตามเกณฑ์ที่กำหนดคือ มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปีในกรณีคนโสด และ 60,000 บาทต่อปีรวมคู่สมรส แต่ปัจจุบันจากฐานข้อมูลของกรมสรรพากรพบว่า มีธุรกิจอีคอมเมิร์ซประมาณ 1 หมื่นราย ที่ยังไม่ได้เสียภาษีที่ถูกต้อง ดังนั้นจึงจะเข้าไปดูในรายละเอียด โดยจุดที่ใช้ประเมินในการเสียภาษี(Tax point) คือ ช่วงที่มีการส่งมอบสินค้าและรับชำระเงิน    
นอกจากนั้น ภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ยังจะทำให้จำนวนผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่จำนวนเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรยังเท่าเดิม กรมจึงจะปรับเปลี่ยนวิธีทำงานเพื่อให้งานน้อยลง ด้วยการแยกกลุ่มผู้เสียภาษีที่มีหน่วยงานอื่นกำกับดุแลอยู่แล้ว เช่นในกรณีที่เป็นบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์จะมีสำนักงานคณะ กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)กำกับดุแลอยู่แล้ว  การตรวจสอบบริษัทเหล่านี้ก็จะน้อยลง รวมถึงจะจัดกลุ่มสำนักงานบัญชีที่มีกว่า 200 รายให้ปัจจุบัน เพื่อจัดกลุ่มสำนักงานในลำดับต่างๆ หากบริษํทที่มีสำนักงานบัญชีในกลุ่มที่ดีตรวจสอบบัญชี จะลดการตรวจสอบน้อยลง เพราะถือว่าได้มีหน่วยงานกำกับดุแลชั้นหนึ่งแล้ว    
“เราจะหันมาเน้น กลุ่มที่มองว่า ยังเสียภาษีไม่ถูกต้อง หรือมีการหลีกเลี่ยงภาษีมากกว่ากลุ่มที่เห็นว่าเป็นบริษัทที่ดีและมีหน่วย งานอื่นกำกับดูแลอยู่แล้ว เพื่อลดงานลง และยังจะทำให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้มีความระมัดระวังมากขึ้นและหันมาเสียภาษี ที่ถูกต้อง ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้ดีขึ้น”นายวินัยกล่าว    
สำหรับความคืบ หน้าในการต่ออายุมาตรการภาษีบจ.นายวินัยกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป เพราะในการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.)พบว่า ยังมีความเห็นที่แตกต่าง จึงยังมีเวลาที่จะพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะมีข้อสรุปและนำเสนอนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังภายใน 1 เดือนตามที่กำหนด ทั้งนี้ได้ประเมินพบว่า ในช่วงที่มีสิทธิภาษีบจ. มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพียง 20-40 บริษัทเท่านั้น              
นายวินัยกล่าวถึง การจัดเก็บรายได้เดือนกรกฎาคมว่า เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก โดยสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ 83,000 ล้านบาทสูงกว่าปีก่อน 1.3 หมื่นล้านบาทหรือ 19% และสูงกว่าประมาณการ 1.9 หมื่นล้านบาทหรือ 29% ส่งผลให้ 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 สามารถจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น 961,201 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 104,821 ล้านบาทหรือ  12.2 %  และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 6.6 หมื่นล้านบาท หรือ 7.4%  และมั่นใจว่า ทั้งปีจะสูงกว่าประมารการและสูงกว่าปีก่อน 1 แสนล้านบาท เพราะเดือนสิงหาคมจะมีการยื่นภาษีนิติบุคคลครึ่งแรกปี 2553  ซึ่งภาพรวมรายได้ของธุรกิจจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะทำให้การจัด เก็บภาษีก็จะดีขึ้นตามมาด้วย
Lock Reply
view