สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2553

(อ่าน 2162/ ตอบ 0)

108acc (Member)

จากเวปไซต์ ข่าวกระทรวงการคลัง

ฉบับที่ 124/2553 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2553
มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2553
___________________________

วันนี้ (1 พฤศจิกายน 2553) ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้มีมติเห็นชอบ มาตรการของกระทรวงการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2553 เพิ่มเติมจากมาตรการฯ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยประกอบด้วยมาตรการด้านการเงินและการคลัง ดังนี้

1. มาตรการด้านการเงิน

1.1 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
          1.1.1 มาตรการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและ เสริมสร้างคุณภาพชีวิต โดย ธ.ก.ส. ผ่อนผันเงื่อนไข ดังนี้
               (1) อัตราดอกเบี้ย
                    - ปีที่ 1 - 3 คิดดอกเบี้ยอัตรา MRR-2 โดยใน 3 เดือนแรกของปีแรกคิด ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 0
                    - ปีที่ 4 - 5 คิดอัตรา MRR-1
                    - ตั้งแต่ปีที่ 6 ขึ้นไป คิดดอกเบี้ยอัตรา MRR

               (2) ลดหย่อนหลักเกณฑ์การกู้เงินโดยใช้ที่ดินจำนอง หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนองเป็นหลักประกันให้ลูกค้าได้ไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาประเมินที่ดิน หรือราคาประเมินที่ดินและราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างรวมกัน
         1.1.2 มาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อฟื้นฟูจากปัญหาอุทกภัย เพื่อเป็นการช่วยเหลือทางการเงินแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถปรับปรุงพัฒนาและซ่อมแซมแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปัญหาอุทกภัย ธ.ก.ส. จึงได้ผ่อนปรนเงื่อนไขการให้สินเชื่อเป็นกรณีพิเศษ โดยคิดดอกเบี้ยที่อัตรา MLR-2.25

1.2 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภายหลังที่สถานการณ์น้ำท่วมได้ลดระดับลงแล้ว

          1.2.1 ลูกหนี้เดิม
               (1) กรณีที่หลักประกันได้รับความเสียหายลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือร้อยละ 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามประกาศธนาคาร และให้ผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 1 ปี
               (2) กรณีที่ได้รับผลกระทบเรื่องรายได้ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามประกาศธนาคาร
               (3) กรณีเสียชีวิต / ทุพพลภาพถาวรลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 0.01 ตลอดระยะเวลากู้ที่เหลืออยู่
               (4) กรณีอาคารเสียหายทั้งหลังจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ภาระหนี้ตามยอดหนี้คงเหลือในส่วนของอาคาร
          1.2.2 กู้เพิ่มหรือกู้ใหม่เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนอาคารเดิม / ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย
               กรณีอาคารได้รับความเสียหาย : อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี หลังจากนั้นกรณีรายย่อย MRR -0.5 ต่อปี กรณีสวัสดิการ MRR-1.00 ต่อปี

1.3 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
ธพว. ได้จัดทำโครงการ สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับ
ผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในปี 2553
          1.3.1 กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย : ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับความเสียหาย หรือได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในปี 2553
          1.3.2 วงเงิน : 5,000 ล้านบาท
          1.3.3 ระยะเวลาโครงการ : สิ้นสุดวันรับคำขอกู้ 30 เมษายน 2554
          1.3.4 คุณสมบัติผู้กู้ : - ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นบุคคลธรรมดา (ไม่จำกัดอายุ) หรือนิติบุคคล ที่มีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และ
               - มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยวาตภัย และโคลนถล่มในปี 2553 ตามประกาศของทางราชการ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยฯ
               - ไม่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์ ล้มละลาย ยกเว้นคดีลหุโทษ
          1.3.5 วัตถุประสงค์การกู้ : เพื่อใช้ปรับปรุง ซ่อมแซม ฟื้นฟูกิจการ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
          1.3.6 วงเงินสินเชื่อต่อราย : วงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท ตามความจำเป็นของกิจการ
          1.3.7 ประเภทสินเชื่อ : เงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) ระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 6 ปี ระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น (Grace Period) 2 ปี
          1.3.8 อัตราดอกเบี้ย : - ให้คิดดอกเบี้ยจากผู้กู้ในอัตราคงที่ร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดอายุสัญญากู้
              - เรียกเก็บดอกเบี้ยจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในอัตราคงที่ร้อยละ 2 ต่อปีตลอดอายุสัญญา ซึ่ง ธพว. จะได้หารือ สสว. ต่อไป
          1.3.9 ค่าธรรมเนียม : - ยกเว้นค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ
              - ยกเว้นค่าธรรมเนียมจัดทำสัญญาเงินกู้
              - ยกเว้นค่าธรรมเนียมชำระคืนเงินกู้ก่อนครบกำหนด(Prepayment Fee)
          1.3.10 หลักประกัน : ไม่มีหลักประกัน (Clear Loan)
          1.3.11 เงื่อนไขอื่น : - กรณีเป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกัน หรือกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกัน ถ้าเป็นกิจการที่เข้าหลักเกณฑ์ของโครงการ แยกการดำเนินธุรกิจ และ/หรือ สถานประกอบการได้อย่างชัดเจน อนุโลมให้สามารถเข้าโครงการได้ โดยสามารถกู้สูงสุดกิจการละไม่เกินวงเงินสูงสุดตามหลักเกณฑ์ของโครงการได้
              - ยกเว้นการตรวจสอบประวัติทางการเงิน (Credit Bureau)และไม่ต้องตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้กู้
              - การเบิกจ่ายเงินกู้ให้เบิกจ่ายครั้งเดียวทั้งจำนวนที่ได้รับการอนุมัติ

1.4 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
          1.4.1 เพิ่มประเภทสินเชื่อ ได้แก่ สินเชื่อวงเงินเบิกถอนเงินสดและสินเชื่อวงเงินทุนระยะยาว
          1.4.2 พิจารณาให้วงเงินสินเชื่อตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง หรือตามความจำเป็นโดยไม่จำกัดวงเงิน
          1.4.3 กรณีลูกค้าเก่าขอเพิ่มวงเงินสินเชื่อ หรือ ลูกค้าใหม่ ขอวงเงินสินเชื่อ
               - ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 3 เดือน
               - ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 7 ปี สำหรับสินเชื่ออเนกประสงค์ และสินเชื่อวงเงินทุนระยะยาว
               - ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 30 ปี สำหรับสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และสถานประกอบการ
               - หลักประกันเป็นหลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกันโดยให้วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักประกัน
               - อัตรากำไรแยกตามประเภทสินเชื่อ ประเภทลูกค้าเก่า/ใหม่และผลกระทบที่ได้รับทางตรง/อ้อม ได้แก่
                    (1) สินเชื่อเพื่อก่อสร้าง ซ่อมแซม/ต่อเติม ที่อยู่อาศัย และ/หรือ สถานประกอบธุรกิจ
                         เดือนที่ 1-3 เริ่มต้นที่ 1.0% ถึง 2.75%
                         เดือนที่ 4-24 เริ่มต้นที่ SPRL - 2.50% ถึง SPRL - 1.50%
                         ปีที่ 3 เป็นต้นไป SPRL -1.50% ถึง SPRL - 0.50%
                    (2) สินเชื่อวงเงินทุนระยะยาว
                         ปีที่ 1 เริ่มต้นที่ SPRL – 1.75% ถึง SPRL - 0.25%
                         ปีที่ 2 เริ่มต้นที่ SPRL - 1.25% ถึง SPRL
                         ปีที่ 3 เป็นต้นไป SPRL
                    (3) สินเชื่อวงเงินทุนหมุนเวียน และวงเงินเบิกถอนเงินสด
                         ปีที่ 1 เริ่มต้นที่ SPRR - 1.75% ถึง SPRR - 0.25%
                         ปีถัดไปให้พิจารณาตามความเหมาะสม
                    (4) สินเชื่อวงเงินอเนกประสงค์
                         เดือนที่ 1-3 เริ่มต้นที่ 0.75% ถึง 2.00%
                         เดือนที่ 4-24 เริ่มต้นที่ SPRR + 6.25%
                         ปีที่ 3 เป็นต้นไป SPRR + 7.25%
ทั้งนี้ อัตรากำไรข้างต้นเป็นไปตามประกาศของธนาคารในโครงการ “ibank ร่วมใจ...สู้ภัยน้ำท่วม”

1.5 ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)
ธสน. จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ประสบความเสียหายจากภัยน้ำท่วมโดย ธสน. จะพิจารณาเป็นรายกรณี อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ หรือพิจารณาให้สินเชื่อหมุนเวียนเพิ่มเติม

1.6 บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
          1.6.1 มาตรการพักการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกค้า บสย. ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุการค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ถึง 30 กันยายน 2554
          1.6.2 มาตรการให้ความร่วมมือกับสถาบันการเงินที่ลูกค้าได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ในการผ่อนปรนเรื่องการพักชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินต่อไปตามปกติ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เป็นลูกหนี้ NPL หรือเป็นลูกหนี้ปกติที่ไม่มีหลักประกัน และขอสินเชื่อเพิ่มผ่านสถาบันการเงิน ยังสามารถขอรับการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 2 ได้โดย บสย. คิดค่าธรรมเนียมในปีแรกเพียงร้อยละ 0.75 ต่อปี และปีต่อไปคิดค่าธรรมเนียมในอัตราปกติร้อยละ 1.75 ต่อปี ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553

1.7 บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.)
พิจารณาพักชำระหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับลดเงินงวด หรือขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ออกไปรวมไม่เกิน 30 ปี และในกรณีที่ลูกค้ามีความประสงค์จะขอกู้เพิ่มเพื่อนำไปซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหาย บตท. จะเป็นผู้ประสานงานกับสถาบันการเงินเพื่อให้กู้เพิ่มต่อไป

1.8 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ. กรุงไทย)
ธนาคารมีมาตรการให้ความช่วยเหลือ 7 มาตรการ ดังนี้ (เป็นมาตรการที่เพิ่มเติมในรายละเอียดจากมาตรการเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2553)
          1.8.1 เงินกู้กรุงไทยสู้อุทกภัย ให้วงเงินกู้ประจำ (T/L)
               วงเงินสูงสุด : ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
                    อัตราดอกเบี้ย : ปีที่ 1 ร้อยละ MLR-1 ปีที่ 2 เป็นต้นไป ร้อยละ MLR ต่อปี
                    ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด : 5 ปี
                    หลักประกัน : ใช้หลักประกันเดิม
          1.8.2 เงินทุนหมุนเวียนกรุงไทยสู้อุทกภัย สำหรับเสริมสภาพคล่องให้ลูกค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม
          1.8.3 โครงการกรุงไทยสู้อุทกภัย สำหรับลูกค้าที่ต้องการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ โดยมีทางเลือก ดังนี้
               - ผ่อนชำระเงินต้นน้อย และชำระดอกเบี้ยตามเงื่อนไข
               - พักชำระเงินต้น (Grace Period) นาน 6 เดือน และชำระดอกเบี้ยตามเงื่อนไข
               - พักชำระเงินต้น (Grace Period) นาน 6 เดือน และชำระดอกเบี้ยบางส่วน
          1.8.4 สินเชื่อที่อยู่อาศัยกรุงไทยสู้อุทกภัย สำหรับลูกค้าที่ผ่อนชำระสินเชื่อกับธนาคารอยู่แล้ว และได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ธนาคารจะมอบวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมตามจำนวนเงินที่ได้ผ่อนชำระ
               อัตราดอกเบี้ย : ปีที่ 1 ร้อยละ MRR-1.75 ปีที่ 2 เป็นต้นไป ร้อยละ MRR-0.5 ต่อปี
               ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด : 60 งวด
          1.8.5 ธนาคารยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
              - บัญชีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกบัญชี
              - บัญชีที่ประสงค์จะโอนเงินเพื่อช่วยเหลือญาติพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย
          1.8.6 กรุงไทยจับคู่ธุรกิจสู้อุทกภัย โดยจัด Business Matching ระหว่างผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย กับผู้ประกอบการที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรอุปกรณ์ และผู้รับเหมา เพื่อได้วัสดุที่ใช้เพื่อซ่อมแซมกิจการในราคาพิเศษ

          1.8.7 สินเชื่อเพื่อพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เพื่อฟื้นฟูหลังอุทกภัย) ให้สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
              อัตราดอกเบี้ย : โอนสิทธิเงินฝาก : ตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ใช้เป็นหลักประกัน + ร้อยละ 1 ต่อปี
              หลักประกันอื่น/ไม่มีหลักประกัน : อัตราดอกเบี้ยเงินฝากบุคคลธรรมดาประเภท 6 เดือน + ร้อยละ 1.75 ต่อปี
              ระยะเวลาสูงสุด : 20 ปี และตามความสามารถในการชำระหนี้แต่ละรายโดยผู้ประกอบการต้องแสดงความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือ ภายในวันที่31 ธันวาคม 2553
อนึ่ง สมาคมธนาคารไทยได้แจ้งว่าสมาคมธนาคารไทยจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามเขตไปยังพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยดำเนินการตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2553 จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

2. มาตรการด้านภาษี
          2.1 การบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย (สำหรับการบริจาคให้ผู้ประสบอุทกภัย
ระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553)
               2.1.1 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
                    หักลดหย่อนเงินที่ได้บริจาคให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (เป็นตัวแทนรับบริจาคให้กับผู้ประสบภัย) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
              2.1.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล
                    ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำเงินหรือทรัพย์สินไปบริจาคผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (เป็นตัวแทนรับบริจาคให้กับผู้ประสบภัย) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หักเป็นรายจ่ายได้ตามที่ได้จ่ายจริง โดยไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิในปีที่มีการบริจาคนั้น
              2.1.3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม
                    ผู้ประกอบการจดทะเบียนทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่นำทรัพย์สินหรือสินค้าไปบริจาคผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (เป็นตัวแทนรับบริจาคให้กับผู้ประสบภัย) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ให้ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยไม่ให้ถือเป็นการขาย
          2.2 การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยตรง (สำหรับผู้ประสบอุทกภัยระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553)
              2.2.1 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
                    (1) ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ(8) สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่ได้ลงทะเบียนไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือของทางราชการ เท่าจำนวนความเสียหายโดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี
                    (2) ให้บุคคลธรรมดาผู้ประสบอุทกภัยซึ่งเป็นผู้รับบริจาค ช่วยเหลือหรือชดเชยที่มีมูลค่าไม่เกินความเสียหาย ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับการบริจาค ช่วยเหลือหรือชดเชยนั้น
                    (3) ให้บุคคลธรรมดาที่ได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐได้รับยกเว้นภาษีเงินได้
              2.2.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล
                    (1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้ประสบอุทกภัยซึ่งเป็นผู้รับบริจาคให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับการบริจาคนั้น
                    (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้
                    (3) ยกเว้นภาษีให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่เป็นค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากการประกันภัยเพื่อชดเชยความเสียหาย เฉพาะส่วนที่เกินมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินที่เหลือจากการหักค่าสึกหรือและค่าเสื่อมราคาแล้ว
              2.3 การขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ ที่จะต้องยื่นแบบในเดือนกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม โดยให้นำไปยื่นภายใน 30 ธันวาคม 2553 ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

3. ความช่วยเหลือของกรมบัญชีกลาง
          3.1 โดยที่สถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ ยังมีความต่อเนื่องและอาจต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยโดยใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการ ดังนั้น เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย กระทรวงการคลังจึงได้อนุมัติให้จังหวัดที่เกิดอุทกภัยในครั้งนี้ทุกจังหวัดและส่วนราชการที่มีวงเงินทดรองราชการปฏิบัตินอกเหนือระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2551ได้ ทั้งนี้ นับแต่วันที่ได้มีการประกาศภัยพิบัติ เนื่องจากจังหวัดและส่วนราชการที่ใช้จ่ายเงินทดรองราชการต้องรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพื่อขอรับจัดสรรเงินงบประมาณจากสำนักงบประมาน เพื่อชดใช้คืนเงินทดรองราชการในภายหลัง
ดังนั้น จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินทดรองราชการดังกล่าวให้เป็นไปโดยเรียบร้อยด้วย
          3.2 กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1377/2553 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2553แต่งตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกระทรวงการคลังขึ้น โดยมีอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธานผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินของรัฐ เป็นกรรมการ มีอำนาจหน้าที่จัดตั้งศูนย์บริการประชาชนในจังหวัดที่เกิดอุทกภัยขึ้น ณ สำนักงานคลังจังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้แล้ว ในการดำเนินมาตรการด้านการเงินของสถาบันการเงินเของรัฐตามที่กล่าวข้างต้นกระทรวงมหาดไทยมีการให้เงินช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยครอบครัวละ 5,000 บาท โดยจะให้ดำเนินการผ่านธนาคารออมสิน

ฉบับเต็ม http://www.mof.go.th/News2010/124.pdf
Lock Reply
view