สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สรรพากรไฟเขียว แยกรายได้สามี-ภรรยา

(อ่าน 1634/ ตอบ 0)

108acc (Member)

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ตัวแทนประกันชีวิตบุกสรรพากรถกปัญหาภาษีมูลค่าเพิ่มตัวแทนประกัน แย้มข่าวดีกำลังร่างกม.แยกรายได้สามี-ภรรยาในการคำนวณภาษีบุคคลธรรมดา ปี55ได้ใช้
นายบรรยง วิทยวีรศักดิ์ นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน  ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า  เมื่อเร็วๆนี้ คณะทำงานด้านภาษีตัวแทนประกันชีวิตของสมาคม  ได้ขออนุญาตเข้าพบผู้บริหารของกรมสรรพากร  เพื่อหารือเรื่องภาษีของตัวแทนประกันชีวิต  ที่ตัวแทนประกันคิดว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม  อันได้แก่เรื่อง ปัญหาภาษีมูลค่าเพิ่มของตัวแทนประกัน  ค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษี และการขอแยกรายได้ของภรรยาออกจากสามี

ในการนี้  ผู้บริหารของกรมสรรพากร ประกอบด้วย คุณวัชราภรณ์ มาตยานันท์ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการแผนภาษี พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีและนิติกรของกรมสรรพากรได้ให้การต้อนรับและร่วมรับฟังข้อคิดเห็น  ซึ่งผู้แทนของสมาคมได้ชี้แจงว่า  ธุรกิจประกันชีวิตไม่จัดอยู่ในธุรกิจที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม  ไม่ว่าเบี้ยประกันชีวิต  หรือรายได้ของบริษัทประกันชีวิต  แต่รายได้ของตัวแทนประกันชีวิตกลับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม  โดยที่ไม่สามารถผลักภาระไปให้ผู้บริโภคคนสุดท้ายได้  จึงใคร่ขอให้กรมสรรพากรพิจารณาทบทวนภาษีดังกล่าว หรือจะจัดให้อาชีพตัวแทนประกันชีวิตเข้าไปอยู่ในกลุ่มวิชาชีพอิสระเพื่อให้ได้สิทธิ์ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้
 

ฝ่ายกฎหมายของกรมสรรพากรได้เสนอแนวทางว่า  อาชีพตัวแทนประกันชีวิตมีกฎหมายควบคุมการประกอบอาชีพคล้ายวิชาชีพอิสระอื่น  หากสมาคมสามารถแสดงข้อเท็จจริงได้ว่า  อาชีพตัวแทนประกันมีคุณสมบัติเหมือนวิชาชีพอิสระอื่น เช่น แพทย์ ทนายความ นักบัญชี และสถาปนิก ทุกประการ  ก็น่าจะได้รับการพิจารณายกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มได้

เรื่องต่อมาคือ  เรื่องการหักค่าใช้จ่ายของตัวแทนประกันชีวิต  ที่เดิมตัวแทนจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอาชีพที่ใช้แรงกายและกำลังสมองในการประกอบอาชีพ  ไม่มีการใช้ทุน หรือเครื่องไม้เครื่องมือใดๆ  จึงสามารถหักค่าใช้จ่ายได้เพียง 40% แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(2) ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าไรก็ตาม

แต่ปัจจุบันนี้  อาชีพตัวแทนประกันชีวิตได้ขยับขยายบทบาทขึ้นเป็นที่ปรึกษาการเงิน  ต้องใช้อุปกรณ์ เทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการทำงาน  มีต้นทุนค่าเข้าฝึกอบรมที่สูงมาก  ต้องลงทุนเรื่องของกำนัลและการเลี้ยงรับรอง  บางคนต้องมีการจ้างพนักงานผู้ช่วย  จึงขอให้กรมสรรพากรช่วยพิจารณาให้หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 30% หรือให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามจริง  เช่นเดียวกับผู้ประกอบธุรกิจตามมาตรา 40(8)
 

กรมสรรพากรได้ชี้แจงว่า  ทุกวันนี้ทางกรมก็ได้อนุญาตให้ตัวแทนประกันชีวิตแจ้งความจำนงยื่นเสียภาษีในแบบผู้ประกอบธุรกิจได้อยู่แล้ว  โดยมีเงื่อนไขว่า  ตัวแทนผู้นั้นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  มีสำนักงานของตนเอง  มีการจ่ายค่าเช่าและมีพนักงานประจำสำนักงาน  หากตัวแทนคิดว่าเกณฑ์ดังกล่าวไม่สอดคล้อง ไม่สามารถประยุกต์ใช้กับตัวแทนประกันส่วนใหญ่ได้  ก็ให้สมาคมไปหาข้อมูลว่า  ทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายของตัวแทนประกันเฉลี่ยอยู่ที่เท่าใด  ควรจะมีการปรับเกณฑ์ที่ใช้อยู่อย่างไร

อย่างไรก็ตาม  หากย้ายจากกลุ่มอาชีพในมาตรา 40(2) ไปอยู่กลุ่มอาชีพตามมาตรา 40(8)  ก็คงจะไม่สามารถระบุว่าให้หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้  คงต้องให้หักค่าใช้จ่ายตามความจริง  โดยต้องแสดงหลักฐานค่าใช้จ่ายประกอบการยื่นเสียภาษีทุกครั้ง  ซึ่งสมาคมตัวแทนประกันชีวิตรับที่จะไปสำรวจหรือหาข้อมูลเพื่อนำมาเสนอใหม่อีกครั้ง
 

สุดท้าย  เป็นเรื่องการเสนอให้แยกรายได้ของภรรยาออกจากรายได้ของสามี ในการคำนวณเสียภาษีบุคคลธรรมดา  ซึ่งสมาคมตัวแทนประกันชีวิตได้ยื่นเรื่องผ่านรมต.คลัง นายกรณ์ จาติกวณิช ไปนานแล้ว  ด้วยเห็นว่ารูปแบบการคำนวณภาษีแบบเดิมมีส่วนทำให้ครอบครัวแตกแยก  และเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีสตรีไทย  โดยในหลายประเทศ เช่นสิงคโปร์  ก็ได้มีการแก้กฎหมาย ให้แยกรายได้ของภรรยาออกจากรายได้ของสามีมานานแล้ว  จึงสมควรที่ประเทศไทยจะได้ปรับแก้กฎหมายให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่ผู้หญิงได้ออกมาทำงานนอกบ้านกันมากขึ้น  โดยเฉพาะอาชีพตัวแทนประกันชีวิตที่มีผู้หญิงเป็นกำลังหลักถึง 60% ของตัวแทนทั้งประเทศ  ที่มีอยู่กว่า 250,000 คน
 

ผู้บริหารกรมสรรพากรแจ้งว่า  เรื่องนี้เป็นนโยบายของท่านอธิบดีกรมสรรพากร นายสาธิต รังคสิริ อยู่แล้ว ที่จะแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตสมัยใหม่  โดยขณะนี้ทางกรมกำลังให้นิติกรประจำกรมสรรพากรร่างกฎหมายแก้ไขดังกล่าวขึ้นมา  เพื่อให้กระทรวงการคลังเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี  หากได้รับการเห็นชอบแล้ว  ในการเปิดสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า (หลังการเลือกตั้ง)  ก็สามารถนำเข้าสภาเพื่อลงมติให้ความเห็นชอบได้ทันที  คาดว่าจะได้ใช้ในปีหน้า ( พศ.2555 )

โดยหากเรื่องนี้ได้รับการอนุมัติออกมา  จะมีผลให้รายได้(บุคคลธรรมดา)ของภรรยา ไม่ว่าจะอยู่ในสาขาอาชีพใด  สามารถแยกคำนวณออกจากรายได้ของสามีได้  ทำให้ช่วยประหยัดภาษีเป็นจำนวนมาก

นายบรรยง วิทยวีรศักดิ์ นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน ได้กล่าวชื่นชมนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากรว่า เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ เข้าใจสภาพสังคมปัจจุบัน  พร้อมบอกว่า กฎหมายที่ดีต้องวิวัฒน์ไปตามวิถีชีวิตและสภาพสังคมที่แปรเปลี่ยนไป  อยากให้เรื่องนี้อนุมัติออกมาเร็วๆ  เพราะถือเป็นขวัญชิ้นใหญ่ที่มอบให้กับทุกครอบครัว  ที่ทั้งสามีและภรรยาต้องดิ้นรน ช่วยกันทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว  คนขยันสมควรได้รับการชมเชย  ไม่ใช่การลงโทษ
Lock Reply
view