จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ไม่มีประเทศไหนในโลก ไม่มีปัญหาการเมือง แม้กระทั่งภาวะเศรษฐกิจ หากเติบโตเร็ว ก็ตกเร็ว
"ไม่มีประเทศไหนในโลก ไม่มีปัญหาการเมือง แม้กระทั่งภาวะเศรษฐกิจ หากเติบโตเร็ว ก็ตกเร็ว" นายมาริโอ โมเรตติ โพลีกาโต้ ประธานเจอ็อกซ์ กรุ๊ป กล่าวในโอกาสเยือนประเทศไทย ถึงการสร้างแบรนด์และยอดขายเจอ็อกซ์เติบโตต่อเนื่องท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ
ในฐานะนักบริหารระดับโลก นอกจากบริหาร "แบรนด์เจอ็อกซ์" ด้วยนวัตกรรม "รองเท้าหายใจได้" เขายังเป็นวิทยากรพิเศษในเรื่องการสร้างแบรนด์และทรัพย์สินทางปัญญาแก่นัก ศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก มองว่า สิ่งที่ภาคธุรกิจเผชิญอยู่ในขณะนี้ คือ ปัญหาหลากหลายด้านรวมกันทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การแข่งขัน ฯลฯ แต่ผู้ประกอบการไม่สามารถถอยหลังได้
"ในขั้นต่อไป คือ สงครามเศรษฐกิจ ซึ่งจะเอาชนะได้ด้วย ไอเดียที่ดีเท่านั้น เราต้องสร้างไอเดียขึ้นมา นำทางให้เราผ่านอุปสรรคไปได้อย่างแน่นอน" นายโพลีกาโต้ สะท้อนแนวคิดดังกล่าวด้วยความแข็งแกร่งทางธุรกิจของเจอ็อกซ์ ที่มีการสร้าง "ไอเดีย" ระบบรองเท้าหายใจได้และนำไปจดสิทธิบัตร ซึ่งถือเป็น "ความโชคดี" อย่างยิ่งที่ได้จดลิขสิทธิ์ไอเดียทำให้สถานะของเจอ็อกซ์เป็น "ผู้นำ" ในเทคโนโลยีดังกล่าวเพียงหนึ่งเดียวในโลก และเมื่อต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย จุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจนยิ่งเพิ่มความได้เปรียบในการทำตลาด ยุคที่ลูกค้ามองหา "ความคุ้มค่า"
เจอ็อกซ์ เป็นบริษัทค้ารองเท้าลำลอง (Lifestyle Casual) มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในอิตาลี เป็นอันดับที่ 2 ของโลก มียอดขาย 892.5 ล้านยูโร ส่วน 6 เดือนแรกของปีนี้ขายไปแล้วกว่า 482.9 ล้านยูโร
การเติบโตของเจอ็อกซ์ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับตลาดไหนเป็นพิเศษ แม้ว่าตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีโอกาสในการขายมากกว่าภูมิภาคอื่นที่ได้ รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่เจอ็อกซ์ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ "การผลิตปัจจุบัน" ต้องไปให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
"เราไม่ได้มองว่าประเทศไหนมีปัญหาเศรษฐกิจแล้วชะลอการทำตลาด แต่ทุกตลาดจะเน้นการผลิตที่รองรับเทรนด์การบริโภคในปัจจุบัน พร้อมด้วยกลยุทธ์ราคาที่ทุกคนซื้อได้ และจากนวัตกรรมหนึ่งเดียวในโลกของเจอ็อกซ์เชื่อว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องมี" นายโพลีกาโต้ กล่าว
ยุทธศาสตร์แบรนด์เจอ็อกซ์ วางตำแหน่งสินค้าระดับพรีเมียม หากแต่วางโครงสร้างราคาจำหน่ายในระดับกลาง-สูง ถือเป็น Key Success ในทั่วโลก สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้ายุคใหม่ ต้องการ "ของถูก" แต่ก็ต้องเป็น "ของดี" นอกจากนี้ยังเน้น "การขยายสาขา" เพื่อเข้าถึงลูกค้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเดินทางไปไหนต้องพบ "เจอ็อกซ์" นั่นคือโอกาสการขายที่สำคัญมากกว่า ปัจจุบัน เจอ็อกซ์ มีเครือข่ายร้าน 1,002 แห่งทั่วโลก เป็นการเปิดร้านใหม่ในปีนี้ 150 แห่ง ส่วนปีหน้าอยู่ระหว่างวางแผนงาน
สำหรับ "ไทย" ภายใต้การบริหารของบริษัท เอเอฟุตแวร์ จำกัด คาดในสิ้นปีนี้มียอดขายเติบโต 5-10% จากผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมายอดขายเติบโต 3%
ประธานเจอ็อกซ์ ย้ำอีกว่า 1 ไอเดีย มีค่ามากกว่าโรงงานทั้งโรงงาน ภาวการณ์โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ธุรกิจสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ด้วย ไอเดีย และ การต่อยอด!!! ที่จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไม่รู้จบ