จากประชาชาติธุรกิจ
17-26 ตุลาคม ช่วงเวลาแห่งการทำบุญครั้งใหญ่ ก็เวียนมาบรรจบครบอีกครั้งหนึ่ง เป็น 10 วันแห่งการ′อิ่มบุญ′ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรียกว่าเทศกาล ′กินเจ′ กินเจเป็นประเพณีทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนานจากจีนแผ่นดินใหญ่ นับตั้งแต่สมัยแมนจู ปกครองประเทศ ชาวจีนกลุ่มหนึ่งได้ลุกขึ้นมาต่อต้านแต่ไม่สำเร็จ กบฏกลุ่มนี้จึงถูกจับประหารชีวิตทั้งหมด กลุ่มญาติพี่น้องเพื่อนพ้อง ที่เหลืออยู่จึงร่วมกันอุทิศส่วนกุศลด้วยการปฏิบัติธรรม ถือศีล กิน เจให้กับกลุ่มคนเหล่านั้น และทำมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ไปจนถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน
การ ฟอกมลทินออกจากกาย วาจา ใจนั้น นอกจากการนุ่งขาว ห่มขาว ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล 5 ถือพรหมจรรย์ ที่ปฏิบัติกันอยู่แล้วนั้น เทศกาลนี้ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการกินเป็นอย่างมาก
งดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์และอาหารทุกประเภทที่จะเบียดบังไปถึงชีวิตของสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำนม น้ำมันสัตว์ หรือไข่ก็ตาม
นอก จากนั้นยังมีการงดผักที่กลิ่นแรง นัยว่าอาจจะเป็นสาเหตุของการกระตุ้นอารมณ์บางอย่าง ผักอย่างผักชี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม กุยช่าย จึงถูกร่วมกระบวนการงดด้วย
อาหารการกินในช่วง 10 วันนี้จึงไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ในเวลานั้น �ธงเหลือง� สัญลักษณ์ของอาหารเจจะปลิวไสวไปทั่ว
จากข้อมูลสุขภาพพบว่า ประโยชน์ของการกินเจมีอยู่เพียบ เพราะการบริโภคพืชผักแทนเนื้อสัตว์จะทำให้ร่างกายสามารถ ขับถ่ายของเสียออกได้หมด ระบบการย่อยอาหารจะเป็นปกติ ช่วยให้อวัยวะภายใน ตับ ไต หัวใจ ม้าม ปอด ตลอดจนลำไส้เล็ก-ใหญ่, กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เลือดจะถูกฟอกให้สะอาด เซลล์ในร่างกายก็จะเสื่อมช้าลง ผิวพรรณสดชื่นผ่องใส ร่างกายต้านทานต่อสารพิษและรังสีต่าง ๆ ได้มากขึ้น ทั้งยังป้องกันโรคร้ายอย่างโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, เส้นเลือดตีบ, ไขมันอุดตันในเส้นโลหิต, โรคไต, ไขข้ออักเสบ, โรคเกาต์, โรคเบาหวาน รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับระบบการย่อย การขับถ่าย และโรคทางเดินอาหารได้อีกด้วย ไม่ธรรมดาจริง ๆ
แต่ ด้วยเต้าหู้ แป้ง ข้าว เนื้อสัตว์เทียม ผัก น้ำมัน น้ำตาล กะทิ ตัวหลักของอาหารอิ่มบุญนี้ ที่หลายตัวกำลังเป็นตัวอันตรายที่หลายคนพยายามเลี่ยง แล้วจะทำอย่างไรดี
มนทิพย์ ร่าเริงวิจิตร นักโภชนาการ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารเจ โดย เฉพาะชนิดมีส่วนผสมของแป้งและไขมันเป็นหลัก ถ้านำไปทอดก็จะอมน้ำมันมาก ไม่ว่าจะเป็นหมี่ผัด ก๋วยเตี๋ยวหรือกับข้าวที่ใช้เนื้อสัตว์เทียมที่ทำจากแป้งหมี่กึง หรือเป็นขนมอย่างเปาะเปี๊ยะทอด ข้าวโพด เผือก ไชเท้าทอด ที่นอกจากทอดแล้วยังมีน้ำจิ้มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและถั่วลิสงซึ่งเป็นถั่วที่มีไขมันสูงเพิ่มเข้าไปอีก
นอก จากจะเป็นอาหารพลังสูงแล้ว อาหารเหล่านี้ยังย่อยง่ายจึงทำให้เกิดอาการหิวบ่อย บางคนต้องมีมื้ออาหารเพิ่มขึ้นอีกนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คนกินเจน้ำหนัก ขึ้น อ้วนขึ้นก็เป็นได้
เพื่อประโยชน์สูงสุดในการกินเจ นักโภชนาการแนะนำว่า
- ควรเลือกกินอาหารที่มีส่วนผสมหลักเป็นผัก เต้าหู้ หรือโปรตีนเกษตร
- หลีกเลี่ยงการผัดทอด โดยใช้น้ำมันน้อย ๆ หรือไม่ใช้เลยก็จะเป็นการดี ควรใช้การต้ม นึ่ง ย่าง ยำ อบแทน
- หลีกเลี่ยงการใช้กะทิ
- อย่าเลือกรับประทานแต่ผักเพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบ จึงควรทานธัญพืช เช่น เมล็ดงา ลูกเดือย ลูกบัว พืชตระกูลถั่ว เต้าหู้ หรือ พืชหัวใต้ดินอย่างเผือก มัน กลอยร่วมด้วย
- ใช้ซีอี๊วขาว เต้าเจี้ยว หรือเกลือแต่น้อย เพราะความเค็มอาจส่งผลต่อไตและความดันโลหิตได้
- ควรรับประทานอาหารสดที่ปรุงใหม่
- เลือกกินผลไม้เป็นอาหารว่างแทนขนมอื่น
- ออกกำลังกายร่วมด้วย
เพียงแค่นี้กินเจปีนี้ก็จะได้อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งสุขภาพกันไปถ้วนหน้า