จากประชาชาติธุรกิจ

โยมิอุริ ชิมบุน สื่อในญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานเรื่องการปรับกระบวนในธุรกิจค้าปลีกของญี่ปุ่น สำหรับปี 2553 ไว้ว่า ในปี 2553 ซูเปอร์มาร์เก็ตจะผันตัวเองไปเป็นร้านค้าราคาถูกและจำหน่ายสินค้าเฉพาะทาง มากขึ้น ส่วนร้านสะดวกซื้อจะเข้าไปจับมือกับร้านขายยา ส่วนห้างสรรพสินค้าจะลดขนาดของตัวเอง เนื่องจากผู้นำในธุรกิจเหล่านี้ยังเชื่อมั่นว่า อุตสหากรรมค้าปลีกของญี่ปุ่นในปี 2553 ยังอยู่ในช่วงซบเซา


เมื่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจยังไม่เปิดทางให้มากนัก ธุรกิจค้าปลีกจึงต้องจัดทัพปรับตัวรับกับการหดตัวการบริโภคของผู้คนในประเทศ เพื่อให้เหมาะสมกับเงื่อนไขที่เกิดขึ้น


สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน เริ่มต้นตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา เมื่อบริษัท เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งค์ ประกาศเลื่อนเปิดร้านค้าแห่งใหม่ทั้งที่ก่อนหน้าขับเคี่ยวชิงพื้นที่เปิด ร้านใหม่กับซูเปอร์มาร์เก็ตเครืออิโต-โยกาโดมาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าใหญ่ของวงการค้าปลีกญี่ปุ่นรายนี้ยังไม่ล้มเลิกแผนการปรับซูเปอร์ มาร์เก็ต 20 แห่งให้เป็นร้านขายสินค้าราคาถูก หรือ ดิสเคาท์ สโตร์ ภายในปี 2553 อยู่ดี


ด้านอิออน  โค.เพิ่งประกาศว่า จะปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ โดยจะแยกแผนกเสื้อผ้าสำเร็จรูปออกจากธุรกิจอื่นๆ แล้วไปตั้งเป็นบริษัทใหม่ โดยเรื่องนี้ โมโตยา โอกาดะ ประธานอิออน ระบุว่า ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตได้ตกยุคไปแล้ว


คำพูดดังกล่าวน่าจะมาจากสภาพที่เกิดขึ้นกับธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตที่นับวัน จะมีผู้เข้ามาแข่งขันมากขึ้น โดยเฉพาะจากร้านค้าสินค้าเฉพาะทาง เช่น ร้านค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบรนด์ ยูนิโคล โค. ซึ่งสามารถรุกตลาดได้อย่างรวดเร็ว และทำให้ทั้งบริษัท เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้งค์และอิออนต่างต้องปรับแผนธุรกิจใหม่ ด้วยการจัดตั้งร้านค้าปลีกที่จะแข่งขันกับร้านค้าเฉพาะทางที่เกิดขึ้นมาใหม่ ให้ได้
 
ขณะ ที่ บริษัท เซอร์เคิล เค ซันคัส โค. เชนร้านสะดวกซื้อใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่น ประกาศเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ว่า บริษัทจะวางโครงสร้างธุรกิจด้วยการร่วมมือกับบริษัท โคโคคารา ไฟน์ โฮลดิ้งค์ อิงค์ ผู้ประกอบกิจการร้านค้ายา โดยโมโตฮิโก นากามูระ ประธานบริษัทเซอร์เคิล เคฯ กล่าวว่า เขารู้สึกเป็นกังวลกับอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากมันมีความเป็นไปได้ที่อีกใน 5-7 ปีข้างหน้า ร้านค้าสะดวกซื้อแบบที่มีอยู่จะหายไปจากตลาด


ประกอบกับมีข้อมูลระบุว่า ยอดจำหน่ายประจำเดือนของร้านสะดวกซื้อหลัก 11 รายลดลงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องเข้าสู่เดือนที่ 6 ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตาม การผนึกกิจการระหว่างร้านสะดวกซื้อกับร้านขายยาในญี่ปุ่น ยังได้รับการคัดค้านจากเจ้าหน้าที่รัฐที่กำกับดูแลด้านนี้ แม้ว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จะมีการทบทวนกฎหมายเภสัชกรรมและยา และทำให้เชนร้านสะดวกซื้ออย่างบริษัท ลอว์สันจับมือทำธุรกิจร่วมกับเชนร้านขายยา บริษัท มัตซึโมโต กิโยชิ โฮลดิ้งค์ในเดือนสิงหาคมก็ตาม
 
ขณะ ที่ เซเว่น-อีเลเวน เจแปน โค ประกาศว่าจะเริ่มให้ใบอนุญาตเปิดร้านสะดวกซื้อแก่ผู้ที่มีที่พักอาศัยใน โตเกียวและบางจังหวัดภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ทราบว่า ทาเคชิ นิอินามิ ประธานลอว์สัน ประกาศจะตั้งร้านค้าปลีกในต่างจังหวัดและพื้นที่ชนบท โดยเขากล่าวด้วยว่า เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตได้ขยายตัวเข้าไปในท้องถิ่นและต่างจังหวัด และทำให้เกิดการปิดตัวของร้านค้าขนาดเล็กในท้องถิ่น แต่สิ่งที่เขาจะทำใหม่คือ การเปิดร้านสาขาของลอว์สัน ในพื้นที่เดิมของร้านค้าชุมชนที่ปิดตัวไป และเข้าไปแทนซูเปอร์มาร์เก็ตที่มาตั้งอยู่


ส่วนธุรกิจห้างสรรพสินค้าก็กำลังดิ้นร้นเพื่อจะขายสินค้ามีคุณภาพ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท มัตซึย่า ในโตเกียว ระบุว่า บริษัทจะปิดพื้นที่ชั้น 4 ของศูนย์การค้าในอาซากุซะภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม และนำพื้นที่ส่วนดังกล่าวไปให้กับสินค้ากลุ่มอาหาร เสื้อผ้า และเครื่องใช้ประจำวัน ขณะที่นักวิเคราะห์ในตลาดระบุว่า มีแนวโน้มที่ศูนย์การค้าอีกหลายแห่งในญี่ปุ่นจะทำตามมัตซึย่าในปี 2553 เพื่อลดขนาดธุรกิจให้เหมาะสมกับสภาพในปัจจุบัน