จากประชาชาติธุรกิจ
เด็กไทยในวันนี้เป็นอย่างไร จากผลการสำรวจประชากรเด็กในประเทศไทยประจำปีล่าสุดของกลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลชั้นนำของโลก ได้ชี้ให้เห็นว่า เด็กไทยในวันนี้เปลี่ยนไปจากในวันวานแม้จะยังอยู่ในวังวนของยุคบริโภคนิยม
ปีนี้เด็ก ๆ ที่ ตอบแบบสอบถามกว่า 93% เชื่อว่าการใช้เวลาอยู่ร่วมกันของครอบครัวนั้นมีความสำคัญมากกว่าการทำงานหาเงินมากมาย
กลุ่มประชากรเด็กไทยที่ถูกสำรวจในครั้งนี้มีอายุระหว่าง 7 - 14 ปี ได้ตอบคำถามในประเด็นสำคัญ 5 คำถาม ดังนี้
1.หนูอยากเป็นอะไรเมื่อหนูโตขึ้น ทำไมถึงอยากเป็น และคิดว่าอยากได้รายได้เท่าไร
2.อะไรคืออาชีพที่ดีที่สุด/ดูเท่ดีในความคิดของหนู
3.หากหนูได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย หนูอยากทำอะไรเป็น 3 สิ่งแรก
4.อะไรสำคัญกว่ากันระหว่างการหาเงินให้เยอะๆ กับการใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว5.หนูตั้งใจอยากทำอะไรในปี 2553 นี้
ผลสำรวจ ปรากฏว่า อาชีพที่ได้รับเลือกจากการสำรวจในครั้งนี้มากที่สุดได้แก่ แพทย์ คุณครู นักฟุตบอล นักวิทยาศาสตร์ นักบิน หรือตำรวจ
สำหรับผู้ที่เลือกประกอบอาชีพแพทย์นั้น ให้เหตุผลคล้ายๆกันว่า ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น แต่อย่างไรก็ตามรายได้ที่คาดหวังว่าจะได้รับจาการประกอบอาชีพแพทย์นั้นค่อน ข้างกว้างอยู่ระหว่าง 100 - 1,000,000 บาท
ส่วนอาชีพอื่นๆที่ได้จาก การสำรวจนี้ ก็มีเช่น นักแบดมินตัน และ เป็นนักเล่นเกมส์ สำหรับคนที่บอกว่าอยากเป็นนักเล่นเกมส์นั้น ให้เหตุผลง่ายๆว่า "ชอบเล่นเกมส์"
"ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์"ผู้จัดการประจำประเทศไทยของกลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย บอกว่า เด็กคนหนึ่งจากกลุ่มสำรวจนี้ อยากเป็นนักบินอวกาศ และเป็นนักบินอวกาศคนแรกของประเทศไทยที่ได้เดินทางออกไปสำรวจอวกาศ เด็กอีกคนอยากเป็นพ่อครัว ด้วยเหตุผลว่าชอบทำอาหาร
ขณะที่อีกคนหนึ่งอยากเป็นทหาร เพราะรู้สึกว่าเป็นทหารนั้น "ดูดี"!
สำหรับคำตอบต่อคำถาม "อะไรคืออาชีพที่ดีที่สุด/ดูเท่ดีในความคิดของหนู" นั้น อาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่ได้รับเลือกมากที่สุด รองลงมาได้แก่ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นนายแบบ/นางแบบ หรือเป็นนักแสดง นอกจากนั้น ก็ได้แก่ เป็นวิศวกร เป็นนางพยาบาล หรือเป็นดารา
แต่สำหรับคำถามที่เด็กๆค่อนข้างจะลังเลเมื่อต้องตอบคำถาม คือ "หากหนูได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย หนูอยากทำอะไรเป็น 3 สิ่งแรก"
เด็กหลายๆคนตอบว่าอยากช่วยเหลือผู้อื่น และ ช่วยรักษาประเทศให้มีความความปลอดภัยเพื่อให้คนไทยทุกคนอยู่กันอย่างมีความ สุข นอกจากนั้นอยากช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมของประเทศไทยก็เป็นอีกคำตอบที่ได้ เลือกมากเช่นกัน
ส่วนคำตอบอื่นๆ ก็ได้แก่ สร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม แก้ปัญหายาเสพติด สร้างทีมฟุตบอล สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ เดินทางทั่วโลก ขยายการศึกษาให้ทั่วถึง สร้างสนามเด็กเล่นให้เด็กๆ ปลูกป่าเพิ่มมากขึ้น
คำตอบที่น่าสนใจจากเด็กไทยต่อคำถามว่า "อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างการหาเงินให้เยอะๆ กับการใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว" นั้นพบว่า จากการที่เด็กๆมักเห็นพ่อแม่ของตนนั้นวุ่นวายกับการทำงานหาเงิน คำตอบจึงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เด็กไทยนั้นให้ความสำคัญกับการใช้เวลาร่วมกันของครอบครัวมากกว่าการมุ่งทำ แต่งานเพื่อให้ได้เงินเยอะๆ ทั้งนี้ รวมถึงคำตอบที่ว่า ครอบครัวสำคัญกว่าเงิน ครอบครัวเป็นสิ่งที่ทำให้เค้ามีความสุข ชีวิตของคนเรานั้นสำคัญกว่าเงิน
และจากคำถามที่ว่า "หนูตั้งใจอยากทำอะไรในปี 2553 นี้" เด็กไทยได้ให้คำตอบที่เน้นเรื่องของการศึกษาและ ไลฟ์สไตล์ เป็นส่วนใหญ่ รวมทั้ง อยากทำให้พ่อแม่มีความสุข อยากเรียนเก่งได้คะแนนดีๆ อยากให้เงินคนยากจน อยากพักผ่อน
จากผลการสำรวจนี้แม้ว่จะไม่เป็นไปในเชิงวิทยาศาสตร์ แต่ก็ได้แสดงให้เห็นว่า ความคิดเรื่องงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ และ คุณภาพชีวิตก็ได้รับการปลูกฝังอยู่ในความคิดของเด็กไทยตั้งแต่อายุน้อยๆ ทำให้เราได้รับทราบว่าเด็กไทยและบุคคลรอบข้างเรานั้นคิดอย่างไรกับอนาคตของ ตนเมื่อโตขึ้น และทำให้เรามองเห็นภาพได้ว่า เขาเหล่านั้นอยากได้รับการมองหรือยอมรับอย่างไรบ้าง
"ธิดารัตน์"ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจในครั้งนี้ได้รับคำตอบที่ทำให้เรารู้สึกทึ่งไปกับความช่างคิด ความเป็นเป็นผู้ใหญ่ของเด็กไทยอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งทำให้เราเห็นว่า เด็กไทยนั้นเลือกที่จะใช้เวลากับครอบครัวมากกว่าการมุ่งทำงานหาแต่เงิน และ มีความสุขใจในการทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัว ในปี 2552 ที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับหลายๆครอบครัวคนไทย และนี่ก็แสดงให้เห็นถึงความคิดเห็นของเด็กไทยส่วนหนึ่ง ซึ่งบางครั้งเราคิดว่า เด็กไทยนั้นมีความเป็นวัตถุนิยมค่อนข้างข้างสูง แต่จากผลการสำรวจในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นว่า จริงๆแล้ว เด็กไทยนั้นมีความคิดที่ดีและสร้างสรรค์อย่างน่าชื่นชมไม่น้อยเลย