สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

มองโอกาสลงทุนในไทยปีเสือผ่านมุมมองเจ้าสัวซีพี ลงทุนเพิ่ม 4 หมื่นล้าน ผุดนิคมอุตฯสีเขียว

จากประชาชาติธุรกิจ



"เจ้าสัวซีพี"ประกาศทุ่มลงทุนปีนี้ 4 หมื่นล้าน แบ่ง 3หมื่นล้านลงทุนในประเทศ ย้ำโอกาสช่วงนี้ไทยเหมาะลงทุนที่สุดหลังข้อตกลงอาฟต้ามีผล ภาษีเป็น0% แต่การเมืองต้องนิ่ง ประกาศรุกเข้าสู่ธุรกิจอาหารเป็นครัวของโลกเต็มสูบ เล็งจับมือนักลงทุนจีนทำนิคมอุตฯที่ระยอง

วันนี้(19 ม.ค.2553)นายธนินท์ เจียรวนนท์  ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) กล่าวในการ"คุยกับ CEOs" ในงาน 89 ปี เจียไต๋ ที่อาณาจักร ซี.พี. ถนนสีลม พร้อมทั้งนำเสนอมุมมองทั้งเศรษฐกิจ การเมืองของบ้านเรา รวมถึงร่ายยาวถึงบทบาทและการลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในปีนี้ "ประชาชาติธุรกิจ" ถ่ายทอดบางช่วงบางตอนที่น่าสนใจมานำเสนอดังนี้   เจ้าสัวธนินท์มองโอกาสของประเทศไทยวันนี้ถือว่าเยี่ยมที่สุด เป็นโอกาสเหมาะที่ธุรกิจจะขยายตัว เพราะสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ประเทศ และอาเซียน 10+1 ทำให้หลายประเทศสนใจลงทุนในไทย แม้การท่องเที่ยวจะเจอผลกระทบทางการเมืองจนทำให้ตัวเลขลดลง การลงทุนชะงัก  แต่ดุลการค้ายังเกินดุลอยู่ประมาณ 150,000 ล้านบาท ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่เรามีเงินตราต่างประเทศเหลือเยอะ และจีนทำสัญญากับไทยซึ่งมีผลตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา 


    ประเทศจีนมีประชากรในประเทศถึง 1,300 ล้านคน และจีนก็ทำข้อตกลงกับประเทศไทย หรือกับอาเซียน 6 ประเทศ สินค้า 90% ของไทยสามารถส่งออกไปจีนแบบไม่มีภาษี เช่นเดียวกับสินค้าจีนที่ส่งมาไทยก็ไม่มีภาษีเหมือนกัน


 เรา ได้เปรียบมาก นอกจากนี้ยังมีญี่ปุ่นที่จะลงทุนในจีนก็มีส่วนหนึ่งหันมาลงทุนในไทย เพราะลงทุนในไทยมีค่าเท่ากับลงทุนในจีน เพราะเรามีความพร้อมเรื่องท่าเรือ การขนส่ง และกฎหมาย


    ยกตัวอย่างยางรถยนต์ ในโลกมียางรถยนต์มากขึ้น แต่การใช้น้ำมันลดลง ไม่เหมือนพืชเกษตร ปีนี้เก็บเกี่ยวปีหน้าก็ปลูกใหม่ได้ แต่ถ้าการกลั่นน้ำมันน้อยลงและวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยางเทียมน้อยลง ของทดแทนไม่มี ต้องใช้ยางธรรมชาติ ดังนั้นเกษตรในไทยจึงเต็มไปด้วยโอกาส


   หรืออย่างมันที่สามารถนำไปผลิตเอทานอล รวมถึงอ้อยที่สามารถนำไปผลิตได้ทั้งเอทานอลและน้ำตาล ถ้านำมาผลิตได้ก็ช่วยประหยัดการนำเข้าเอทานอลได้หลายแสนบาทต่อปี


   แล้วเราก็ควรทำให้ข้าวราคาแพงขึ้น เพราะถ้าข้าวแพงขึ้นเกษตรกรมีรายได้ เขาก็นำเงินมาจับจ่าย อุตสาหกรรมและธุรกิจไทยก็มีรายได้ รัฐบาลก็เก็บภาษีและมีรายได้มากสามารถขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ จากนั้นอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการบริการก็จะเพิ่มขึ้น


  เกษตรกรเรายากจน สินค้าเราผลิตเพื่อเลี้ยงมนุษย์แล้วผู้ผลิตอาหารของมนุษย์จะยากจนได้อย่างไร นี่เป็นปัญหาของรัฐบาลและไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ แต่เป็นทุกรัฐบาล ถ้าข้าวแพงแล้วคุณเรียกร้องว่าข้าวราคาแพงเกินไป รัฐบาลก็จะเอาข้าวถุงสีฟ้าราคาถูกมาขาย เกษตรกรก็เสียหาย กำไรน้อย


  เจ้าสัวธนินท์สรุปชัดเจนว่า ประเทศไทยจะมีโอกาสมากกว่านี้ถ้าการเมืองนิ่ง และเสื้อเหลืองและเสื้อแดงเป็นพี่น้องกัน น่าจะคุยกันดี ๆ เชื่อว่าทั่วโลกจะหันมาลงทุนที่ไทย ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน เงินไหลเข้ามา คนไม่ตกงาน รัฐบาลก็จะมีภาษี ขอแค่รัฐบาลดูแลภาษีให้ถูกต้อง ใช้เพื่อพัฒนาประเทศ อย่าเก็บสูงเกินไป ให้ดูสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่าง ที่นั่นมีแต่คนเก่งทั่วโลกไปลงทุน คนในประเทศเขาไม่ได้ลงทุนอะไร ซึ่งก็เหมือนกับไทยในตอนนี้ที่ใคร ๆ ก็อยากมาลงทุน


ธนินท์ยกตัวอย่างว่า ภาษีที่ได้มาควรเอาไปทำเขื่อนทำชลประทาน เพื่อเพิ่มผลผลิต เช่น ข้าว ปาล์ม


    ส่วนแผนการลงทุนของทั้งเครือตลอดทั้งปีนี้ เฉพาะในประเทศไทย ซี.พี.จะลงทุนประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ส่วนต่างประเทศก็ไล่เลี่ยกันแต่เน้นที่ไทยมากกว่า แล้ว 1-2 ปีข้างหน้าก็จะลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ที่ ซี.พี.เลือกลงทุนไทยมากกว่าเพราะเป็นโอกาสดีที่จะสามารถส่งสินค้าขายในอา เซียนทั้ง 10 ประเทศรวมถึงจีนโดยไม่เสียภาษี และญี่ปุ่นที่กำลังเจรจากัน ต่อไปก็จะทำกับอเมริกา วันนี้ใครมาลงทุนในไทยก็ส่งสินค้าไปได้หลายประเทศ ไม่มีภาษี


  รองลงมาก็คือ จีน เวียดนาม อินเดีย และรัสเซีย แต่ต้องรอให้ไทยอิ่มตัวก่อนถึงจะไปจีน แล้วจากนั้นจีนก็จะแซงเมืองไทย เพราะ ซี.พี.ถนัดเรื่องอาหาร และ ซี.พี.ยังไม่มีค้าปลีกในจีน รวมถึงเวียดนาม อินเดีย และรัสเซีย ที่ยังไม่มีค้าปลีก ในต่างประเทศ ซี.พี.จะเน้นอาหาร ค้าปลีก และโทรศัพท์ รวมแล้วลงทุนทั้งหมดประมาณ 40,000 ล้านบาท  


 สำหรับตลาดเวียดนาม ซี.พี.ก็พยายามดูโอกาสอยู่ อะไรที่ผลิตในไทยแล้วได้เปรียบก็ผลิตในไทย อะไรที่ผลิตในเวียดนามแล้วได้เปรียบก็ค่อยไปลงทุนที่นั่น นอกจากนี้ก็ยังมีแผนจะดึงนักลงทุนจากจีนมาบ้านเรา ตอนนี้กำลังดูอยู่ ซี.พี.มีที่ดินที่ระยองจะจัดเป็นนิคมอุตสาหกรรม เปิดโอกาสให้ทั้งจีนและทั่วไปเข้ามาลงทุนเพราะมีเงินมหาศาล เราจะเน้นการลงทุนร่วมกัน ช่วยขอ บีโอไอให้มาที่เราจุดเดียว เราบริการให้หมด แต่ต้องเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จะเป็นอุตสาหกรรมหนักหรืออุตสาหกรรมเบาก็ได้ 


 ส่วนแผนนำเอาบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ตอนนี้มี 2 บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และกำลังนำอาหารสดในจีนเข้ามาจะเสร็จภายในมีนาคม ที่ฮ่องกงเป็นธุรกิจค้าปลีกกับอาหารสัตว์ แต่ค้าปลีกไม่ใช่เซเว่นอีเลฟเว่น เป็นบริษัท ซีพีพี ซึ่งกำลังเพิ่มกลุ่มอาหารกับ ซีพีอีไอ (เจียไต๋ เอ็นเตอร์ไพรส์ อินเตอร์เนชั่นแนล) ขณะที่ ซีพี ไลฟ์ สต๊อก ที่เวียดนาม อยู่ระหว่างการศึกษา 


 นายธนินท์บอกถึงรายได้ปีนี้ของทั้งกรุ๊ปว่า ยังเหมือนเดิม ขายมาก กำไรน้อย ซี.พี.ทำทุกส่วนโดยเฉพาะเรื่องอาหาร อย่างทรูก็จัดเป็นอาหารเหมือนกัน แต่เป็นอาหารสมอง ซีพี ออลล์ก็ทำอาหารเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงของใช้ ของจำเป็นต่าง ๆ อัตราการเติบโตของแต่ละธุรกิจก็ประมาณ 20%  


  วันนี้ ซี.พี.เข้าสู่อาหารมนุษย์ เป็นครัวโลก ซึ่งพร้อมแล้วทั้งไมโครเวฟ ตู้อบ ตู้เย็นที่เก็บอาหารแช่แข็ง คอนเทนเนอร์ ระบบขนส่ง ยอดขายปีที่แล้ว ซีพีเอฟ 1.65 แสนล้านบาท ซีพี ออลล์ 90,000 กว่าล้านบาท ทรู 60,000 และรายได้จากต่างประเทศ 31,000 ล้านบาท รวมแล้วประมาณ 6 แสนล้านบาท ทั้งในและต่างประเทศมีการเติบโตประมาณ 20%

view