จาก โพสต์ทูเดย์
นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “Quest Means Business” ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น เพื่อร่วมพูดคุยประเด็นที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ริชาร์ด เควสต์ ผู้สื่อข่าวทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น : เศรษฐกิจ ของประเทศไทยดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากเหตุการณ์ความขัดแย้งด้านการเมืองและการชุมนุมประท้วงทำให้ประเทศ หยุดอยู่กับที่ ผู้โดยสารกว่าหลายพันคนต้องติดอยู่ที่สนามบินหลักในกรุงเทพและเหตุการณ์ความ ไม่สงบในภาคใต้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อตัวเลขจีดีพีของประเทศซึ่ง คุณสามารถคาดเดาได้
เศรษฐกิจของประเทศไทยได้หวนกลับมาแข็งแรงอีกครั้งสังเกตได้จากอัตราการ เติบโตในสามเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว รัฐบาลกล่าวว่าปีที่แล้วการหดตัวของเศรษฐกิจในประเทศน้อยกว่า 3% แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงก็ยังไม่หมดเนื่องจากการชุมนุม ประท้วงยังคงมีอยู่
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่เมืองดาวอสสัปดาห์ ที่แล้ว และได้สอบถามว่ามีความเป็นไปได้จริงหรือไม่ที่อัตราการเติบโตทางด้าน เศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีอัตราอยู่ที่ 4% ในปีนี้
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ : ผมคิดว่าเมื่อปีที่แล้ว หลังจากไตรมาสแรกเศรษฐกิจของประเทศหดตัวถึง 7.1% ประชาชนกลัวว่าการถดถอยทางด้านเศรษฐกิจจะรุนแรงมากขึ้นและจะก่อให้เกิดการ ว่างงานอย่างรุนแรง แต่พอสิ้นปี ตัวเลขอัตราการเติบโตเศรษฐกิจอยู่ที่ -3% ดังนั้นอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในปีนี้ที่ 4% น่าจะเป็นไปได้และอยู่ในช่วงที่เราสามารถจัดการได้
เควสต์ : จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศขณะนี้ ที่กำลังสร้างความสมดุลให้กับเศรษฐกิจ คุณมองว่าทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งระหว่างการประชุมที่ดาวอส ทุกประเทศมองประเทศจีนเปรียบเสมือนยารักษาโรคที่จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น
นายกฯอภิสิทธิ์ : ผมมองว่าด้วยขนาดของประเทศจีนเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองข้ามไปได้ คุณจำเป็นต้องสังเกตความเป็นไปของประเทศจีน และสำหรับประเทศไทยแล้วผมมองว่าเรามีกำลังที่จะเติบโตในอนาคต ศักยภาพอย่างหนึ่งที่สามารถเห็นได้คือเกษตรกรรมและอาหาร เราจะเป็นผู้ที่ผลิตออาหารให้โลก และยังคงการเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ต่อไป
เราต้องการเพิ่มผลผลิต คุณภาพ และมูลค่าที่เราเพิ่มเข้าไปในสินค้าเกษตรกรรม การริเริ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ถูกนำเข้ามาใช้เพราะเรารู้ดีว่าเราไม่ควรที่ จะพึ่งพาต้นทุนต่ำ เนื่องจากเรามีคู่แข่งที่สามารถผลิตสินค้าที่ต้นทุนต่ำกว่าได้ในอุตสาหกรรม ต่างๆ
เราต้องการพัฒนาด้านอุตกรรมการท่องเที่ยวและบริการซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เราได้เปรียบอยู่ในขณะนี้
เควสต์ : คุณเชื่อหรือไม่ที่ประเทศไทยจะสามารถแก้ปัญหาการแตกแยกในรัฐบาล ปัญหาความเชื่อมั่นที่ลดลงจากเหตุการณ์ปฏิวัติ และการปิดสนามบิน
นายกฯอภิสิทธิ์ : เราได้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมามากมายที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น แต่สำหรับปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าเราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความท้ายทายทางการเมืองต่างๆที่เราเผชิญ และความท้ายทายที่ยังต้องเจออีกมากในอนาคต รัฐบาลไทยจะยังสามารถบริหารงาน ฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ ริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ตลอดจนแก้ปัญหาของคนในชนบท คนยากจน เยาวชน เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามปรกติ
เควสต์ : คุณพูดถึงแต่...
นายกฯอภิสิทธิ์ : สิ่งที่จะตัดสินได้ดีที่สุดก็คือตัวเลขที่เราเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของเครื่องมือทางการลงทุนสำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งสูงถึง 60% ในปีที่แล้ว
เควสต์ : คุณพูดถึงแต่ความท้าท้ายของเศรษฐกิจในชนบท แต่มันเป็นความท้าท้ายของเศรษฐกิจในชนบท และการแบ่งแยกทางการเมืองระหว่างคนในเมืองกับคนในชนบทที่นำไปสู่กว่าครึ่ง ของปัญหาที่มีมาตั้งแต่แรก
นายกฯอภิสิทธิ์ : นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังแก้ปัญหาเพื่อ คนไทยทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราแก้ปัญหาของคนในชนบท เรื่องราคาไร่นา รายได้จากไร่นา แต่ในขณะเดียวกันเราก็สร้างอุตสาหกรรมขึ้นในเขตตัวเมืองใหญ่ด้วย เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำงานเพื่อคนไทยทั้งหมด และนั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะสมานฉันท์ความแตกแยก
เควสต์ : พรรคฝ่ายค้านอาจไม่ได้มองเห็นอย่างนี้
นายกฯอภิสิทธิ์ : นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาจะมองเห็น ความแตกต่างของรัฐบาลชุดนี้คือเราให้สิทธิพวกเขาในการแสดงความเห็น ให้พื้นที่ทางการเมือง ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อกฏหมาย
เควสต์ : นิยามของการขัดต่อกฏหมายคือ...
นายกฯอภิสิทธิ์ : การก่อจราจลขัดต่อกฎหมาย การประท้วงโดยสันติวิธีไม่ขัดต่อกฎหมาย
เควสต์ : ใช่ แต่อย่างที่คุณรู้ บ่อยครั้งที่การเคลื่อนขบวนก่อจราจลของคนหนึ่งอาจถือเป็นการประท้วงของอีกคนหนึ่ง
นายกฯอภิสิทธิ์ : ไม่ครับ ผมคิดว่าเส้นแบ่งระหว่างสองเรื่องนี้มีความชัดเจน เราเผชิญกับการประท้วงหลายต่อหลายครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประท้วงโดยสันติวิธี เราจึงอนุญาตให้การประท้วงเหล่านั้นดำเนินต่อไปได้ แต่เมื่อการประท้วงเหล่านั้นเกิดบานปลาย อย่างในเดือนเมษายน และมีการจราจลเกิดขึ้น เกิดความรุนแรง มีการใช้อาวุธ เราจึงต้องทำให้มีความเป็นระเบียบขึ้น
เควสต์ : แล้วสำหรับนายกรัฐมนตรีคนก่อนล่ะ
นายกฯอภิสิทธิ์ : เขาไม่ได้อยู่ในประเทศไทยขณะนี้
เควสต์ : แล้วถึงเวลาสงบศึกหรือยัง ถึงเวลาหรือยังที่...
นายกฯอภิสิทธิ์ : มันถึงเวลาสำหรับเขาแล้วที่จะต้องยอมรับผลของการกระทำที่ตามมา ถึงเวลาที่จะต้องเคารพกฎเกณฑ์ คำตัดสินของศาล แล้วเราจึงจะพูดถึงการให้ความช่วยเหลือและดูว่าจะสามารถให้หนทางการแก้อะไร ได้บ้าง
เควสต์ : นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยครับ