ปลุกให้ตื่น ฟื้นมาวิ่ง SME ไทย
กว่าจะรู้ตัว ก็เกือบสายเสียแล้ว
เชื่อหรือไม่ว่าสถานประกอบการขนาดย่อม หรือ SME ในบ้านเราส่วนใหญ่ จะรู้ผลประกอบการของกิจการของตนเองว่าผลประกอบการของกิจการกันปีละครั้ง กว่าจะรู้ตัวว่าผลประกอบการปีที่แล้วว่ากำไรหรือขาดทุนไปเท่าไหร่ก็ผ่านไปเกือบทั้งปี ที่ว่า "รู้ปีละครั้ง" ก็คือ รู้ตอนที่สำนักงานบัญชีเอางบการเงินมาให้เซ็นก่อนนำส่งสรรพากรหรือกระทรวงพาณิชย์ แล้วก็ร้อยทั้งร้อยไม่ได้ของจริง เพราะตลอดเวลาทั้งปีที่ผ่านมาก็ตั้งหน้าตั้งตาหลบภาษี ซื้อสินค้าไม่เอาใบกำกับ ไม่ออกใบกำกับหรือใบเสร็จบ้าง ตามที่อยากให้เป็น ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่กว่าจะรู้ก็ช้า และก็รู้ไม่จริงอีกต่างหาก แล้วถ้ารู้ช้ารู้ไม่จริงจะมีปัญหาอะไร
เคยสงสัยและมีคำถามกับตัวเองกันบ้างไหมว่า
- ทำไม ทั้งๆ ที่ปีที่แล้วก็ยอดขายเพิ่มขึ้น ผลิตแทบไม่ทันลูกค้า ทั้งๆ ที่ทำโอทีเกือบทุกวัน น่าจะได้กำไรนะ แต่ทำไมขาดทุน
- ทำไมขายแทบตายยอดขายก็ขึ้นเอาขึ้นเอา แต่เงินขาดมือ หมุนไม่คล่อง ต้องขายลดเช็คหรือยืมเงินนอกระบบบ่อยๆ
- ขายของไปแล้วที่คิดว่าได้กำไร กำไรจริงหรือเปล่า แล้วต้นทุนสินค้าจริงๆแล้วเป็นเท่าไหร่แน่ แล้วต้นทุนส่วนไหนที่พอจะ ลดลงได้บ้าง
- จะตั้งราคาสินค้าเท่าไหร่ดี ถึงจะเหมาะสมและแข่งกับคู่แข่งได้
- ต้องขายกันเท่าไหร่ถึงจะคุ้มทุน
- ลูกหนี้รายไหนควรขายให้ต่อไป หรือควรจะชะลอการขาย
- จะกู้เงินธนาคารกันที ไม่รู้จะเอาอะไรไปแสดงให้ธนาคารดู ขอเครดิตก็ได้วงเงินต่ำๆ
- และ อีกหลาย 108 ปัญหา ตามมาเป็นพรวน
ทำไมหรือ ก็เพราะผู้ประกอบการบางคนแทบไม่สนใจอ่านงบการเงิน หรืออ่านไม่เป็น เพราะคิดว่าเป็นเพียงเอกสารที่นำส่งสรรพากรให้ทัน ทำส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง ลงกำไรเสียภาษีนิดหน่อย เพื่อไม่ให้เป็นปัญหากับกรมสรรพากร ส่วนเรื่องในการทำงานหรือ ก็เงินในบัญชียังมีตั้งเยอะแสดงว่ากิจการยังอยู่ได้สิ จะกังวลอะไร หรือว่าเครดิตยังมีขอวงเงินธนาคารได้อยู่ แต่วันดีคืนดีเงินที่ยังเยอะกลับหายไปเฉยๆภายในไม่ถึง 2 เดือน เพราะลูกค้าต่างมาอาศัยเครดิตบนตัวเงินที่เรามีอยู่ พอหันหน้าไปหาธนาคารที่บอกยังมีเครดิตเมื่อก่อนขอวงเงินยังได้สบายๆ ธนาคารก็หยุดหรือไม่ก็ลดวงเงินเสียง่ายๆ เพียงเพราะไปเช็คเจอว่าลูกค้าที่ซื้อของเราหลายรายมีปัญหาสภาพคล่องกับทางธนาคารอยู่จึงคิดว่าเราจะประสบปัญหาสภาพคล่องไปด้วย จึงลดความเสี่ยงของธนาคารด้วยการลดหรืองดวงเงินง่ายๆเสียอย่างนั้น
ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นก็เนื่องจากไม่ทำบัญชี ไม่มีระบบรายงานทางการเงินที่ดีพอ แต่พออยากจะเริ่มต้นทำบัญชี ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร จะใช้โปรแกรมบัญชีอะไรมาช่วยควบคุม มันเหมือนปัญหาไข่กับไก่ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนแต่เชื่อไหมปัญหาอย่างนี้ง่ายมากไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถทางอะไรมากใช้ความรู้ด้านบริหารจัดการนิดหน่อยในการสรรหาและใช้คน ที่เหลือใช้ใจและจังหวะเวลาที่เหมาะสม ที่บอกว่าไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถมาก เพราะถ้าเราไม่เรียนบัญชีมาก จะให้เริ่มเองคงยาก จึงต้องอาศัยนักบัญชีอย่างเดียว ก็คงต้องหาคนที่เหมาะสมมาช่วยทำในส่วนที่เราไม่ถนัด เราจึงควรตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า เราจะเริ่มทำบัญชีให้ถูกต้อง และเลิกกังวลว่าจะหลบภาษีกันอย่างไรก่อน และควรจะทำทันทีที่ต้องการไม่ควรรอจนต้องทำเพราะเวลาที่มีจะไม่เพียงพอ ต้องทราบว่าบัญชีทำจนตายก็ต้องมีการพัฒนาปรับปรุงไปเรื่อยๆ ถ้าเริ่มช้าความสมบูรณ์ที่เราต้องการก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ
ความคิดเห็น