สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปราโมทย์ ตามรอยพระยุคลบาท ดำริพระราชา ราษฎรมีความสุขขึ้น

จากประชาชาติธุรกิจ

สัมภาษณ์


ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดลแก่ "ปราโมทย์ ไม้กลัด" นายช่างชลประทาน

จากจุดเริ่มต้นในวันนั้นทำให้มี "ปราโมทย์ ไม้กลัด" อดีตอธิบดีกรมชลประทานในวันนี้ วันที่ได้รับโอกาสอันสูงสุด สนองงาน รับใช้ใกล้ชิดใต้เบื้องพระยุคลบาท

"ประชาชาติธุรกิจ" สนทนากับ "ปราโมทย์ ไม้กลัด" ผู้เดินตามรอยพระยุคลบาท สืบสานพระราชปณิธานตามพระราชดำรัสในโครงการพระราชดำริมากว่า 30 ปี

- ที่มาของโครงการแนวพระราชดำริในวโอกาสต่างๆ

พระองค์ ท่านทรงคิดด้วยพระองค์เองก่อน แต่เราต้องอยู่ใกล้ ๆ เตรียมพร้อมเพื่อถวายคำปรึกษา บางทีพระองค์ท่านก็เดินมาหาแล้วตรัสว่า ฉันควรจะทำอย่างนั้น ควรจะทำอย่างนี้ คุณเห็นด้วยหรือไม่

ถ้าพระองค์ท่านมีแนวคิดที่ดี เหมาะสม เราจะกราบบังคมทูลสนับสนุน ถ้ามีอะไรที่ผิดเพี้ยน เราจะมีหน้าที่คิดเพิ่มเติมและกราบบังคมทูลถวายคำปรึกษา มีการถกกันและเมื่อเห็นตรงกันแล้วก็ออกมาเป็นแนวพระราชดำริเบื้องต้น

พระ ราชดำริขณะเสด็จไปในแต่ละพื้นที่ พระองค์ท่านรับสั่งว่า พระราชดำริ คือ แนวคิดของพระราชา เป็นความคิดของพระองค์ ไม่ใช่พระบรมราชโองการ ต้องไปคิดให้ดี คิดให้ละเอียด คิดให้รอบคอบ

พระบรมราชโองการ คือ คำสั่ง ต้องทำ แต่พระองค์ท่านไม่เคยทรงชี้ ว่า ตรงนี้ต้องทำนะ จึงเรียกว่าพระราชดำริ เพราะฉะนั้นถ้าตกลงอะไรกันแล้วเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ ให้นำไปขับเคลื่อน นำไปคิดต่อ ให้ละเอียด ทรงรับสั่งอยู่เสมอ

- พระราชดำริของพระองค์สามารถแก้ไข ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นได้

ถูก ต้อง แนวพระราชดำริที่เกิดในหมู่บ้านนี้ วันนี้ ด้วยข้อมูลเท่านี้ จะบอกให้ไปออกแบบ ไปสร้างทันที ไม่ได้ พระองค์ท่านไม่เคยรับสั่งแบบนี้ รับสั่งเพียงว่า ไปคิดให้ดี ไปคิดให้ละเอียด ไปคิดให้รอบคอบ ถ้าทำแล้วเกิดประโยชน์ แก้ปัญหาได้ ตอบโจทย์ได้ คุ้ม ให้ทำ ให้รีบทำ งานเล็ก ๆ

ทรงรับสั่งอย่าให้เสร็จเกิน 1 ปี เพื่อสามารถใช้ประโยชน์ได้โดยเร็ว สำหรับโครงการขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ต้องมีกระบวนการศึกษา วิเคราะห์อย่างรายละเอียด ให้รอบคอบ วิธีการทรงงานของพระองค์ท่าน ก่อนจะทำงานอะไร ไม่ใช่ พระองค์ท่านอยู่ ๆ สั่งการให้ลากจอบ ลากเสียม ไม่ใช่ แต่มักจะเสด็จไปสถานที่นั้น ไปค้นหาปัญหาด้วยพระเนตร พระกรรณของพระองค์เอง

- หัวใจของพระอัจฉริยภาพของพระองค์ด้านการแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง คืออะไร

พระอัจฉริยภาพ ภาษาชาวบ้าน หมายความว่า ความสามารถ ความเก่ง มีอยู่ในพระองค์ท่านเต็มเปี่ยม ทรงเป็นผู้รู้ ทรงเป็นนักวิชาการ ทรงเป็นนักคิด ทรงเป็นนักพัฒนาและทรงเป็นนักปฏิบัติ ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านเทคนิค ทรงเป็นผู้รู้จริงด้านวิชาการ โดยเฉพาะด้านอุทกวิทยา พระองค์ท่านทรงเป็นนักเทคนิค ในการมอง การคิดและการพิจารณา แต่หัวใจหลักการทรงงานของพระองค์ท่าน คือ ต้องค้นหาปัญหา รับรู้ปัญหาและสาเหตุของปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ พระองค์ท่านทรงรู้ว่า การเป็นพระเจ้าแผ่นดินต้องแก้ไขปัญหาของประเทศ

อุปกรณ์ที่พระองค์ ท่านทรงใช้ คือ แผนที่ เป็นเอกสารวิชาการสำคัญ ใช้ประกอบการคิด การวางโครงการ พระองค์ทรงศึกษาเรื่องแผนที่จนเชี่ยวชาญเป็นเวลานาน ไม่ได้ศึกษาในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยแต่พระองค์ทรงศึกษาด้วยพระองค์เอง

- นอกจากฎีการ้องทุกข์จากราษฎรแล้ว พระองค์ทรงรับทราบปัญหาความเดือดร้อนจากที่ใดอีก

การ แก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำและน้ำท่วม พระองค์ทรงงานตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงมีหลักการ ว่า การทำงานอะไรก็แล้วแต่ พระองค์ท่านทรงจะมีข้อมูลมาจาก 2 ลักษณะ หนึ่ง พระองค์ท่านทรงศึกษาและพิจารณาด้วยตัวเองในห้องทรงงานด้วยแผนที่ แผนที่จะแสดงให้เห็นทั้งหมด ว่า ที่ไหนขาดแคลนน้ำและสภาพของสายน้ำจะปรากฏในแผนที่ พระองค์ทรงศึกษาสภาพปัญหาทำความเข้าใจเรื่องนี้ ก่อนที่จะไปทำงานที่ใด เป็นหลักการทรงงานที่สำคัญ

เมื่อศึกษาสภาพปัญหาแล้ว พระองค์ท่านจะทรงค้นหาปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา ทรงกำหนดพื้นที่ที่จะไปด้วยพระองค์เอง และก่อนที่จะเสด็จไปแก้ปัญหา ทรงศึกษาข้อมูลด้วยพระองค์ท่านเองชุดหนึ่ง เป็นเอกสารทางราชการ เป็นเพียงข้อมูลประกอบ แต่พระองค์ทรงศึกษาด้วยพระองค์เองด้วยแผนที่ เป็นเรื่องสำคัญ พระองค์ทรงทำเป็นกิจวัตร พระองค์ท่านขณะเสด็จประทับแรม ณ ภูมิภาคต่าง ๆ ตอนกลางคืนจะทรงงาน ค้นหาปัญหาของสถานที่ต่าง ๆ ว่า หมู่บ้านนี้ ตำบลนี้ ซ่อนเร้นแร้นแค้นอย่างไร

สองข้อมูลที่เข้ามาสู่พระองค์ท่านมาจากจดหมายร้องทุกข์ ฎีกา เสด็จไปภาคไหนจะทราบปัญหาจากฎีกา จากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตามท้องถิ่นต่าง ๆ

- ฎีกาจากประชาชนถึงพระเนตร พระกรรณพระองค์ท่านทุกฉบับหรือไม่

ฎีกามาถึงพระองค์ท่านทุกฉบับ พระองค์ท่านทรงรับสั่งกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ว่า ถ้าราษฎรร้องทุกข์ ฎีกามา อย่ากักไว้นะ อย่ากักฎีกานะ ทรงมีพระบรมราโชบายชัดเจน ความทุกข์ต่าง ๆ ของราษฎรเข้ามาผ่านฎีกา เขียนด้วยลายมือชาวบ้าน ภาษาอะไรก็ได้ ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพระองค์ท่าน ปล่อยอิสระ สิ่งเหล่านี้ทำให้พระองค์ท่านทรงรู้ว่า ที่ไหนมีปัญหา ราษฎรบางคนเวลาจะส่งแผ่นกระดาษขาว ๆ เพื่อถวายฎีกา ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ พยายามสกัดกั้น แต่ต้านทานไม่ไหว

พระองค์ท่านทรงทราบ ปัญหา ทรงประมวลด้วยพระองค์เอง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานไปบอกว่า ที่ไหนเป็นอย่างไร ที่ไหนรุนแรงมากที่สุด ปานกลาง น้อย พระองค์ท่านจะทรงเสด็จไปในพื้นที่ค่อนข้างจะรุนแรงมากที่สุด โดยจะทรงเสด็จด้วยตัวพระองค์เอง

พระองค์ท่านทรงกำหนดว่าจะเสด็จที่ ใดเพื่อค้นหาความชัดเจนของปัญหาจากประชาชนก่อน จากการพูดคุยกับชาวบ้าน ทรงซักถามปัญหา ทรงสอบถามข้อมูลเพื่อความแน่พระทัยด้วยพระเนตร พระกรรณของพระองค์เอง เพื่อความชัดเจนในการพระราชทานพระราชดำริต่อไป

- พระองค์ทรงปฏิสันถารกับประชาชนว่าอย่างไรบ้าง

ทรงสอบถามราษฎรเพื่อค้นหาปัญหาของสภาพธรรมชาติบริเวณนั้น เช่น ทรงมีพระราชดำรัสถามประชาชน ว่า "ดูจากแผนที่แล้ว ศึกษามาแล้ว มองมาแล้ว ห่างจากนี้ไป 1 กิโลเมตร จะมีลำธาร ลำห้วยขนาดใหญ่พอสมควร มองดูแล้วสามารถทำเป็นที่กักเก็บน้ำได้ พวกเราว่าอย่างไร" พระองค์ท่านทรงถามเพื่อทำความเข้าใจข้อมูลของธรรมชาติให้ชัดเจน ส่วนใหญ่ชาวบ้านรู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ไม่มีกำลังพอ

นอกเหนือจากการ วิเคราะห์ข้อมูลจากแผนที่ด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงประมวลเป็นบทสรุปว่า ควรจะแก้ปัญหาอย่างไรและวางโครงการในแผนที่ด้วยพระองค์ท่านเองก่อน ซึ่งพระองค์ท่านมีอัจฉริยภาพในการประเมินปริมาณน้ำเป็นอย่างมาก เพราะการจะทำอ่างเก็บน้ำบริเวณใด ต้องประเมินปริมาณน้ำได้ เป็นวิชาการด้านหนึ่งที่เรียกว่า อุทกวิทยา พระองค์ท่านทรงคิดจากแผนที่ซึ่งบอกขนาดของลุ่มน้ำ เป็นตารางกิโลเมตร ทรงคิด ทรงประเมินว่า ถ้าเขื่อนอยู่ตรงนี้ ลุ่มน้ำจะไปตามแนวสันปันน้ำอย่างไร ทรงคิดได้ ทรงคิดเป็นอย่างผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นลักษณะพิเศษส่วนพระองค์ประการหนึ่ง

เป็นพระอัจฉริยภาพ มาจากทรงศึกษาด้วยพระองค์เอง ทรงทำความเข้าใจด้วยพระองค์เอง คนทั่ว ๆ ไป เรียนจากโรงเรียน มีอาจารย์สอน แต่พระองค์ท่าน ไม่ใช่ ทรงทำหลายครั้ง ๆ จนพระองค์ท่านทรงเข้าใจ ทำได้ ทำเป็น เรียกว่า พระอัจฉริยภาพ

- การศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อแก้ปัญหาได้ด้วยพระองค์เอง คือ ความพิเศษ ที่เรียกว่า พระอัจฉริยภาพ

ถูกต้อง พระองค์ท่านเป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ จากการศึกษาและทำความเข้าใจด้วยพระองค์เองมาก่อน จนพระองค์ทรงสามารถบอกได้ ว่า ตรงนี้ทำดี ตรงนี้ทำไม่ดี เรียกว่าพระอัจฉริยภาพ พระองค์ทรงชอบและสนพระราชหฤทัยวิชาการเชิงช่างทุกแขนง ทรงเป็นนักประดิษฐ์ พระองค์ท่านไม่ทรงมีโอกาสที่จะศึกษาในสถาบันการศึกษาอย่างชัดเจน แต่ต้องทรงมาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน

เริ่มงานใหม่ ๆ พระองค์ท่านก็ไม่เข้าใจ ทรงถามเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ ว่า คิดอย่างไร ทำอย่างไร ช่วงแรกที่เริ่มเข้าไปทำงานสนองพระราชดำริในกรมชลประทานใหม่ๆ

ก็เห็นแล้วว่าพระองค์ท่านทรงเป็น นักเทคนิคด้านนี้พอสมควร พอนานไป พระองค์ท่านทรงมีความชำนาญ ความสามารถ ความเก่ง เกิดขึ้นจากการที่พระองค์ท่านทรงมีความสนพระราชหฤทัยในการทรงงานต่าง ๆ และทรงถามนักเทคนิคอย่างพวกเราด้วยเมื่อไม่เข้าใจ

- ความยากลำบากในการเสด็จไปแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร

แต่ละพื้นที่เป็นพื้นที่ลึกลับ ซ่อนเร้นแร้นแค้น เส้นทางรถยนต์เข้าไปเทียบในพื้นที่ที่มีปัญหาโดยตรงหายากมาก ต้องเดินไป ลัดเลาะไปตามทางเกวียน โดยใช้แผนที่นำทาง พื้นที่ใดที่พระองค์ทรงประสงค์จะเสด็จไปต้องหาทางไปให้ได้ เสด็จไปที่ไหนมักไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า เป็นความลับ ทรงกำชับไม่ให้บอกใคร พระองค์ทรงรับสั่งว่า ถ้าบอกให้รู้ล่วงหน้าจะทำให้มีราษฎรมารอรับเสด็จเต็มไปหมด พระองค์ไม่ทรงโปรดเพราะต้องการเวลาทรงงานนาน ๆ

- พระองค์ทรงเคยล้มเลิกความตั้งใจในการเสด็จไปท้องที่ทุรกันดารบ้างหรือไม่

ไม่เคยมีเลยสักครั้ง ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงเสด็จไปภาคใต้ ฝนตกหนักตลอดทั้งวัน พื้นที่เข้าถึงยากลำบาก ส่วนล่วงหน้ากราบบังคมทูล ว่า วันนี้ควรงดเสด็จเถิด พระสุระเสียงตอบผ่านทางวิทยุสื่อสารทันที ว่า ไม่เป็นไร ฝนตกก็ตกไป เดี๋ยวไปถึงก็เดินฝ่าฝนกันไป ผ่านสวนยางพาราไป ลุยดงทากเต็มไปหมด พระองค์ท่านยังเคยถูกทากเกาะที่พระศอ (คอ) เลย

- ทำไมพระองค์ท่านต้องเสด็จไปยังพื้นที่ซ่อนเร้นแร้นแค้น ทุรกันดารด้วยพระองค์เอง

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รัฐบาลจะต้องกำหนดโครงการว่าจะไปทำที่ไหน งบประมาณเท่าไร ผลประโยชน์เป็นอย่างไร คุ้มหรือไม่ แต่ว่าพื้นที่ที่อยู่ลึก ๆ เข้าไปข้างในพื้นที่ชนบท พระองค์ท่านทรงเรียกว่า พื้นที่ซ่อนเร้นแร้นแค้น ทุรกันดาร มีเป็นจำนวนมาก หมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไป รัฐบาลเข้าไปพัฒนาไม่ถึง รัฐบาลปัจจุบันหรือว่ายุคสมัยไหนก็เข้าไปไม่ถึง แต่ประชาชนเดือดร้อน มีความทุกข์ ไม่มีน้ำทำการเกษตรกรรม ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้

งานตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแต่ละปี เข้าไปไม่ได้ทุกท้องที่ ราชการจะเข้าไปที่ไหนต้องคำนึงถึงงบประมาณลงทุนแต่ละแห่ง ผลประโยชน์ตอบแทนคุ้มหรือไม่ อยู่ ๆ จะลากจอบ ลากเสียมไป สำนักงบประมาณไม่อนุมัติ พื้นที่ที่ทางราชการทำ คือ พื้นที่ที่สามารถพัฒนาและเกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ แต่พื้นที่ที่พระองค์เข้าไป คือ พื้นที่ที่ทางราชการเข้าไปไม่ถึง ซ่อนเร้นแร้นแค้น ร้องทุกข์กับข้าราชการ ข้าราชการทำอะไรไม่ได้ กองเรื่องร้องทุกข์ไว้รอบตัวเต็มไปหมด

- เคยสนองงานพระองค์ท่านทั้งในระบบราชการปกติกับระบบในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แตกต่างกันอย่างไร

พระองค์ท่านทรงรับสั่งเองว่า งานราชการทำอย่างไรก็เข้าไปไม่ถึง เพราะขั้นตอน กฎระเบียบ กระบวนการมากมาย คำนึงถึงผลตอบแทนเป็นหลัก พื้นที่ไหนมีปัญหาร้องเรียนไปที่หน่วยงานราชการเงียบหายหมด พระองค์ท่านรับสั่งอยู่เสมอ ว่า ที่ฉันมาทำ ไม่ได้แย่งงานของราชการนะ แต่ว่าเข้าไปในพื้นที่ที่เขาร้องเรียนมา ฎีกามา ข้าราชการเข้าไปไม่ถึง ช่วยรัฐบาล เสริมรัฐบาล ช่วยราชการ เติมเต็มในพื้นที่ที่ราชการไปไม่ถึง ห่างไกลความเจริญ อย่างเช่นพื้นที่ก่อการร้ายสีแดง สีชมพู ภาคอีสาน พระองค์ท่านทรงเข้าไปบ่อยครั้งมาก การพัฒนาต่าง ๆ เกิดขึ้น ความสงบจึงเกิดขึ้นตามมา

- ช่วงที่พระองค์ท่านเสด็จไปในพื้นที่ที่คอมมิวนิสต์อาศัยมีอันตรายอย่างไร

พระองค์ทรงไม่ได้คำนึงถึงว่าพื้นที่ใดเป็นคอมมิวนิสต์ ทรงรับสั่ง ว่า ที่เขาเป็นอย่างนี้เพราะ ยากจน ราชการไม่ได้เข้าไปสงเคราะห์เขาเท่าที่ควร จึงเกิดการปลุกปั่น เกิดความแตกต่างทางความคิด พระองค์ท่านไม่เคยรับสั่งว่าพวกนี้ คือ คอมมิวนิสต์ ทรงรับสั่งว่า เขายากจน ครั้งหนึ่งบรรณาธิการสำนักข่าวต่างประเทศ Far Eastern Economic Review ขอตามเสด็จไปด้วย นักข่าวต่างประเทศคนนั้น

ถามประโยคหนึ่ง ว่า เหตุผลที่พระองค์ทรงเสด็จไปหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่สีชมพูเพราะต้องการไป ต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ใช่หรือไม่ พระองค์ท่านทรงบอกว่า ไม่ใช่ (เน้นเสียง) ไม่ใช่ไปต่อสู้กับคอมมิวนิสต์แต่ไปต่อสู้ ขจัดความยากจน ให้กับหมู่บ้าน ให้กับประชาชนที่บอกมา ไม่เคยคำนึงถึงว่าใคร คือ คอมมิวนิสต์

พระองค์ทรงตรัสว่า ผู้ที่เรียกเขาว่าคอมมิวนิสต์ อันที่จริงไม่ใช่ แต่เป็นเพราะความขัดแย้งทางความคิด ยากจนและไม่ได้รับความเหลียวแล พระองค์จึงทรงเสด็จไปในพื้นที่ในช่วงแรก ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นภาคอีสาน แถบเชิงเขาภูพาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม อำเภอเมือง อำเภอโคกศรีสุพรรณ อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร อุดรธานี และกาฬสินธุ์ เพราะฉะนั้นพระองค์ท่านทรงเข้าไปเพราะว่าความทุกข์ยาก ไม่เคยรับสั่งว่าเป็นคอมมิวนิสต์

- พระองค์ทรงไม่กลัวเรื่องการสู้รบในพื้นที่และทำให้เกิดอันตราย

ไม่เลย พระองค์ไม่เคยสนพระราชหฤทัยเรื่องนี้ทั้งสิ้น บางทีทรงงานค่ำมืดที่หมู่บ้าน ในอำเภอนาแก นครพนม นายทหาร ตำรวจราชองครักษ์หนักใจมาก ไม่อยากให้พระองค์ท่านทรงงานค่ำมืด เพราะทำให้ยุทธศาสตร์การถวายความปลอดภัย โดยใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อเป็นพระราชพาหนะเสด็จกลับจะต้องเปลี่ยนทันที ไม่สามารถใช้เฮลิคอปเตอร์ได้ ต้องเปลี่ยนเป็นขบวนรถเพื่อพาพระองค์เสด็จกลับ พระองค์ไม่ทรงว่าอะไร เอาอย่างไรก็ได้ เป็นความแน่วแน่ของพระองค์ท่าน และพระองค์ท่านทรงเชื่อว่าถ้ารัฐบาล เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไปทำความเจริญพอสมควร ราษฎรมีความเจริญพอสมควร ปัญหาที่เรียกว่าคอมมิวนิสต์จะไม่เกิดขึ้น

- การแก้ปัญหาของพระองค์ท่านกับการแก้ปัญหาของนักการเมืองแตกต่างกันอย่างไร

พระองค์ท่านทรงแก้ปัญหาประชาชนโดยตรงที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ทรงหวังผลตอบแทนอะไร ทรงหวังอย่างเดียวให้ปัญหาหมดไป มีน้ำกินน้ำใช้ มีน้ำทำการเกษตร ซึ่งเป็นเป้าหมายของพระองค์ท่านในยุคแรก ๆ เป็นงานไม่ใหญ่โต ระยะเวลาโครงการสร้างเสร็จภายใน 1 ปี กระจายไปให้ทั่วถึงในพื้นที่ซ่อนเร้นแร้นแค้น ห่างไกลความเจริญ งานขนาดย่อม ๆ เช่น

ขุดลอก หนอง บึง เพื่อกักเก็บน้ำไว้ในหมู่บ้าน ซึ่งงานประเภทนี้รัฐบาลเข้าไปไม่ถึง รัฐบาลมุ่งแต่งานใหญ่ ๆ เป็นกอบเป็นกำ

การแก้ปัญหาของนักการเมืองไม่มีอะไรเป็นสาระ ไม่เป็นรูปธรรมที่จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน การทำงานหวังผลประโยชน์ของเขา ได้งบประมาณมาไปทำโน่น ทำนี่ สัพเพเหระ เพื่อให้ได้คะแนนเสียง ส.ส.ไม่มีอุดมการณ์ทำประโยชน์เพื่อประชาชน

- การทรงงานของพระองค์ไม่ได้ทรงงานเพื่อมุ่งประโยชน์ส่วนพระองค์และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจเป็นหลัก

ถูกต้อง พระองค์รับสั่งอยู่เสมอว่า งานที่ทำคิดให้ดี คิดให้ละเอียด คิดให้รอบคอบ ทำแล้วคุ้มก็ทำ พระองค์ท่านอธิบายความหมายของคำว่าคุ้ม ว่า คุ้ม ไม่ใช่คุ้มในเชิงเศรษฐศาสตร์ เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจนะ คุ้มของพระองค์หมายความว่า ทำงานโครงการแบบนี้แล้วประชาชนมีน้ำกิน น้ำใช้ มีความสุขเพิ่มขึ้นกว่าเดิม พื้นที่ซ่อนเร้นแร้นแค้นมีน้ำปลูกพืชผักสวนครัวรอบหมู่บ้าน ไม่ใช่มีน้ำไว้ทำนาปรัง

คำว่า คุ้ม หมายความว่า ทำให้หมู่บ้านที่เดือดร้อน มีความสุขขึ้น พระองค์ท่านทรงรับสั่งว่า หมู่บ้านชนบทไม่ว่าจังหวัดไหนก็ตาม ไปลงทุน ไม่มีคำว่าคุ้มในทางเศรษฐศาสตร์หรอก เพราะเขายากจน เป็นพื้นที่ซ่อนเร้นแร้นแค้น แล้วจะมีความคุ้มทางเศรษฐศาสตร์ได้อย่างไร เมื่อรัฐบาลรู้เขาจึงไม่เข้าไป ทอดทิ้ง อย่างไรก็ตามโครงการที่พระองค์ทรงทำจะมีความคุ้มในด้านทำให้ประชาชนมีความ สุขขึ้น

พระองค์ทรงทำงานในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อช่วยงานรัฐบาล ในแง่ของความมั่นคงด้วยเพราะมีความสำคัญ ทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือของชาวไทยภูเขาบนดอย หาทางให้เขาเลิกปลูกฝิ่นให้ได้ รวมถึงภาคใต้

- พระองค์ท่านเสด็จทรงงานโดยไม่แบ่งแยกสี เชื้อชาติ วรรณะ

ไม่แบ่งสี ไม่แบ่งชนชั้น ไม่แบ่งแยกภูมิภาค ทุกพื้นที่ของประเทศที่มีปัญหา พระองค์ทรงเสด็จไปทั้งหมด


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ปราโมทย์ ตามรอยพระยุคลบาท ดำริพระราชา ราษฎรมีความสุขขึ้น

view