สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ร.๔ ตัดสินคดี จอมขมังเวทย์ สักประจานที่หน้าผาก แล้วเนรเทศออกจากกรุงเทพฯและปริมณฑล

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

โดย โรม บุนนาค

ร.๔ ตัดสินคดี“จอมขมังเวทย์”! สักประจานที่หน้าผาก แล้วเนรเทศออกจากกรุงเทพฯและปริมณฑล!!
พระบาทมเด็ขพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

        คาถาอาคมนั้นเป็นเรื่องที่คนไทยสมัยก่อนเชื่อกันมาก ถึงสมัยนี้ก็เถอะ คนที่ยังไม่ยอมตื่นก็ยังมีอยู่ไม่น้อย ถึงแม้คาถาอาคมจะทำร้ายคนไม่ได้จริง แต่ถ้าคนถูกทำเชื่อถือในเรื่องนี้ ก็จะทำให้เกิดความหวาดกลัว เป็นเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอย่างมาก หรืออาจจะเป็นจริงไปตามคำสาปแช่งก็ได้ถ้าเชื่ออย่างหัวปักหัวปำ
       อย่างน้อยคนที่ทำคาถาอาคมก็ได้แสดงเจตนาร้ายต่อผู้อื่น และลงมือทำร้ายตามความเชื่อของตน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องถูกลงโทษ และป้องปรามไม่ให้เกิดการทำสงครามประสาทกันด้วยวิธีนี้
       
       มีคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ คนถูกทำเป็นถึงขุนนางผู้ใหญ่ชั้นพระยา และคนทำยังอาจเอื้อมไปถึงเจ้าจอมฝ่ายในด้วย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงต้องทรงพิจารณาโทษคนทำอย่างสาสม เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่คนที่คิดจะเป็นจอมขมังเวทย์
       
       เหตุเกิดใน พ.ศ.๒๔๐๓ เมื่อพระยาสามภพพ่าย จางวางกรมทหารใน พบกระทงใบหนึ่งจุดเทียนลอยน้ำมาในคลองหน้าบ้าน ในกระทงนั้นนอกจากจะมีชื่อพระยาสามภพพ่ายและภรรยาแล้ว ยังมีชื่อ อำแดงสุ่น กับทาสของอำแดงสุ่นซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้เคียงกัน ทั้งยังมีชื่อเจ้าจอมฝ่ายในซึ่งเป็นญาติของพระยาสามภพพ่ายเขียนไว้ที่พื้นกระทงด้วย พร้อมกับมีหมากพลูคำหนึ่ง
       
       พระยาสามภพพ่ายนำกระทงมาร้องเรียนเจ้าพระยายมราช และกล่าวว่าสงสัยจะเป็นฝีมือของ จีนเสง ซึ่งจอดแพอยู่ใกล้ๆบ้านเจ้าคุณนั่นเอง
       
       เจ้าพระยายมราชให้นำตัวจีนเสงมาชำระความ แต่จีนเสงปฏิเสธ เจ้าพระยายมราชจึงให้ค้นสำนวนคดีเก่าที่จีนเสงเคยมาทำสัญญาประกันทาสไว้ ปรากฏว่าลายมือตรงกับลายมือในกระทง จีนเสงเลยจำนนต่อหลักฐาน ยอมรับสารภาพ และให้การว่าเรียนคาถาอาคมนี้มาจากสมีน้อย ซึ่งตายไปแล้ว เหตุที่ทำก็เพราะตนกำลังมีคดีอยู่กับอำแดงสุ่น เกรงว่าอำแดงสุ่นจะทำเรื่องราวร้องถวายฎีกา โดยฝากพระยาสามภพพ่ายไปให้ญาติที่เป็นเจ้าจอมนำขึ้นทูลเกล้าฯ จึงนำชื่อของคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาเขียนใส่กระทงลอยน้ำไป เพื่อให้คดีความนี้หายไปกับสายน้ำ
       
       ฟังเหตุผลที่ให้การมาก็น่าเชื่อว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ แต่พระยาสามภพพ่ายว่าน่าจะเป็นสาเหตุอื่นมากกว่า เนื่องจากที่ดินซึ่งอำแดงสุ่นจอดแพอยู่ติดกับที่ของจีนเสงนั้นเป็นที่ของเจ้าจอม จีนเสงมาเสนอขอซื้อก่อน เมื่ออำแดงสุ่นทราบเรื่องก็มาขอซื้อเหมือนกันโดยเสนอราคาที่สูงกว่าที่จีนเสงให้ เจ้าจอมก็เลยขายให้อำแดงสุ่น ทำให้จีนแดงโกรธแค้นเจ้าจอม แล้วพาลโกรธคนอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งพระยาสามภพพ่ายและภรรยาที่เป็นตัวกลางระหว่างอำแดงสุ่นกับเจ้าจอม จึงเขียนชื่อทั้งหมดใส่กระทงด้วยความอาฆาตแค้น
       
       เมื่อเจ้าพระยายมราชนำความขึ้นกราบบังคมทูล จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสว่า การกระทำของจีนเสงนั้นเหมือนกับคนเสียจริต การเขียนชื่อคนทำคาถาอาคมให้ป่วยไข้ล้มตายแบบนี้ ถ้าคนไม่เชื่อไม่สะดุ้งสะเทือนต่อการกระทำ ก็ควรจะตัดสินว่าเป็นการกระทำของคนเสียจริต ให้เลิกแล้วกันไป แต่วิธีการนี้เป็นทางหากินของพวกอวดตัวว่าเป็นหมอคาถาอาคม พวกหนึ่งอวดว่าเป็นหมอทำ อีกพวกก็อวดตัวว่าเป็นหมอแก้ คนที่หลงเชื่อก็เสียแต่เงินสินจ้างสินบน ให้ทำคนอื่นบ้าง แก้ที่ถูกคนอื่นทำบ้าง พระราชกำหนดกฎหมายเก่าจึงให้จับคนที่เป็นผีปอบฆ่าเสียก็มี และถ้าจับได้ว่าใช้เลขยันต์ในคดีความก็ให้ปรับเป็นแพ้คดี ทั้งยังมีเบี้ยปรับด้วย ส่วนหมอที่ทำเสน่ห์เล่ห์มนต์ หรือทำจะให้เจ็บป่วยล้มตาย ถ้าเกี่ยวข้องเข้าไปถึงพระราชวังและข้าราชการ ก็ให้ลงพระราชอาญาถึงประหารชีวิตก็มี จำคุกก็มี มีตัวอย่างหลายเรื่องมาแล้ว
       
       ครั้งนี้จีนเสงอาจเอื้อมเอาชื่อเจ้าจอมข้างในพระบรมมหาราชวังใส่ด้วย และชื่อพระยาสามภพพ่ายซึ่งทรงพระกรุณาชุบเลี้ยงให้เป็นจางวางกรมทหารใน ใส่กระทงทำวิชาลอยไปเป็นที่หวาดหวั่นและสะดุ้งสะเทือนแก่ผู้เป็นเจ้าของชื่อ ครั้นจะให้ลูกขุน ณ ศาลาหลวงพิจารณาโทษ ก็เห็นว่าจะแรงไป เพราะมีตัวอย่างให้ลงโทษมาแล้ว แต่ครั้นจะถือว่าเป็นการกระทำของคนเสียจริตให้เลิกแล้วต่อกันเสีย ก็มีกฎหมายเก่าว่าต้องลงโทษ ทั้งจะทำให้เห็นว่าจีนเสงมีวิชาดีไม่ต้องโทษ ทำให้มีคนนับถือมากขึ้น ต่อไปโกรธใครเกลียดใครก็มาหาจีนเสงทำให้ จะมีการทำร้ายกันด้วยวิชาแบบนี้มากขึ้น
       
       อนึ่ง ถ้าจีนเสงอยู่ในกรุงเทพฯต่อไป ก็จะได้ใจทำวิชาขลังแบบนี้อีกเรื่อยๆ จะอาจเอื้อมขึ้นไปถึงพระนามพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า หรือข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายในพระบรมมหาราชวังและวังหน้า หรือถ้าผู้ที่นับถือจีนเสงเป็นผู้มีวาสนาบรรดาศักดิ์ ก็จะเป็นที่ขุ่นข้องหมองหมางผู้มีบรรดาศักดิ์ด้วยกัน เพราะฉะนั้นโทษทัณฑ์ตามกฎหมายอย่างเก่าที่ลูกขุนควรจะปรึกษาพิจาณาโทษของจีนเสงนั้น ให้ยกเสียทั้งสิ้น ให้เป็นแต่สักหน้าผากจีนเสงว่า
       
       “มักทำวิชาการเขียนชื่อคนลอยน้ำทำให้คนตกใจ”
       
       แล้วขับไล่จีนเสงกับบุตรภรรยาและทาสออกไปจากแขวงกรุงเทพฯ และแขวงเมืองนนทบุรี แขวงเมืองนครเขื่อนขันธ์ แขวงเมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นแขวงใกล้กรุงเทพฯ ทรัพย์สมบัติและแพเรือนนั้น ให้ขนย้ายไปให้พ้นแขวงทั้ง ๔ นี้ภายใน ๑๕ วัน ที่ดินจอดแพหรือสวน นา ที่มีอยู่ในแขวงทั้ง ๔ นี้ ไม่โปรดให้เป็นของจีนเสงต่อไป ตกเป็นของหลวง และห้ามไม่ให้ผู้ใดในแขวงกรุงเทพฯกับแขวงทั้ง ๔ ที่เป็นปริมณฑลคบหาสมาคมกับจีนเสงเป็นอันขาด ให้ด่านทั้งปวงใน ๔ แขวงคอยจับตาดู ถ้าจีนเสงกับบุตรภรยาและทาสล่วงล้ำเข้ามา ให้จับตัวไว้แล้วปรับไหม ให้เสียเงินแก่คนจับได้คนละสองตำลึงกึ่ง หรือจะจับเอาตัวไปเป็นไพร่โรงสีหลวง หรือจำคุกไว้ตามโทษก็ได้
       
       ส่วนอำแดงอิ่ม ภรรยาจีนเสง ซึ่งต้องห้ามเข้ามาในกรุงเทพฯและหัวเมืองทั้ง ๔ ด้วยนั้น ถ้าหย่าขาดจากผัวเมื่อใดก็พ้นข้อห้ามนี้ สำหรับทาสของจีนเสงก็เช่นกัน เมื่อไถ่ตัวแล้วไปอยู่กับคนอื่นให้บอกนายอำเภอเป็นพยานจึงพ้นห้าม หรือจะส่งเงินไถ่ตัวเสียตอนนี้ไม่ไปกับจีนเสงก็ได้
       
       สำหรับคนในหัวเมืองที่จีนเสงไปอยู่ ถ้าผู้ใดยังขืนคบหาสมาคมกับจีนเสงผู้ถูกสักหน้าเช่นนี้ด้วยแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นคนพอใจในวิชามนต์คานี้ด้วย หรือถ้าจีนเสงได้รับความนับถือมีผู้ไปขอเรียนวิชากันมาก หรือไปขอให้ทำเวทย์มนต์คาถาสาปแช่งคนอื่นอีก ก็ให้จับกุมไว้ แล้วแจ้งไปยังกรุงเทพมหานครให้ทราบ
       
       จะเห็นว่าโทษของคนที่ทำไสยศาสตร์ในสมัยนั้น หนักหนาสาหัสมาก ถูกสักหน้าผากประจานไปทั่ว ห้ามเข้ามาในกรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งยังห้ามคนคบไปมาหาสู่ด้วย ซึ่งแสดงว่าวิชาหลอกลวงคนแบบนี้ได้รับการปราบปรามอย่างหนักในสมัยนั้น คดีนี้ยังถือว่าโชคดีที่ไม่ถูกส่งตัวให้ลูกขุนพิจารณาตามกฎหมาย ซึ่งก็คงต้องตายลูกเดียว ที่เอาคนในพระราชวังและขุนนางผู้ใหญ่มาสาปแช่งใส่กระทง แต่แค่สักหน้าผากแบบนี้ ทั้งยังห้ามคนคบหาสมาคมด้วย ถึงไม่ต้องติดคุก ไม่ถึงตาย ก็คงเฉาตายแน่ ถ้าไม่แอบไปเป็นจอมขมังเวทย์อีก เพราะยังมีคนหลงเชื่อแบบนี้ให้หลอกอีกแยะ
       
        แปลกใจที่สมัยก่อนก็ปราบปรามการทำคาถาอาคมหลอกคนแบบนี้อย่างหนักอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมสูญพันธุ์ ทุกวันนี้ถึงแม้จะมีดาวเทียม มีคอมพิวเตอร์ และเขาจะไปจับจองที่ในดาวอังคารกันแล้ว แต่การทำเวทย์มนต์คาถาก็ยังมีอยู่ และคงจะมีอยู่ตลอดไปตราบที่ยังมีคนยังไม่ยอมตื่น


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ร.๔ ตัดสินคดี จอมขมังเวทย์ สักประจานที่หน้าผาก เนรเทศ ออกจาก กรุงเทพฯและปริมณฑล

view