สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หลวงปู่พุทธะอิสระ ตอกย้ำพฤติกรรมความชั่วร้ายของพวกลัทธิกบฏผีบุญ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ตอกย้ำพฤติกรรมความชั่วร้ายของพวกลัทธิกบฏผีบุญ

        “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ย้อนเรื่องราวคดีความ “เจ้าลัทธิผีบุญ” เงินหนาจ่ายดะเคลียร์คดีปาราชิกข้อหายักยอกทรัพย์สินของวัด คดีบุกรุกที่ดินสาธารณะ ฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ชี้หากไม่สำเร็จก็จะออกมาโกหกว่าถูกใส่ร้าย ถูกรังแก ล่าสุด ลิ่วล้อเดินสายระดมพระ เณร ญาติโยม เข้าร่วมสวดมนต์แท้จริงแล้วก็คือมากดดันรัฐบาลนั่นเอง
       
       วันนี้ (27 ก.พ.) เมื่อเวลา 07.00 น. พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ หลวงปู่พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กหลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ว่า “ยิ่งนานวัน คนไทยยิ่งเห็นธาตุแท้ของพวกลัทธิกบฏผีบุญได้มากยิ่งขึ้น ไล่ตั้งแต่หัวหน้าผีบุญถูกองค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงโจทย์ด้วยอาบัติปาราชิกด้วยข้อหายักยอกทรัพย์สินของวัด และอวดอุตริมนุสธรรม รวมทั้งย่ำยีพระธรรมวินัย และแล้วสาวกลัทธินี้ก็พากันไปปิดล้อมวัดบวร และวางระเบิดวัดชนะ
       
       ต่อมาเจ้าลัทธิผีบุญก็จ่ายเงินใช้บริวารเคลียร์คดี แม้แต่องค์คณะผู้พิจารณาคดีชั้นต้นของเจ้าคณะปกครองสงฆ์ ก็ไม่ยอมตัดสินอธิกรณ์เฉยเลย ด้วยข้ออ้างว่า ได้คืนทรัพย์ที่ยักยอกไปแล้ว อาบัติปาราขิกก็เป็นอันระงับไป ทั้งที่มันไม่สามารถระงับได้
       
       นี่คือ จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ในการประกาศไม่ยอมรับพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม และกฎหมายบ้านเมือง แม้ในช่วงเวลาก่อนหน้า ปี ๔๒ จนถึงปี ๕๘ เจ้าลัทธิกบฏผีบุญและพวกก็มีคดีบุกรุกที่ดินสาธารณะ ฉ้อโกงประชาชนจนเป็นคดีถึง ๕๗ คดี แต่ไอ้กบฏตัวนี้มันก็ใช้มุขเดิม คือ ใช้เงินปิดคดี
       
       จนมาถึงยุครัฐบาลนายกฯปู ได้เกิดคดีฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ซึ่งมีผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่นำเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตที่เก็บสะสมเอาไว้ ไปฝากเพื่อจะได้กินดอก แต่มาถูกนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์และเป็นอัครอุบาสก ไวยาวัจกร ของลัทธิกบฏผีบุญ โกงเงินฝากไปเล่นแร่แปรธาตุ มอบให้กับเจ้าลัทธิจนกลายเป็นคดี
       
       แล้วไอ้ลัทธิกบฏผีบุญพวกนี้มันก็ใช้มุกเดิม คือ จ่ายเงินเคลียร์คดี จน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ออกมายืนยันว่า นายศุภชัย ไม่ผิด นี่คือ ความชั่วร้ายของพวกกบฏผีบุญที่ปรากฏ
       
       ในเวลาต่อมาถึงยุครัฐบาล คสช. พี่น้องชาวสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ได้มาร้องขอให้ฉันเป็นธุระนำพาพวกเขาไปแจ้งความร้องทุกข์ ฉันได้พบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ขอร้องให้เขาไปพูดกับเจ้าลัทธิกบฏผีบุญ ว่า คนแก่เหล่านี้เขาไม่ต้องการเอาเรื่อง แค่ขอให้คืนเงินที่นายศุภชัยโกงจากพวกเขาไป แล้วไปบริจาคให้กับลัทธินี้ ขอให้คืนเงินเหล่านั้นมา เพราะเป็นเงินที่ไม่ใช่ของนายศุภชัย และเจ้าของเงินเขาก็ไม่ได้ยินดีบริจาค
       
       ต่อมาฉันไปติดความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอรายงานฉันว่า เจ้าลัทธิกบฏผีบุญ แจ้งมาว่า หากอยากได้เงินคืนก็ให้ไปฟ้องเอาเอง ผู้เสียหายจึงได้รวมตัวกันไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เจ้าลัทธิและบริวารจึงยอมเจรจาคืนเงินให้ โดยมีข้อตกลงว่าจ่ายเงินแล้วจบนะ แต่ที่จบคือคดีแพ่ง คดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ ดีเอสไอที่รับคดีเอาไว้จึงต้องดำเนินคดีไปตามกระบวนการของกฎหมายดังที่ปรากฏ
       
       และด้วยพฤติกรรมที่ไม่เคารพกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และพยายามขายอิทธิพล ถึงขนาดเหิมเกริมบุกรุกที่ดินสาธารณะ ลำคลองสาธารณะ และป่าสงวนมาเป็นสิบๆ ปี ด้วยการจ่ายเงินให้ลิ่วล้อไปทำเอกสารสิทธิโดยมิชอบ พอถึงยุครัฐบาล คสช. จึงถูกตรวจสอบ แล้วกลายมาเป็นคดีอย่างที่ปรากฏ
       
       เมื่อมีเรื่องราวคดีความเกิดขึ้น พวกลัทธิกบฏผีบุญนี้ นอกจากจะจ่ายเงินล้มคดีแล้ว หากไม่สำเร็จ พวกลัทธินี้ก็จะออกมาโพนทะนา ว่า ถูกรังแก ถูกใส่ร้าย จากผู้ที่อิจฉาตาร้อน ไม่เว้นแม้แต่การโป้ปดมดเท็จ โกหกหลอกลวง ใส่ร้ายผู้อื่น
       
       ตัวอย่างเช่น กรณีกล่าวอ้างว่าพุทธะอิสระนั่ง ฮ. ตำรวจไปตรวจแนวบริเวณที่ตั้งของลัทธิกบฏผีบุญ ถึงขนาดนำรูปภิกษุนั่ง ฮ. มากล่าวอ้างว่าเป็นพุทธะอิสระ รวมทั้งนำภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาส่งพุทธะอิสระขึ้นรถ และทำความเคารพ ไอ้พวกกบฏผีบุญมันก็โพสต์บอกแก่สาวกมันว่า พุทธะอิสระไปบัญชาการเจ้าหน้าที่อยู่ที่จังหวัดปทุม
       
       แม้แต่โกหกว่า สำนักงานสิทธิมนุษยชน ม.มหิดล ออกมาร่วมแถลงการณ์ให้ยุติมาตรา ๔๔ และให้ยุติการค้นลัทธิกบฏผีบุญในเวลากลางดึก ซึ่งในเวลาต่อมามหาวิทยาลัยมหิดลได้ออกมาแถลงการณ์ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวนั้นยุติการกระทำดังกล่าวทันที เพราะเป็นการแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยมหิดล ในทางที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง
       
       ล่าสุด พวกลิ่วล้อลัทธิชั่วนี้ออกเดินสายไปตามวัดต่างๆ เพื่อนิมนต์พระเณรให้เดินทางมาร่วมสวดมนต์ที่สำนักของลัทธินี้ ซึ่งวิธีการเคลื่อนไหวของพวกลัทธินี้ คือ สั่งการให้หัวหน้าสายประจำจังหวัด อำเภอ หรือตำบล ออกเดินทางไปตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศที่เคยมารับกิจนิมนต์จากลัทธินี้ทุกปี ให้พระและสามเณร ญาติโยมที่อยู่ใกล้เคียงวัดนั้น ร่วมออกเดินทางมุ่งสู่สำนักงานใหญ่ที่คลองหลวงด้วยขออ้างว่ามาสวดมนต์ ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็คือมากดดันรัฐบาลนั่นเอง”


ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 

ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร
        MGR Online - ชาวบ้านแจ้งดีเอสไอค้นศูนย์อบรมเยาวชนวัดพระธรรมกาย พบพระ 12 รูป ขอตรวจหลักฐานไร้ใบสุทธิ อ้างเพิ่งบวช 
       
       วันนี้ (27 ก.พ.) เมื่อเวลา 07.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่งได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่บริเวณด้านหลังวัดพระธรรมกาย หมู่ที่ 7 ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี หลังมีการข่าวแจ้งว่าพบกลุ่มคนและพระภิกษุสงฆ์อาศัยอยู่หลังวัดจำนวนมาก โดยบริเวณดังกล่าวเป็นศูนย์อบรมเยาวชนคลองหลวง บนเนื้อที่ประมาณ 52 ไร่เศษ อยู่หมู่ที่ 7 ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พบมีกลุ่มพระภิกษุสงฆ์จำนวน 12 รูป เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจโดยรอบที่มีโกดังขนาดใหญ่เป็นตู้คอนเทนเนอร์ ภายในถูกใช้เป็นตู้เก็บของ ไม่พบสิ่งผิดปกติ ทั้งนี้เมื่อขอตรวจใบสุทธิการบวชเป็นพระ พบว่าไม่สามารถนำมาแสดงได้ โดยอ้างว่าเพิ่งบวชใหม่
       
       จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าประตูทางเข้าปิดด้วยรั้วเหล็กทับด้วยสแลนด์สีดำ มีป้ายข้อความสีขาวระบุว่า “รับสมัครช่างเหล็ก-ช่างปูน-คนงาน” ล้อมรอบด้วยสังกะสี สแลนสีเขียว และรั้วลวดหนาม โดยภายในมีอาคารปลูกสร้าง พร้อมตู้คอนเทนเนอร์ 2 ตู้วางไว้ใต้หลังคาซึ่งติดตั้งพัดลมเพดานไว้ และพบพระสงฆ์จำนวน 12 รูปอาศัยอยู่ภายใน มีเต็นท์มุ้งครอบเป็นที่พัก นอกจากนี้ยังมีทั้งห้องน้ำ เครื่องซักผ้า ฯลฯ
       
       สำหรับพระสงฆ์ที่พบเบื้องต้นเดินทางมาจาก จ.เชียงราย เพื่อเข้าร่วมโครงการกับทางวัดพระธรรมกาย เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบใบสุทธิกลับไม่พบเอกสาร โดยอ้างว่าบวชมาได้ 10 วัน ยังไม่ได้รับใบสุทธิจากเจ้าคณะอำเภอ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบบัตรประชาชนและลงบันทึก หลังจากนั้นจะให้สำนักพระพุทธศาสนาฯ มาตรวจสอบต่อไป
       
       ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าวทราบว่าพื้นที่นี้ถูกขายไปให้กับมูลนิธิวัดพระธรรมกายตั้งแต่ปี 2555 หลังจากนั้นมีพระจำนวน 2 รูปเข้ามาในพื้นที่พร้อมตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 2 ตู้ พร้อมคนงานก่อสร้างจำนวนหนึ่งมาก่อสร้างโดยอ้างกับชาวบ้านว่าจะทำเป็นสถานปฏิบัติธรรม ตลอดเวลาจะมีบุคคลนุ่งขาวห่มขาวเดินเข้าออกอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานชาวบ้านได้ยินเสียงสวดมนต์ลักษณะคล้ายพิธีอุปสมบท จนพบว่ากลุ่มคนที่นุ่งขาวห่มขาวก่อนหน้านี้ได้นุ่งผ้าเหลืองและออกบิณฑบาตตามปกติ สร้างความแปลกใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งชาวบ้านได้ประสานไปยังเจ้าคณะอำเภอให้ช่วยตรวจสอบว่าเป็นพระปลอมหรือพระจริง
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหาร ดีเอสไอ และ พศ.จะเชิญพระ 12 รูปไปสอบสวนที่วัดดาวเรือง ต.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
       
       ต่อมา เวลา 10.00 น.นายสงคราม ไชยนาม สำนักพระพุทธสาสนาแห่งชาติ ได้นิมนต์พระทั้ง 12 รูปไปตรวจสอบว่าเป็นพระจริงหรือไม่ ที่วัดตะวันเรือง ตำบลคลองสี่ อำเภอคลอง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากศูนย์อบรมเยาวชน โดยมีพระครูมงคล กิจจาระ เจ้าอาวาสวัดมงคลพุการาม เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีร่วมในการตรวจสอบด้วย ซึ่งพระจำนวน 9 รูปเป็นพระที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด โดยได้มาบวชตามโครงการของวัดพระธรรมกายเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากการตรวจสอบพบว่าพระทั้งหมดบวชถูกต้องตามระเบียบของสงฆ์ สำนักพระพุทธศาสนาจึงได้บันทึกประวัติและถ่ายรูปไว้เป็นหลัก โดยพระทั้ง 9 รูปนี้ มีพระมงคล กิจจาระ เป็นพระอุปชฌาย์ แต่มีพระบางรูปยังไม่ได้ใบสุทธิ อยู่ในขั้นตอนระหว่างออกให้ส่วนพระอีก 3 รูปเป็นพระของวัดพระธรรมกาย
       พระครูมงคล กิจจาระ เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง กล่าวว่า พระทั้ง 9 บวชถูกต้องก็ให้กลับไปพักที่เดิมที่ศูนย์อบรมเยาวชน ส่วนพระรูปใดที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมก็ต้องมาแจ้งให้ทราบ
       แหล่งแจ้งว่าศูนย์อบรมเยาวชนแห่งมีพระพักอยู่จำนวนมากก่อนหน้านั้น เมื่อมีเหตุการณ์หน่วยงานของรัฐเข้าตรวจสอบวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่องทำให้พระบางส่วนได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่เขามาตรวจสอบ 

ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร
        

ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร
        

ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร
        

ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร
        

ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร
        

ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร
        

ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร
        

ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร

พลีชีพเพื่อธัมมี่! ธรรมะไม่ได้สอนให้ฆ่าตัวตาย

โดย ผู้จัดการรายวัน

พลีชีพเพื่อธัมมี่! ธรรมะไม่ได้สอนให้ฆ่าตัวตาย
         
        “ลมหายใจนี้เพื่อวัดธรรมกาย” ชายสูงวัยปีนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์สูง 30 เมตร พร้อมชูป้ายท้าทาย “ความตาย” ให้ยกเลิกมาตรา 44 ก่อนปลิดชีพผูกคอตายสังเวยเพื่ออุดมการณ์ ท่ามกลางสายตาประชาชนกว่าหลายร้อยชีวิต! สิ้นสุดลมหายใจแต่นำมาซึ่งคำถาม..ทำไมถึงยอมตายเพื่อ “ลัทธิ” ที่อ้างตนว่าคือ “พระพุทธศาสนา”
       

       
       “ลมหายใจนี้” เพื่ออุดมการณ์?
       
        “ขอความเมตตากรุณายกเลิก มาตรา 44 หากทำไม่ได้ก่อน 21.00 น.วันนี้ เก็บศพได้เลย”
        
        
        ข้อความท้าทาย “ความตาย” ฉบับที่หนึ่งถูกเขียนด้วยลายมือ ติดโชว์อยู่บนเสาโทรศัพท์ ด้วยความสูงประมาณ 30 เมตร จากชายสูงอายุรายหนึ่งที่ประกาศความตายต่อหน้าต่อตาสาธารณชนกว่าหลายร้อยชีวิต พร้อมชูป้ายข้อความแผ่นที่สอง “พระเณร คนแก่ ถูกข่มเหง รังแกกลั่นแกล้งด้วยวิธีต่างๆ นานา สังคมปัจจุบัน คนดีอยู่ยาก” ท่ามกลางสายตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เจรจาต่อรองเพื่อช่วยชีวิต
        
        ก่อนจะเริ่มชูป้ายประท้วงแผ่นที่สาม “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สงบไปช่วยชาติหน่อยครับ ทำเพื่อชาติ” ซึ่งหมายถึงข้อความสุดท้ายก่อนตัดสินใจ “สังเวยชีวิต” ตัวเองเมื่อเวลา 21.15 น. ด้วยการปีนลงมาจากจุดสูงสุดของเสาโทรศัพท์ได้เพียง 6 เมตร และใช้เชือกผูกคอตนเองกับเสาส่งสัญญาณจนเหลือเพียงแต่ร่างไร้วิญญาณ
        
        ภายหลังเหตุการณ์น่าสลดนี้เกิดขึ้น นำมาซึ่งกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการยอมแลกด้วยชีวิตของชายผู้นี้ กับอุดมการณ์ที่ยอมถวายชีวิตตัวเองปกป้อง “วัดพระธรรมกาย” หรือเรียกได้ว่ายอมใช้ “ความตาย” ในการเรียกร้องสิ่งที่ตนเอง “ต้องการ” จนเกิดเป็นคำถามร้อนไปทั่วสังคมออนไลน์ว่าวัดแห่งนี้ “สอนกันยังไงให้คนฆ่าตัวตาย”
        
        “ถ้าเขาศรัทธาว่าลัทธินี้คือพระพุทธศาสนา เขาต้องคิดได้เองว่า การฆ่าตัวตายไม่ใช่หลักคำสอนใดๆ ของพุทธ แถมยังบาปมหันต์ ไม่ได้ซ้ำเติม แต่เห็นใจครอบครัวญาติพี่น้องที่ยังอยู่ว่าจะเศร้าทรมานแค่ไหน”
        
        “พอตายก็คารวะศพเป็นวีรชนผู้กล้าเสียสละเพื่อวัด ตอนที่ยังไม่ตายบอกทางวัดไม่เกี่ยวข้อง โถ่ลุง ชีวิตลุงทำไมมอบให้คนกลัวความผิดแค่คนเดียว ธัมชโย ท่านดูไว้ 1 ชีวิต ที่ช่วยต่อลมหายใจท่าน” 

พลีชีพเพื่อธัมมี่! ธรรมะไม่ได้สอนให้ฆ่าตัวตาย
         
        หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ วัดพระธรรมกายเคยออกมาพูดอยู่ว่า “ฆ่าตัวตายเป็นบาปจะดำดิ่งสู่นรกทันที ต้องไปใช้กรรมทนทุกข์ทรมานยาวนาน เกิดใหม่กี่ชาติก็มีจิตคิดฆ่าตัวตายซ้ำๆ วนเวียนอยู่ในวงจรฆ่าตัวตายไม่รู้จบ”
        
        โดยข้อความดังกล่าวเคยถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ DMC ซึ่งเป็นเว็บที่เผยแพร่ข่าวความเคลื่อนไหวด้านต่างๆ ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีการอ้างอิงจากคำสอน “พระธัมมชโย” ที่ได้เทศน์ในรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ถึงวิธีฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอว่า
        
        “การฆ่าตัวตาย เป็นบาป เพราะเป็นการทำลายเบียดเบียนตนเอง มนุษย์อาจฆ่าคนอื่น เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง เพื่อปกป้องตนเอง แต่ธรรมชาติคนเรารักชีวิตของตนเอง มนุษย์ที่สามารถฆ่าได้แม้แต่ตนเองแล้ว เมื่อตายแล้วจึงดำดิ่งสู่นรกทันที
        
        การฆ่าตัวตายก็เหมือนกับการฆ่าสัตว์ ผิดศีลข้อที่ 1 เมื่อจบชีวิตแล้วก็ต้องไปใช้กรรมในอบายภูมิ มีนรกเป็นที่ไป และต้องทนทุกข์ทรมานในนรกยาวนาน และเมื่อมาเกิดใหม่ก็จะมีอัธยาศัยคิดฆ่าตัวตายซ้ำๆ ไปหลายๆ ชาติ วนเวียนอยู่ในวงจรฆ่าตัวตายไม่รู้จบ”
        
        แม้จะมีการพูดถึงเรื่องของการฆ่าตัวตาย ผ่านการเทศน์คำสอนของวัดพระธรรมกาย แต่ดูเหมือนว่ากระแสข่าว ชายสูงวัยผูกคอตายคาเสาสัญญาณโทรศัพท์ หลังเรียกร้องให้ยกเลิก ม.44 คุมวัดพระธรรมกายไม่สำเร็จ จะดูขัดแย้งกับคำสอนของวัดพระธรรมกายซะเหลือเกิน!
       
       ไม่ควรมีใครตายเพราะ “ความเชื่อ”
       
        แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสวิจารณ์ถึงคำสอนของวัดพระธรรมกายว่า “บิดเบือนความจริง” เห็นได้จากการชูแคมเปญต่างๆ ที่ดูเหมือนว่าจะขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา จากปรากฏการ “บุญตู้” ที่ถูกสร้างมาเพื่อสาวกธรรมกายที่ “คลั่งบุญ” กับคำสอนที่ยังคงเป็นสโลแกนติดตัววัดแห่งนี้ว่า “ยิ่งบริจาคเงินมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้ขึ้นสวรรค์มากเท่านั้น”
        
        หากย้อนกลับไปดูคำสอนของวัดพระธรรมกาย จะพบว่าวัดนี้เจริญรอยตามคำสอนของพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) มีหัวใจคำสอน อยู่ที่ “วิชชาธรรมกาย” ซึ่งคำจำกัดความของคำว่า “ธรรมกาย” นั้น หลวงพ่อสดเคยกล่าวไว้ในพระธรรมเทศนาของท่านว่า “ธรรมกาย คือ กายภายในของพระพุทธเจ้า”
        
        โดยบอกว่าคำจำกัดความเช่นนี้เกิดจากประสบการณ์การปฏิบัติธรรมจนเข้าถึง “ธรรมกาย” ภายในด้วยตนเอง ว่ากันว่าเกิดขึ้นตอนหลวงพ่อสดทำสมาธิ แล้วเกิดนิมิตเป็นดวงสีแดงในท้อง ทำให้ท่านมีความปีติและเรียกดวงสีแดงนี้ว่า “ธรรมกาย” 
        
        ทั้งยังอ้างว่าวิชานี้มีมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าแล้วแต่หายสาบสูญไปนานถึงสองพันกว่าปี แต่เพิ่งถูกค้นพบขึ้นมาใหม่โดยหลวงพ่อสดนี่เอง 

พลีชีพเพื่อธัมมี่! ธรรมะไม่ได้สอนให้ฆ่าตัวตาย
         
        อย่างไรก็ตาม เรื่องคำสอนของวัดพระธรรมกาย ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกโจมตีเสมอมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า “บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า” เช่น ไปดัดแปลงความหมายของคำว่า “ธรรมกาย” และนำเอาคำนี้ไปใช้เป็นผลของการปฏิบัติธรรม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าผิดไป 
        
        ทว่า ที่เป็นประเด็นร้อนล่าสุด คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์การฆ่าตัวตายของชายคนดังกล่าว ที่มีเหตุผลในการจบชีวิตตัวเองเพราะต้องการปกป้องวัดพระธรรมกาย นี่จึงเป็นคำถามที่ตามมาว่า “ทำไมคนถึงยอมอุทิศชีวิตให้วัดแห่งนี้มากมายนัก”
        
        คำตอบคือวัดแห่งนี้เป็นศาสนาแบบ “Believe Based Religion” ถือเป็นศาสนาตระกูลที่ใช้ศรัทธาหรือความเชื่อเป็นฐาน ทำให้คนที่นับถือมีความเชื่อ ถึงขั้นที่ว่าเอาชีวิตเข้าแลกก็ยอมได้ ซึ่งต่างจากศาสนาพุทธที่แท้จริง
        
        เหตุการณ์ครั้งนี้จึงสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทุกวงการศาสนา ถึงการกระทำที่ขาดสติ-สัมปชัญญะ ซึ่งขัดแย้งกับหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา ด้วยการยอมสละชีวิตเพื่ออุดมการณ์ที่อ้างตนว่าเป็น “พระพุทธศาสนา” ทว่า การจากไปของชายคนดังกล่าว กลับยังทิ้งไว้ซึ่งคำถามให้แก่สังคมถึงหลักคำสอนที่บิดเบี้ยวของนิกายแห่งนี้ 
        
        และเป็นไปได้ว่าหากมหากาพย์ซีรีส์วัดพระธรรมกายยังไม่จบลงในเร็ววัน สังคมก็อาจได้เห็นศิษยานุศิษย์ที่อ้างตนเพื่ออุดมการณ์ ออกมาปกป้องวัดแห่งนี้เป็นรายต่อไป...
       
       
       ข่าวโดย ทีมข่าวผู้จัดการ Live

ลัทธิธรรมกาย สิ่งเทียมศาสนาพุทธ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

        ปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่วัดพระธรรมกาย เพื่อจับตัวธัมมชโยมาดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ผ่านไปแล้ว 10 วัน แม้ยังไม่บรรลุเป้าหมาย เพราะยังหาตัวธัมมชโยไม่เจอ แต่ประชาชนที่มองเห็นความชั่วร้ายของลัทธิธรรมกาย ต่างเข้าใจ และเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร ในการทำหน้าที่จับตัวผู้ร้ายมาดำเนินคดี
       
        สมัยปราบเสื้อแดงเมื่อปี 2553 กว่าเหตุการณ์จะยุติสลายม็อบได้ ต้องใช้เวลากว่า สองเดือน นี่เพิ่งจะสิบวันเอง
       
        ครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งนั้น ที่วัดพระธรรมกายระดมมวลชน ทั้งพระจริง พระปลอม และสาวกผู้เลื่อมใสศรัทธาในตัวธัมมชโยมาสกัดกั้นดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร ไม่ให้เข้าถึงพื้นที่ที่คาดว่า ธัมมชโยหลบซ่อนตัวอยู่ จะทำอะไรจึงต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรงจนเลือดตกยางออก เกิดความสูญเสีย มิฉะนั้นแล้ว จะเข้าทางฝ่ายวัดพระธรรมกาย ซึ่งจะปลุกระดมว่า รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับพระและประชาชน อันเป็นกลยุทธ์เดียวกับที่ เสื้อแดงเคยใช้เมื่อปี 2553
       
        แม้จะมีความสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว คือ สาวกธรรมกายคนหนึ่งผูกคอตายบนเสาสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อต่อต้านการใช้มาตรา 44 เข้าควบคุมพื้นที่ แต่ความตายที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีผลอะไรเลยกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียืนยันว่า จะคงมาตรา 44 ต่อไปจนกว่าจะได้ตัวธัมมชโยมาดำเนินคดี
       
        สาวกธรรมกายคนนั้น คือเหยื่อคนหนึ่งในบรรดาเหยื่ออีกหลายแสนคนของธัมมชโย เขาหลุดพ้นจากความเป็นเหยื่อไปแล้ว แต่คนอื่นๆ ยังเวียนว่ายอยู่ในวังวนความหลงงมงายของลัทธิธรรมกาย
       
        การเข้าควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายถูกบิดเบือนว่า เป็นการรังแกทำลายวัดพระธรรมกายที่มีคำสอนต่างไปจากหลักธรรมในพุทธศาสนา เป็นการไม่ยอมรับความเห็นที่แตกต่างในเรื่องพุทธแท้ พุทธเทียม แต่ความจริงการใช้มาตรา 44 เข้าควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องทางโลก ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องคำสอนที่วิปริตไปจากพระธรรมวินัยของธรรมกายเลย
       
        เป็นการติดตามจับกุมตัวธัมมชโยที่ร่วมมือกับลูกศิษย์ยักยอกเงินฝากของสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนจำนวนหลายพันล้านบาทมาดำเนินคดี ทางการให้โอกาสต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ แต่ธัมมชโยก็ไม่ยอมมาต่อสู้คดี ใช้ความศรัทธาหลงผิด ของสาวกมาเป็นเกราะกำบังตัวหนีอาญาแผ่นดิน
       
        ความหลงผิดว่า ธรรมกาย คือพุทธศาสนานี้ นับว่าเป็นความสำเร็จของกลยุทธ์ธรรมกายที่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่า ธรรมกายคือ หลักธรรมคำสอน
       
        ในรายงานเรื่องกรณีวัดพระธรรมกายของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อ พ.ศ. 2542 ตอนหนึ่ง เรียกกลยุทธ์ของธรรมกายนี้ว่า กลยุทธ์ปูเสฉวน
       
        “วัดพระธรรมกายใช้กลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการเข้าแทรกแซงและยึดครองคณะสงฆ์ไทย อาจเรียกว่า “กลยุทธ์ปูเสฉวน” เพราะปูเสฉวนอาศัยอยู่ในเปลือกหอย แต่ตัวเป็นปูไม่ใช่หอย อาศัยเปลือกหอยกำบังธาตุแท้เพื่อลวงโลก ปูเสฉวนออกจากเปลือกหอยมากินเนื้อหอย หอยก็ยังไม่รู้สึกตัวจนตัวตายแล้ว
       
        วัดพระธรรมกายเป็นลัทธิแปลกปลอม ไม่ใช่พระพุทธศาสนาเถรวาทแท้ของคณะสงฆ์ไทย แต่ผู้บริหารวัดรวม 10 รูป ได้วางแผนยุทธศาสตร์และยุทธวิธีอย่างชาญฉลาด เป็นนักฉวยโอกาสชั้นสุดยอด รู้จักใช้บุคคคล ช่วงจังหวะแฝงตัว กำบังตัว คืบคลานเข้ามาแทรกแซงคณะสงฆ์ไทย”
       
        กรณีสันติอโศกที่ประกาศไม่ยอมรับมหาเถรสมาคม ถูกขับออกจากคณะสงฆ์ในข้อหาประพฤติผิดจากพระธรรมวินัย ทำพระธรรมวินัยให้วิปริต เมื่อ พ.ศ. 2531 ในทางโลก สมณะโพธิรักษ์กับพวกถูกดำเนินคดีจนถึงชั้นศาลฎีกาที่พิพากษาให้จำคุก 60 เดือน แต่ได้รับการรอลงอาญา เป็นเพราะสันติอโศกไม่ยอมประนีประนอมทำตัวเป็นปูเสฉวน แต่ก็ไม่หลบหนีอย่างที่ธัมมชโยหนีอยู่ในตอนนี้ ต่อสู้คดีจนถึงที่สุด
       
        ในขณะที่ธรรมกายแปลงกายแฝงตัวในคณะสงฆ์ไทย ปรนเปรอพระผู้มีหน้าที่ในทางปกครองทุกระดับชั้น ด้วยเงินทองที่ได้มาจากการบริจาคของผู้หลงเชื่อ จนสามารถสร้างเครือข่ายขุมอำนาจ มีอิทธิพล และบุญคุณเหนือพระราชาคณะหลายๆ รูปในมหาเถรสมาคม จนเกือบจะบรรุลเป้าหมายขึ้นสูงสุดคือ ยึดครองตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20
       
        ถึงวันนี้ มีข้อพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า ระหว่างสันติอโศกกับธรรมกายใครคือภัยของพุทธศาสนา ใครคือผู้ให้ ใครคือกาฝากที่อาศัยความศรัทธาจนหลงงมงายกลืนกินทรัพย์สินเงินทอง ตลอดจนชีวิตของผู้หลงเชื่อ
       
        โชคดีที่ในช่วงหลายๆ ปีมานี้ พุทธศาสนิกชนได้รับความรู้ ความเข้าใจว่า ที่ว่าลัทธิธรรมกายไม่ใช่ศาสนาพุทธนั้นเป็นอย่างไร จากคำอธิบายผ่านหนังสือกรณีธรรมกายของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) และคำสอนของพระสงฆ์รูปอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายอามิสสินจ้างของธรรมกาย
       
        ประกอบกับพฤติกรรมในการขายบุญของธรรมกายในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ เป็นสิ่งที่ฟ้องตัวเองว่า ลัทธิธรรมกาย แท้จริงแล้วคืออะไร
       
        เราจึงมีฆราวาสที่กินข้าว 3 มื้อ มีชีวิตสุกๆ ดิบๆ ไม่ห่างไกลจากอบายมุข บางคนเป็นนักร้อง นักแสดง เป็นผู้ลุกขึ้นมาตอบโต้กับสิ่งเทียมพุทธศาสนาอย่างธรรมกาย ในขณะที่พระราชาคณะ พระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์มีความรู้ทางธรรมสอบได้เปรียญ 3 ประโยค 5 ประโยค 9 ประโยค จบปริญญาโท จบด็อกเตอร์ทางด้านพุทธศาสตร์ พากันรูดซิปปากซ่อนตัวอยู่ในกุฏิ 

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : หลวงปู่พุทธะอิสระ ตอกย้ำพฤติกรรม ความชั่วร้าย พวกลัทธิกบฏผีบุญ

view