จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
|
|
“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ย้อนเรื่องราวคดีความ “เจ้าลัทธิผีบุญ” เงินหนาจ่ายดะเคลียร์คดีปาราชิกข้อหายักยอกทรัพย์สินของวัด คดีบุกรุกที่ดินสาธารณะ ฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ชี้หากไม่สำเร็จก็จะออกมาโกหกว่าถูกใส่ร้าย ถูกรังแก ล่าสุด ลิ่วล้อเดินสายระดมพระ เณร ญาติโยม เข้าร่วมสวดมนต์แท้จริงแล้วก็คือมากดดันรัฐบาลนั่นเอง
วันนี้ (27 ก.พ.) เมื่อเวลา 07.00 น. พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ หลวงปู่พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กหลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ว่า “ยิ่งนานวัน คนไทยยิ่งเห็นธาตุแท้ของพวกลัทธิกบฏผีบุญได้มากยิ่งขึ้น ไล่ตั้งแต่หัวหน้าผีบุญถูกองค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงโจทย์ด้วยอาบัติปาราชิกด้วยข้อหายักยอกทรัพย์สินของวัด และอวดอุตริมนุสธรรม รวมทั้งย่ำยีพระธรรมวินัย และแล้วสาวกลัทธินี้ก็พากันไปปิดล้อมวัดบวร และวางระเบิดวัดชนะ
ต่อมาเจ้าลัทธิผีบุญก็จ่ายเงินใช้บริวารเคลียร์คดี แม้แต่องค์คณะผู้พิจารณาคดีชั้นต้นของเจ้าคณะปกครองสงฆ์ ก็ไม่ยอมตัดสินอธิกรณ์เฉยเลย ด้วยข้ออ้างว่า ได้คืนทรัพย์ที่ยักยอกไปแล้ว อาบัติปาราขิกก็เป็นอันระงับไป ทั้งที่มันไม่สามารถระงับได้
นี่คือ จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ในการประกาศไม่ยอมรับพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม และกฎหมายบ้านเมือง แม้ในช่วงเวลาก่อนหน้า ปี ๔๒ จนถึงปี ๕๘ เจ้าลัทธิกบฏผีบุญและพวกก็มีคดีบุกรุกที่ดินสาธารณะ ฉ้อโกงประชาชนจนเป็นคดีถึง ๕๗ คดี แต่ไอ้กบฏตัวนี้มันก็ใช้มุขเดิม คือ ใช้เงินปิดคดี
จนมาถึงยุครัฐบาลนายกฯปู ได้เกิดคดีฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ซึ่งมีผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่นำเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตที่เก็บสะสมเอาไว้ ไปฝากเพื่อจะได้กินดอก แต่มาถูกนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์และเป็นอัครอุบาสก ไวยาวัจกร ของลัทธิกบฏผีบุญ โกงเงินฝากไปเล่นแร่แปรธาตุ มอบให้กับเจ้าลัทธิจนกลายเป็นคดี
แล้วไอ้ลัทธิกบฏผีบุญพวกนี้มันก็ใช้มุกเดิม คือ จ่ายเงินเคลียร์คดี จน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ออกมายืนยันว่า นายศุภชัย ไม่ผิด นี่คือ ความชั่วร้ายของพวกกบฏผีบุญที่ปรากฏ
ในเวลาต่อมาถึงยุครัฐบาล คสช. พี่น้องชาวสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ได้มาร้องขอให้ฉันเป็นธุระนำพาพวกเขาไปแจ้งความร้องทุกข์ ฉันได้พบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ขอร้องให้เขาไปพูดกับเจ้าลัทธิกบฏผีบุญ ว่า คนแก่เหล่านี้เขาไม่ต้องการเอาเรื่อง แค่ขอให้คืนเงินที่นายศุภชัยโกงจากพวกเขาไป แล้วไปบริจาคให้กับลัทธินี้ ขอให้คืนเงินเหล่านั้นมา เพราะเป็นเงินที่ไม่ใช่ของนายศุภชัย และเจ้าของเงินเขาก็ไม่ได้ยินดีบริจาค
ต่อมาฉันไปติดความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอรายงานฉันว่า เจ้าลัทธิกบฏผีบุญ แจ้งมาว่า หากอยากได้เงินคืนก็ให้ไปฟ้องเอาเอง ผู้เสียหายจึงได้รวมตัวกันไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เจ้าลัทธิและบริวารจึงยอมเจรจาคืนเงินให้ โดยมีข้อตกลงว่าจ่ายเงินแล้วจบนะ แต่ที่จบคือคดีแพ่ง คดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ ดีเอสไอที่รับคดีเอาไว้จึงต้องดำเนินคดีไปตามกระบวนการของกฎหมายดังที่ปรากฏ
และด้วยพฤติกรรมที่ไม่เคารพกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และพยายามขายอิทธิพล ถึงขนาดเหิมเกริมบุกรุกที่ดินสาธารณะ ลำคลองสาธารณะ และป่าสงวนมาเป็นสิบๆ ปี ด้วยการจ่ายเงินให้ลิ่วล้อไปทำเอกสารสิทธิโดยมิชอบ พอถึงยุครัฐบาล คสช. จึงถูกตรวจสอบ แล้วกลายมาเป็นคดีอย่างที่ปรากฏ
เมื่อมีเรื่องราวคดีความเกิดขึ้น พวกลัทธิกบฏผีบุญนี้ นอกจากจะจ่ายเงินล้มคดีแล้ว หากไม่สำเร็จ พวกลัทธินี้ก็จะออกมาโพนทะนา ว่า ถูกรังแก ถูกใส่ร้าย จากผู้ที่อิจฉาตาร้อน ไม่เว้นแม้แต่การโป้ปดมดเท็จ โกหกหลอกลวง ใส่ร้ายผู้อื่น
ตัวอย่างเช่น กรณีกล่าวอ้างว่าพุทธะอิสระนั่ง ฮ. ตำรวจไปตรวจแนวบริเวณที่ตั้งของลัทธิกบฏผีบุญ ถึงขนาดนำรูปภิกษุนั่ง ฮ. มากล่าวอ้างว่าเป็นพุทธะอิสระ รวมทั้งนำภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาส่งพุทธะอิสระขึ้นรถ และทำความเคารพ ไอ้พวกกบฏผีบุญมันก็โพสต์บอกแก่สาวกมันว่า พุทธะอิสระไปบัญชาการเจ้าหน้าที่อยู่ที่จังหวัดปทุม
แม้แต่โกหกว่า สำนักงานสิทธิมนุษยชน ม.มหิดล ออกมาร่วมแถลงการณ์ให้ยุติมาตรา ๔๔ และให้ยุติการค้นลัทธิกบฏผีบุญในเวลากลางดึก ซึ่งในเวลาต่อมามหาวิทยาลัยมหิดลได้ออกมาแถลงการณ์ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวนั้นยุติการกระทำดังกล่าวทันที เพราะเป็นการแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยมหิดล ในทางที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง
ล่าสุด พวกลิ่วล้อลัทธิชั่วนี้ออกเดินสายไปตามวัดต่างๆ เพื่อนิมนต์พระเณรให้เดินทางมาร่วมสวดมนต์ที่สำนักของลัทธินี้ ซึ่งวิธีการเคลื่อนไหวของพวกลัทธินี้ คือ สั่งการให้หัวหน้าสายประจำจังหวัด อำเภอ หรือตำบล ออกเดินทางไปตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศที่เคยมารับกิจนิมนต์จากลัทธินี้ทุกปี ให้พระและสามเณร ญาติโยมที่อยู่ใกล้เคียงวัดนั้น ร่วมออกเดินทางมุ่งสู่สำนักงานใหญ่ที่คลองหลวงด้วยขออ้างว่ามาสวดมนต์ ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็คือมากดดันรัฐบาลนั่นเอง”
ดีเอสไอลุยค้นหลังวัดธรรมกาย ชาวบ้านแจ้งสงสัยพระปลอมตรวจไม่พบใบสุทธิบัตร
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
พลีชีพเพื่อธัมมี่! ธรรมะไม่ได้สอนให้ฆ่าตัวตาย
โดย ผู้จัดการรายวัน
“ลมหายใจนี้เพื่อวัดธรรมกาย” ชายสูงวัยปีนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์สูง 30 เมตร พร้อมชูป้ายท้าทาย “ความตาย” ให้ยกเลิกมาตรา 44 ก่อนปลิดชีพผูกคอตายสังเวยเพื่ออุดมการณ์ ท่ามกลางสายตาประชาชนกว่าหลายร้อยชีวิต! สิ้นสุดลมหายใจแต่นำมาซึ่งคำถาม..ทำไมถึงยอมตายเพื่อ “ลัทธิ” ที่อ้างตนว่าคือ “พระพุทธศาสนา” “ลมหายใจนี้” เพื่ออุดมการณ์? “ขอความเมตตากรุณายกเลิก มาตรา 44 หากทำไม่ได้ก่อน 21.00 น.วันนี้ เก็บศพได้เลย” ข้อความท้าทาย “ความตาย” ฉบับที่หนึ่งถูกเขียนด้วยลายมือ ติดโชว์อยู่บนเสาโทรศัพท์ ด้วยความสูงประมาณ 30 เมตร จากชายสูงอายุรายหนึ่งที่ประกาศความตายต่อหน้าต่อตาสาธารณชนกว่าหลายร้อยชีวิต พร้อมชูป้ายข้อความแผ่นที่สอง “พระเณร คนแก่ ถูกข่มเหง รังแกกลั่นแกล้งด้วยวิธีต่างๆ นานา สังคมปัจจุบัน คนดีอยู่ยาก” ท่ามกลางสายตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เจรจาต่อรองเพื่อช่วยชีวิต ก่อนจะเริ่มชูป้ายประท้วงแผ่นที่สาม “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สงบไปช่วยชาติหน่อยครับ ทำเพื่อชาติ” ซึ่งหมายถึงข้อความสุดท้ายก่อนตัดสินใจ “สังเวยชีวิต” ตัวเองเมื่อเวลา 21.15 น. ด้วยการปีนลงมาจากจุดสูงสุดของเสาโทรศัพท์ได้เพียง 6 เมตร และใช้เชือกผูกคอตนเองกับเสาส่งสัญญาณจนเหลือเพียงแต่ร่างไร้วิญญาณ ภายหลังเหตุการณ์น่าสลดนี้เกิดขึ้น นำมาซึ่งกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการยอมแลกด้วยชีวิตของชายผู้นี้ กับอุดมการณ์ที่ยอมถวายชีวิตตัวเองปกป้อง “วัดพระธรรมกาย” หรือเรียกได้ว่ายอมใช้ “ความตาย” ในการเรียกร้องสิ่งที่ตนเอง “ต้องการ” จนเกิดเป็นคำถามร้อนไปทั่วสังคมออนไลน์ว่าวัดแห่งนี้ “สอนกันยังไงให้คนฆ่าตัวตาย” “ถ้าเขาศรัทธาว่าลัทธินี้คือพระพุทธศาสนา เขาต้องคิดได้เองว่า การฆ่าตัวตายไม่ใช่หลักคำสอนใดๆ ของพุทธ แถมยังบาปมหันต์ ไม่ได้ซ้ำเติม แต่เห็นใจครอบครัวญาติพี่น้องที่ยังอยู่ว่าจะเศร้าทรมานแค่ไหน” “พอตายก็คารวะศพเป็นวีรชนผู้กล้าเสียสละเพื่อวัด ตอนที่ยังไม่ตายบอกทางวัดไม่เกี่ยวข้อง โถ่ลุง ชีวิตลุงทำไมมอบให้คนกลัวความผิดแค่คนเดียว ธัมชโย ท่านดูไว้ 1 ชีวิต ที่ช่วยต่อลมหายใจท่าน” |
|||
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ วัดพระธรรมกายเคยออกมาพูดอยู่ว่า “ฆ่าตัวตายเป็นบาปจะดำดิ่งสู่นรกทันที ต้องไปใช้กรรมทนทุกข์ทรมานยาวนาน เกิดใหม่กี่ชาติก็มีจิตคิดฆ่าตัวตายซ้ำๆ วนเวียนอยู่ในวงจรฆ่าตัวตายไม่รู้จบ” โดยข้อความดังกล่าวเคยถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ DMC ซึ่งเป็นเว็บที่เผยแพร่ข่าวความเคลื่อนไหวด้านต่างๆ ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีการอ้างอิงจากคำสอน “พระธัมมชโย” ที่ได้เทศน์ในรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ถึงวิธีฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอว่า “การฆ่าตัวตาย เป็นบาป เพราะเป็นการทำลายเบียดเบียนตนเอง มนุษย์อาจฆ่าคนอื่น เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง เพื่อปกป้องตนเอง แต่ธรรมชาติคนเรารักชีวิตของตนเอง มนุษย์ที่สามารถฆ่าได้แม้แต่ตนเองแล้ว เมื่อตายแล้วจึงดำดิ่งสู่นรกทันที การฆ่าตัวตายก็เหมือนกับการฆ่าสัตว์ ผิดศีลข้อที่ 1 เมื่อจบชีวิตแล้วก็ต้องไปใช้กรรมในอบายภูมิ มีนรกเป็นที่ไป และต้องทนทุกข์ทรมานในนรกยาวนาน และเมื่อมาเกิดใหม่ก็จะมีอัธยาศัยคิดฆ่าตัวตายซ้ำๆ ไปหลายๆ ชาติ วนเวียนอยู่ในวงจรฆ่าตัวตายไม่รู้จบ” แม้จะมีการพูดถึงเรื่องของการฆ่าตัวตาย ผ่านการเทศน์คำสอนของวัดพระธรรมกาย แต่ดูเหมือนว่ากระแสข่าว ชายสูงวัยผูกคอตายคาเสาสัญญาณโทรศัพท์ หลังเรียกร้องให้ยกเลิก ม.44 คุมวัดพระธรรมกายไม่สำเร็จ จะดูขัดแย้งกับคำสอนของวัดพระธรรมกายซะเหลือเกิน! ไม่ควรมีใครตายเพราะ “ความเชื่อ” แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสวิจารณ์ถึงคำสอนของวัดพระธรรมกายว่า “บิดเบือนความจริง” เห็นได้จากการชูแคมเปญต่างๆ ที่ดูเหมือนว่าจะขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา จากปรากฏการ “บุญตู้” ที่ถูกสร้างมาเพื่อสาวกธรรมกายที่ “คลั่งบุญ” กับคำสอนที่ยังคงเป็นสโลแกนติดตัววัดแห่งนี้ว่า “ยิ่งบริจาคเงินมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้ขึ้นสวรรค์มากเท่านั้น” หากย้อนกลับไปดูคำสอนของวัดพระธรรมกาย จะพบว่าวัดนี้เจริญรอยตามคำสอนของพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) มีหัวใจคำสอน อยู่ที่ “วิชชาธรรมกาย” ซึ่งคำจำกัดความของคำว่า “ธรรมกาย” นั้น หลวงพ่อสดเคยกล่าวไว้ในพระธรรมเทศนาของท่านว่า “ธรรมกาย คือ กายภายในของพระพุทธเจ้า” โดยบอกว่าคำจำกัดความเช่นนี้เกิดจากประสบการณ์การปฏิบัติธรรมจนเข้าถึง “ธรรมกาย” ภายในด้วยตนเอง ว่ากันว่าเกิดขึ้นตอนหลวงพ่อสดทำสมาธิ แล้วเกิดนิมิตเป็นดวงสีแดงในท้อง ทำให้ท่านมีความปีติและเรียกดวงสีแดงนี้ว่า “ธรรมกาย” ทั้งยังอ้างว่าวิชานี้มีมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าแล้วแต่หายสาบสูญไปนานถึงสองพันกว่าปี แต่เพิ่งถูกค้นพบขึ้นมาใหม่โดยหลวงพ่อสดนี่เอง |
|||
อย่างไรก็ตาม เรื่องคำสอนของวัดพระธรรมกาย ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกโจมตีเสมอมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า “บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า” เช่น ไปดัดแปลงความหมายของคำว่า “ธรรมกาย” และนำเอาคำนี้ไปใช้เป็นผลของการปฏิบัติธรรม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าผิดไป ทว่า ที่เป็นประเด็นร้อนล่าสุด คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์การฆ่าตัวตายของชายคนดังกล่าว ที่มีเหตุผลในการจบชีวิตตัวเองเพราะต้องการปกป้องวัดพระธรรมกาย นี่จึงเป็นคำถามที่ตามมาว่า “ทำไมคนถึงยอมอุทิศชีวิตให้วัดแห่งนี้มากมายนัก” คำตอบคือวัดแห่งนี้เป็นศาสนาแบบ “Believe Based Religion” ถือเป็นศาสนาตระกูลที่ใช้ศรัทธาหรือความเชื่อเป็นฐาน ทำให้คนที่นับถือมีความเชื่อ ถึงขั้นที่ว่าเอาชีวิตเข้าแลกก็ยอมได้ ซึ่งต่างจากศาสนาพุทธที่แท้จริง เหตุการณ์ครั้งนี้จึงสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทุกวงการศาสนา ถึงการกระทำที่ขาดสติ-สัมปชัญญะ ซึ่งขัดแย้งกับหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา ด้วยการยอมสละชีวิตเพื่ออุดมการณ์ที่อ้างตนว่าเป็น “พระพุทธศาสนา” ทว่า การจากไปของชายคนดังกล่าว กลับยังทิ้งไว้ซึ่งคำถามให้แก่สังคมถึงหลักคำสอนที่บิดเบี้ยวของนิกายแห่งนี้ และเป็นไปได้ว่าหากมหากาพย์ซีรีส์วัดพระธรรมกายยังไม่จบลงในเร็ววัน สังคมก็อาจได้เห็นศิษยานุศิษย์ที่อ้างตนเพื่ออุดมการณ์ ออกมาปกป้องวัดแห่งนี้เป็นรายต่อไป... ข่าวโดย ทีมข่าวผู้จัดการ Live |
ลัทธิธรรมกาย สิ่งเทียมศาสนาพุทธ
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
|
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน