จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ มุมคิดคนข่าว โดย เป็นหลิว chutinun.lew@gmail.com
ที่ผ่านมา "ประกัน" ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัว ไม่จำเป็นต่อชีวิตในวันปกติ (วันที่ไม่เจ็บไม่ป่วย) ที่สำคัญคนที่ซื้อประกันไปแล้วบางคนยังไม่รู้เลยว่ากรมธรรม์ที่มีอยู่ใช้อะไรได้บ้าง คุ้มครองอะไรบ้าง
ยกตัวอย่างแม่ของผู้เขียนเองที่เข้าใจผิดมาตลอดว่า แบบประกันชีวิตที่มีสัญญาเพิ่มเติมเป็นประกันสุขภาพที่ตัวเองซื้อไว้ จะสามารถสะสมวงเงินค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (เช่น ไปหาหมอคลินิก) ไว้ใช้ในปีต่อ ๆ ไปได้ ซึ่งในความเป็นจริงประกันสุขภาพตัวนั้นเป็นแบบปีต่อปี ถ้าไม่ได้เบิกค่ารักษาพยาบาล (ขอเคลม) ก็ถือว่า "จบ" ในปีกรมธรรม์นั้นแล้ว จะ "ไม่สามารถ" สะสมไว้ใช้ปีหน้าได้ ซึ่งเรื่องนี้คุณแม่เข้าใจผิดไม่นานค่ะ 10 ปีเศษ ๆ
ว่าแต่ "ประกันชีวิต" คืออะไร ?
ประกันชีวิตมีความหมายตรงตัวที่จะคุ้มครองชีวิต คือ ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินในกรณีผู้ที่ทำประกันเสียชีวิต สรุปง่าย ๆ "ตายได้เงิน" เป็นสัญญาต่อเนื่องหลายปี แต่การที่เราไปหาหมอแล้วเบิกค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันชีวิตได้ จะต้องมาจากสัญญาเพิ่มเติมกลุ่มค่ารักษาพยาบาล หรือที่เราชอบเรียกกันว่า"ประกันสุขภาพ" ที่เราซื้อควบคู่กับกรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งวงเงินความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจะไม่รวมกับความคุ้มครองชีวิต เช่น เราซื้อประกันชีวิตความคุ้มครอง 300,000 บาท และ สัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาล 250,000 บาท เป็นต้น
วงเงินความคุ้มครองที่ต่างกัน รูปแบบที่ต่างกัน ก็ทำให้วิธีการคิดเบี้ยประกันชีวิตกับเบี้ยสัญญาเพิ่มเติมก็ต่างกันอีก เช่น แบบประกันชีวิตจะคิดเบี้ยประกันตามเพศ อายุของคนที่ซื้อ ซึ่งเบี้ยประกันส่วนใหญ่จะคงที่ตลอดสัญญา ในขณะที่แบบประกันสัญญาเพิ่มเติม เช่น ประกันสุขภาพ เบี้ยประกันจะเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดตามอายุคนที่เพิ่มขึ้น เช่น ซื้อสัญญาเพิ่มเติมตอนอายุ 25 ปี เบี้ยประกันจ่าย 1,000 บาท แต่พอวันหนึ่งอายุถึง 30 ปี เบี้ยประกันส่วนสัญญาเพิ่มเติมจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,080 บาท เป็นต้น
จุดสำคัญที่คนซื้อประกันต้องอ่าน ถาม และทำความเข้าใจ คือ เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นอย่างไร อย่างสัญญาเพิ่มเติมกลุ่มค่ารักษาพยาบาลจะต้องดูว่าบริษัทประกันจะจ่ายเคลม-ไม่จ่ายเคลมในกรณีไหน ที่สำคัญจ่ายเท่าไร บางแบบประกันคุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยใน คือ ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลถึงจะเคลมได้ ส่วนถ้าอยากหาหมอรับยากลับบ้าน ก็ต้องซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยนอก แน่นอนว่าคุ้มครองต่างกันเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายก็ต่างกัน
ส่วนถ้าหกล้ม ตกบันได แล้วไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล อันนี้ก็จะเป็นความคุ้มครองไปในสัญญาเพิ่มเติมที่ชื่อว่า สัญญาเพิ่มเติมอุบัติเหตุ (พีเอ) นั่นเอง จริง ๆ แล้วสัญญาเพิ่มเติมมีหลากหลายแบบ เช่น สัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง และอื่น ๆ
และสิ่งที่คนไม่ค่อยรู้ คือ ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันโรคร้ายแรง และอื่น ๆ ทุกคนสามารถซื้อแยกเดี่ยว ๆ ได้โดยไม่ต้องซื้อแบบประกันชีวิต !! เพราะถือเป็นแบบประกันวินาศภัยจึงสามารถซื้อกับบริษัทประกันวินาศภัยได้เลย ซึ่งก็คือบริษัทที่หลายคนซื้อประกันภัยรถยนต์นั่นเอง สังเกตง่าย ๆ ชื่อบริษัทจะมีคำว่าประกันภัยอยู่ ต่างจากบริษัทประกันชีวิต เช่น บริษัท รักจังประกันภัย จำกัด (มหาชน)
สุดท้ายทุกคนน่าจะมีประกันอยู่ทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว ดังนั้น ถ้าหาเจอลองหยิบมานั่งอ่านเล่น ๆ สงสัยตรงไหนโทร.ถามตัวแทน หรือคอลเซ็นเตอร์บริษัทนั้น ๆ ดูจ้า
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน