สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สื่อนอกวิเคราะห์ อภิสิทธิ์ ไม่ใช่ เป้าหมายสุดท้ายผ่าวิกฤติการเมือง

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

แดเนียล เทนเคท ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เสนอบทวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย ระบุว่า

ถึงแม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะก้าวลงจากตำแหน่ง ก็อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะยุติความไม่สงบทางการเมืองครั้งร้ายแรงที่สุดใน รอบ 18 ปีคราวนี้ลงได้ เนื่องจากผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลกลุ่มนี้ น่าจะมีเป้าหมายอื่นอยู่ในใจ

เทนเคท ได้อ้างคำให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 เมษายน ของนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้นำคนหนึ่งในกลุ่มคนเสื้อแดง ที่บอกว่า คณะองคมนตรีที่มี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธาน เป็นสถาบันเผด็จการ ที่หนุนหลังการรัฐประหาร และบงการการตัดสินใจทางกฎหมายที่มุ่งขัดขวางเจตนารมณ์ของผู้ลงคะแนนเสียง เลือกตั้ง

“เราจะโจมตี พล.อ.เปรมไปเรื่อยๆ ว่าอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารคราวที่แล้ว ถ้าคณะองคมนตรียุติการกระทำแบบสถาบันเผด็จการ เราก็จะหยุดโจมตี” นายจรัล กล่าวและยืนยันว่า บรรดาแกนนำชุมนุมประท้วงครั้งนี้ จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ยังอ้างความเห็นของ นายเควิน ฮิววิสัน อาจารย์ประจำภาควิชาเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐ ที่บอกว่า คณะองคมนตรีควรจะต้องเกิดความวิตกกังวล เพราะถ้าพวกผู้ประท้วงได้รับชัยชนะ ก็จะเป็นความพ่ายแพ้ของคณะองคมนตรี

นอกจากนี้ นายเทนเคท ยังได้โทรศัพท์สอบถามไปยังทำเนียบองคมนตรีเมื่อวันที่ 12 เมษายน แต่ได้รับคำตอบจากผู้รับโทรศัพท์ว่าไม่มีผู้ใดตอบอะไรได้จนกว่าจะผ่านพ้น ช่วงวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์ไปก่อน

อย่างไรก็ตาม บลูมเบิร์กได้สอบถามไปยังนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกผู้หนึ่งของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งกล่าวว่า คณะองคมนตรีเป็นคนดี ที่สามารถเป็นตัวอย่างให้แก่สังคมในเรื่องความเป็นผู้นำทางจริยธรรม อีกทั้งอำนาจของคณะองคมนตรีก็จำกัดอยู่เพียงแค่การถวายคำปรึกษาต่อพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และผู้ประท้วงเสื้อแดงก็ไม่มีหลักฐานใดๆ มาพิสูจน์ข้อกล่าวหาของพวกเขาในเรื่องอิทธิพลแอบแฝง

นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเหล่านี้ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบพูดว่า พล.อ.เปรมอยู่หลังฉาก เนื่องจากต้องการที่จะปิดบังการทุจริตคอร์รัปชัน และความประพฤติผิดกฎหมายของตัวเอง นี่จึงเป็นเพียงแค่การเล่นเล่ห์ด้วยคำพูดเท่านั้นเอง

บลูมเบิร์ก ยังได้เสนอความคิดเห็นของ ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งให้ความเห็นว่า นายอภิสิทธิ์อาจจะลาออกหรือยุบสภา แต่นั่นไม่จำเป็นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้
 "ไม่มีใครสามารถดำเนิน การตามหลักนิติธรรมได้เลย ถ้าปราศจากความร่วมมือของสังคม" ม.ร.ว.พฤทธิสาณกล่าวพร้อมกับชี้ว่า เวลานี้ไม่มีข้างไหนเลยที่ให้ความเชื่อถือไว้วางใจ การทำตามอำนาจหน้าที่ของรัฐ

ขณะที่บทวิเคราะห์บางส่วนในเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เจแปน ไทม์ส ระบุว่า แม้จะมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจากระยะไกล แต่ก็บังเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์อย่างถึงที่สุด เมื่อต้องให้ความเห็นว่า ดินแดนของผู้คนและวัฒนธรรมอันสุดแสนวิเศษได้แตกแยกออกเป็นสองฝักสองฝ่าย ไม่มีใครที่เคยได้รับการต้อนรับขับสู้ด้วยความยินดี และมีเสน่ห์อย่างไร้ขีดจำกัดของคนไทย จะสามารถประณามเหตุการณ์ที่นำไปสู่การหลั่งน้ำตา ที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์ความรุนแรงในกรุงเทพฯ ได้

ปรากฏการณ์อันน่าเศร้าใจที่ได้เห็นคือ การแปรเปลี่ยนจากดินแดนแห่งรอยยิ้ม ไปสู่ภาพของตัวตลกหน้าบูดที่ยิ้มไม่ออก เพราะปัญหาของคนที่ยืนกันคนละฝ่าย แน่นอนว่าพวกเขารู้ดีกว่าใคร ที่ปล่อยให้สถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ แม้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อมายาวนานจะยุติลงได้ด้วยการแก้ปัญหา ทางการเมืองอย่างเหมาะสม แต่มูลค่าความเสียหายในระยะสั้น ก็มากมายเกินบรรยาย เพราะคงต้องลืมเรื่องการรื้อฟื้นด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนไปก่อน เพื่อให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเมืองก่อนเป็นอันดับแรก

เมื่อพูดถึงผลประโยชน์ในสหรัฐ ในประเด็นที่อาจเกิดสงครามกลางเมืองในประเทศไทยนั้น สหรัฐ ได้ชื่อว่า เป็นพันธมิตรที่ช่วยไทยต่อต้านการแพร่ขยายอิทธิพลของระบบคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อภัยร้ายนี้ได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว ความสำคัญของไทยในสายตาของสหรัฐก็พลอยลดน้อยลงตามไปด้วย แต่ประเทศไทย ที่มีประชากรเกือบ 70 ล้านคนแห่งนี้ ก็เป็นผู้เล่นสำคัญในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งมีแนวทางสร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้า อาเซียนจะมีความใกล้เคียงกับสถาบันระดับโลกอย่าง องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) มากกว่า กลุ่มประเทศที่เอาแต่เจรจากันเหมือนที่ผ่านมา

ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสหรัฐในกรุงเทพฯ คือ นายอีริค จี จอห์น เอกอัคราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย ซึ่งจะไม่ละเลยต่อประเทศที่เขาได้รับมอบหมายให้มาติดต่อประสานงานด้วย ในการแสดงความเห็นช่วงแรกๆ ของเขา ออกมาในแนวไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง

บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ ยังทิ้งท้ายว่าอาจถึงเวลาที่องค์กรระดับโลกอีกแห่งคือ สหประชาชาติ (ยูเอ็น) อาจยื่นมือเข้ามาช่วยดูแลการหยุดยิงและการเลือกตั้ง แต่ผู้ที่เขียนบทความนี้ ระบุว่า เขาเขียนในช่วงที่สถานการณ์กำลังร้อน และเห็นว่าประเทศที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้กำลังมอดไหม้ จึงอยากให้ตระหนักด้วยความห่วงใยว่า ดินแดนแห่งรอยยิ้มนี้ กำลังจะกลายเป็นรัฐที่เสื่อมถอย

านเว็บไซต์หนังสือพิมพ์อีโปช ไทม์ ของจีน ได้นำเสนอบทความของผู้ใช้ชื่อว่า "เพื่อนคนไทย" เรื่อง "ประชาธิปไตยไทยถูกคุกคามโดยกลุ่มคนที่ต้องการลบล้างระบอบการปกครอง" โดยตั้งข้อสงสัยว่า กำลังมีกลุ่มแอบแฝงที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มประชาธิปไตย เพื่อล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยในไทย

สื่อมวลชนของจีนฉบับนี้ ระบุว่า จากรายงานข่าวเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับความรุนแรงทางอาวุธชวนให้คิดว่าการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาจเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏในราชอาณาจักร ไม่ใช่การประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ (10 เม.ย.) ที่รัฐบาลประกาศผลักดันกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดง หนึ่งในสองของพื้นที่ชุมนุมในกรุงเทพฯ แต่เกิดเหตุปะทะตามมา จนมีผู้เสียชีวิต 11 รายและบาดเจ็บราว 500 คนนั้น มีรายงานข่าวว่าผู้ประท้วงได้ต้านทานทหารของรัฐบาลด้วยการประทุษร้าย จนเป็นเหตุให้พันเอกร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต

อีโปช ไทม์  ระบุว่า พันเอกร่มเกล้า เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนายทหารผู้ซื่อสัตย์ ที่เคยนำทหารเข้าปราบปรามเหตุจลาจลและคืนกฎระเบียบแก่สังคมในช่วงเวลาเดียว กันนี้เมื่อปีก่อน และเวลานี้ปรากฏอย่างชัดเจนว่าเขาถูกฆาตกรรม

หนังสือพิมพ์ของจีนฉบับนี้ ยังรายงานโดยอ้างรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่นอื่นๆ ที่ระบุว่า มีพยานเห็นลูกไฟถูกยิงขึ้นฟ้าก่อนมือปืนจะลั่นไกใส่พันเอกร่มเกล้าโดยตรง จนทำให้เขาเสียชีวิต ขณะที่นายทหารคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ เขาได้รับบาดเจ็บ

สื่อจีน ระบุว่าคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประท้วงที่มักอ้างว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถูกจัดตั้งขึ้นมา ผ่านการจ่ายเงินตอบแทนและโฆษณาชวนเชื่อ และมีข่าวลือต่างๆ นานา ว่า ผู้ประท้วงได้รับค่าจ้างสำหรับร่วมชุมนุมและทางแกนนำก็ได้ค่าตอบแทนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจำนวนหลายล้านบาท พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากดูสถานะทางการเงินของแกนนำ นปช.หลายคน จะพบว่าบุคคลเหล่านั้น มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากการสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ โดยบางคนจากที่เคยเป็นหนี้ ก็สามารถปลดหนี้ได้อย่างง่ายดาย

view