จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ. (จุฬาฯ)
คนจีนเชื่อว่า กินทั้งทีต้องกินให้ดี กระเพาะจะได้ไม่ด่าด้วยอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ไม่ย่อยไปจนถึงคลื่นไส้อาเจียนเวียนศีรษะ
ดังนั้น อาหารขึ้นเหลาที่จุมโพ่โชว์ฝีมือ นั้นจึงเน้นหมูเห็ดเป็ดไก่เป็นหลัก พ่วงด้วยของหายากอย่างหูฉลาม,ปลิงทะเล,เป๋าฮื้อ,รังนกและของหายากอีกมาก
เพื่อให้ถูกใจเจ้าสัววัตถุดิบไหนว่าอายุวัฒนะก็ใส่เข้ามา อันไหนว่าโป๊วดีก็ต้องมีให้ ส่งขึ้นโต๊ะตั้งแต่เจ้าสัวถึงฮ่องเต้ในวังหลวงแต่ไฉนฮ่องเต้จึงมีสั้นอย่า ว่าถึงหมื่นปีเลยเฉลี่ยแล้วมีพระชนมายุกันแค่ 37 ปีครึ่งเท่านั้น ทั้งที่อาหารการกินก็ถือว่าเลิศสุดใน แผ่นดิน ไข้โป้งก็ยังไม่ดัง หรือขันทีอุ้มก็ไม่ได้เกิดบ่อยนัก
ดังนั้นความลับน่าจะอยู่ที่อาหารมากกว่าเพราะว่าการกินอาหารดีเหล่านี้ถือเป็นการ “กินดี” หรือ “กินของดี” ต้องแยกกันให้ดีทีเดียว
“ปากศิลป์”กินเรียกโรค
ในเมื่อเราเลี่ยงกินไม่ได้ แต่เราสามารถเลือก “กินดี” ได้นี่ครับ โดยการกินดีสไตล์อายุรวัฒน์ก็ไม่ใช่หมายถึงกินแพงหรือกินอาหารฮ่องเต้แต่อย่างใด จะกินข้าวแกงตามสั่งอย่างผู้เขียนก็ได้ซึ่งไม่ว่าจะกินอะไรขอให้เลี่ยงสิ่ง ต่อไปนี้ที่ขอเรียกว่า Hall of shame ของการกิน 5 ประการได้แก่
1) กินมื้อใหญ่ ฝักใฝ่ในบุฟเฟ่ต์อันนี้อันตรายครับ ชอบบุฟเฟ่ต์ได้ไม่เป็นไรแต่ลองกินให้อิ่มพอดีดูสิครับจะมีความสุขกว่ามาก ได้รู้รสหมูเป็นหมู,ปลาเป็นปลาอย่างไม่ผสมปนเปกันจนแยกไม่ออกแล้วเดินจากไป ด้วยความผะอืดผะอมคลื่นไส้ นอกจากทรมานแล้วยังเสียสุขภาพมากด้วย
2) กินจุบจิบ อันนี้ต่างกับกินน้อยแต่กินบ่อยตรงที่กินไม่เลือกเวลาแล้วของกินนั้นก็ช่วย ทำลายสุขภาพอีกส่วนหนึ่งได้แก่ ลูกอม,ขนม,ผลไม้ดอง และอีกมากที่เพื่อนรักมานำเสนอให้ถึงโต๊ะ ทั้งที่กินข้าวเที่ยงยังไม่ทันเรียงเม็ดดีแต่มีขนมมาจ่อรอคิวแล้ว ทำให้ตับอ่อนต้องฉีดธาตุลดน้ำตาลออกมาอยู่ตลอดซึ่งจะยิ่งกระตุ้นให้น้ำตาล ต่ำและหิวบ่อยขึ้นได้
3) กินดึก ข้าวต้มกุ๊ยร้อนๆนอนหลับสบายหรือทำงานดึกกินดึก อย่างนี้จะทำให้ร่างกายโทรมเร็วครับเพราะแทนที่โกร๊ทฮอร์โมนจะได้หลั่งกลับ ต้องใช้ทรัพยากรที่ควรซ่อมแซมมาทำงานบีบไส้บีบพุงย่อยอาหารอีก นอนก็นอนไม่หลับแถมไม่นานก็อ้วนลงพุง
4) กินหวานจัด กินของคาวอิ่มแล้วต้องตบท้ายด้วยของหวานหรือว่าชอบทานแป้งกับน้ำตาลหนักแต่ ละมื้อจะชวนให้มื้อต่อไปหิวเร็วขึ้น นี่คืออาการหนึ่งของ “โรคติดแป้ง(Carbohydrate addiction)” ซึ่งนอกจากทำให้ “อวบเลือกได้” แล้วยังทำให้หงุดหงิดง่ายอีกด้วย
5) กินแล้วนอน จะกลายไปเป็นงูหลามตามผู้ใหญ่ชอบล้อหรือไม่ไม่สำคัญ แต่เรื่องควรห่วงกว่านั้นคือ “กรดไหลย้อน(GERD)” จะถามหาครับแล้วจะทำให้กลายเป็นคนหลับไม่ลึก ตื่นขึ้นมาไม่สดชื่นเท่าที่ควร
6) กินไปดื่มไปหรือสูบไป ทำให้ได้แคลอรีเกินทั้งจากอัลกอฮอล์และทำให้เกิดเหงาปากอยากสูบบุหรี่พ่วง เข้ามาด้วย รวมความแล้วคือทำให้กินนานอ้วนขึ้นแล้วยังไปกระตุ้นให้ดื่มหนักบวกสูบจัด ขึ้นด้วย
7) กินนั่งแช่ จะทำให้ปากว่างแล้วเผลอกินเข้าไปอีก โดยเฉพาะถ้ามีของกินอยู่ตรงหน้าด้วย กินไปแบบนั่งสัมนาไปอย่างนี้จะทำให้น้ำหนักตัวขึ้นได้มากอย่างนึกไม่ถึง
นอกจากนั้นแล้วการกินยังช่วยบอก “ชาติตระกูล” ได้อีกด้วย อย่างคนจีนก็จะมีวิธีจับตะเกียบแบบผู้ดีที่เอามาขนานกันด้านข้างไม่ใช่จับมา ไขว้กันในมือ แม้ในพระไตรปิฏกก็ยังมีบอกการฉันที่เหมาะสมไม่ทำให้เกิด “โลกวัชชะ” สำหรับสงฆ์หาอ่านได้ในเสขิยวัตรอันได้แก่เปิบข้าวไม่เกิน 1 องคุลี,ไม่กินเสียงจับๆ,ไม่จ้วงจากกลางภาชนะ,ไม่ปั้นข้าวโยนเข้าปากและอีก มากที่เรียกว่าเป็น Table manner สมัยพุทธกาลก่อนฝรั่งเขียนขาย เราสามารถเอา ancient wisdom(ที่ไม่ ancient เลย)เหล่านี้มาร่วมใช้ด้วยได้ถือเป็นการกินด้วยปัญญาอย่างหนึ่ง
นิทานเรื่องนี้สอนว่าจะเรียกว่า “กินดี” ได้นั้นต้องดูจากที่กินแล้วทำให้ชีวิตดีด้วยครับ