จากประชาชาติธุรกิจ
นักกฎหมายมหาชน จุฬา-ธรรมศาสตร์ ฟันธง ศาลฎีกาฯ ยกคำร้องอุทธรณ์ คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 46,373 ล้านบาท ชัวร์ 100 % ไม่พลิก ไม่มีปาฎิหารย์ ไม่มีพยานหลักฐานใหม่ แม้ว่า ทีมทนายอดีตนายกฯ จะอ้างบทวิเคราะห์ของ ดร. วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ยื่นเป็นหลักฐานใหม่ก็ตาม "คลัง" เดินหน้ายึดทรัพย์ เข้าแผ่นดิน
คณะทำงานอัยการที่รับผิดชอบคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวนกว่า 46,373 ล้านบาท มีนายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน ก่อนหน้านี้ ในการประชุมคณะทำงานซึ่งรับผิดชอบคดียึดทรัพย์ เมื่อไม่นานมานี้ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ได้รายงานว่า ได้รับสำเนาอุทธรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ และครอบครัวทั้ง 5 คน จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และได้ร่างคำแก้อุทธรณ์ เพื่อเตรียมยื่นต่อศาลฎีกา ฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ล่าสุด นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ( สคช.) หนึ่งในคณะทำงานอัยการคดียึดทรัพย์ทักษิณ กล่าวว่า คณะทำงานอัยการได้ร่างคำอุทธรณ์เสร็จสิ้นแล้ว เตรียมยื่นต่อศาลฎีกา ฯ ภายในวันนี้ ( 21 เม.ย. )
สำหรับประเด็นแก้อุทธรณ์อัยการ ยืนยันว่า หลักฐานที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหา คุณหญิงพจมาน และครอบครัว รวม 5 คน ยื่นอุทธรณ์นั้นไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ ซึ่งพยานบุคคลที่อ้างไว้ในอุทธรณ์เป็นพยานซึ่งมีอยู่บัญชีพยานชั้นไต่สวน อยู่แล้ว แม้บางปากศาลจะไม่ได้ไต่สวนก็ถือว่าผ่านการวินิจฉัยของศาลแล้ว ไม่ถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ หลังจากที่อัยการยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้ว ศาลฎีกาฯ จะรวบรวมเอกสารสำเนาอุทธรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว และคำแก้อุทธรณ์ของอัยการโจทก์ เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะได้กำหนดวันประชุมเพื่อเลือกผู้พิพากษาระดับไม่ ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา จำนวน 5 คน เป็นองค์คณะพิจารณาสำนวนอุทธรณ์คดีนี้เพื่อสรุปความเห็นว่าอุทธรณ์เป็นไปตาม เงื่อนไขของกฎหมาย และจะรับอุทธรณ์ไว้พิจารณาได้หรือไม่ ต่อไป ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำเอกสารหลักฐาน กว่า 246 หน้า เดินทางมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อยื่นคำร้องอุทธรณ์คัดค้านในคดียึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว โดยขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิจารณาเพิกถอนคำพิพากษายึดทรัพย์ดังกล่าว
เช่นเดียวกับ นายสมพร พงษ์สุวรรณ ทนายความของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ และนายกิตติพร อรุณรัตน์ ทนายความของ นายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นำเอกสารหลักฐานมายื่นอุทธรณ์พร้อมกัน ซึ่งท้ายคำร้องอุทธรณ์ยังยื่นคำขอทุเลาบังคับคดีไว้ก่อนด้วย ทั้งนี้ อุทธรณ์ยืนยันว่า นโยบายทั้ง 5 ของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนั้นไม่ได้เอื้อประโยชน์ธุรกิจครอบครัว พร้อมยื่นบัญชีพยานบุคคลใหม่ และพยานบุคคลที่ศาลยังไม่ได้ไต่สวน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอุทธรณ์ครั้งนี้มีประเด็นใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาได้
จากการตรวจสอบ พยานหลักฐานใหม่ ที่ทีมทนายของพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประกอบอุทธรณ์ คือ บทวิเคราะห์คดียึดทรัพย์ของ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ รวม 5 คน และคำวินิจฉัยส่วนตัวของ ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล รองประธานศาลฎีกา อันเป็นตุลาการเสียงข้างน้อยที่เห็นว่า อดีตนายกฯ ไม่ได้ร่ำรวยผิดปกติ
ขณะที่ คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง ให้สามารถยึดเงินจำนวน 46,000 ล้านบาทของ ได้เลย โดยไม่ต้องรอให้คดีเสร็จสิ้น
ล่าสุด ประชาชาติธุรกิจ ได้สอบถามไปยัง อาจารย์สอนกฎหมาย จาก คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เคยวิเคราะห์และวิพากษ์วิจารณ์ คำพิพากษาคดียึดทรัพย์ของศาลฎีกาฯ หลายคน และทุกคน ยืนยันตรงกันว่า ศาลฎีกาฯ จะยกอุทธรณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างแน่นอน 100 %
เหตุผลส่วนหนึ่งคือ ไม่มีพยานหลักฐานใหม่ และเหตุผลอีกประการคือ เป็นไปได้ยากที่ศาลฎีกาฯชุดใหม่ จะหักล้าง คำพิพากษาของศาลฎีกา ฯ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์