สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

นโยบายข้าวผิดพลาดเติมคนให้ม็อบแดง

จาก โพสต์ทูเดย์

การยอมผ่อนปรนเพื่อลดแรงกดดันทางการเมืองจากพรรคร่วมฯ ทำให้นายกฯ เจอแรงกดดันจากกลุ่มชาวนาที่หากเข้าร่วมสมทบกับกลุ่มม็อบเสื้อแดงเมื่อไหร่ งานนี้เหนื่อยแน่นอน

โดย...ทีมข่าวการเงิน

ใช่จะมีแต่ม็อบคนเสื้อแดง คนเสื้อหลากสีเท่านั้นที่จะบุกไปที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ แต่ในวันที่ 27 เม.ย.นี้ เครือข่ายชาวนาภาคกลางและทั่วประเทศรวม 37 จังหวัด จะรวมพลไปพบนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ช่วยเหลือปัญหาราคาข้าวตกต่ำ และหากไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาล ม็อบชาวนาขู่จะเข้าไปรวมตัวกับกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อกดดันรัฐบาล

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก และเป็นการสะท้อนการแก้ไขปัญหาราคาข้าวของรัฐบาลที่ไม่ได้ผลอย่างที่คิด

การยกเลิกนโยบายรับจำนำข้าว และเปลี่ยนมาเป็นการประกันราคาข้าวของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แทนที่จะช่วยให้ราคาข้าวสูงขึ้น กลับทำให้ราคาข้าวตกต่ำลง เนื่องจากไม่ได้เป็นการตัดวงจรข้าวให้หายไปจากตลาด แต่กลับไปเพิ่มปริมาณข้าวให้มากขึ้น

โดยข้อเท็จจริงการประกันราคานั้น ตามหลักการจะส่งผลดีต่อรัฐบาลเมื่อราคาสินค้าเกษตรมีราคาสูง รัฐบาลก็จะชดเชยน้อยมากกว่าการรับจำนำ ซึ่งในช่วงแรกของการดำเนินนโยบายเมื่อปีที่แล้วไม่มีปัญหา เพราะราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และมีการประมาณการว่าประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่อย่างอินเดียจะมีปัญหาไม่ สามารถส่งผลผลิตเข้าสู่ตลาดได้ทำให้ราคาข้าวอาจจะสูงขึ้น ทำให้โรงสีข้าวและผู้ส่งออกเร่งกว้านซื้อข้าวมาเก็บไว้ในสต๊อก

ช่วงปลายปีราคาข้าวนาปีอยู่ที่ระดับเกวียนละ 1-1.2 หมื่นบาท และมีผลผลิตข้าวนาปีมากกว่า 20 ล้านตัน มีเกษตรกรมาลงทะเบียน 3.5-3.6 แสนครัวเรือน และราคาข้าวที่แพงดังทอง และรัฐบาลประกันราคาให้นี่เอง ทำให้เกษตรกรแบ่งพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังออกมาเพิ่ม จากเดิมที่มีการลงทะเบียนปลูก 4.5 แสนครัวเรือน ใช้พื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง 10 ล้านไร่ แต่ขณะนี้มีผู้ปลูกข้าวนาปรังเพิ่มเป็น 7.8 แสนครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูกเพิ่มเป็น 15 ล้านไร่ ผลผลิต 8.3 ล้านตัน แต่คุณภาพข้าวด้อยลง ข้าวเมล็ดลีบเพราะเจอเพลี้ยกระโดดเล่นงาน

แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด เวียดนามคู่แข่งค้าข้าวสำคัญของไทยลดค่าเงินด่องลง 10% ทำให้ราคาข้าวถูกกว่า ลูกค้าจึงหันไปซื้อ และอินเดียหันไปใช้ข้าวสาลีทดแทน จึงไม่น่าแปลกใจว่าราคาข้าวในประเทศตกต่ำลงอย่างรวดเร็วจากเกวียนละกว่า 1 หมื่นบาท ก็เหลือกว่า 5,000 บาทเท่านั้น

แต่มีเรื่องที่น่าแปลกใจ เกษตรกรโอดโอยว่าราคาข้าวตกต่ำมาก ราคาข้าวสาร 5% ความชื้น 15% ราคาประกันเกวียนละ 9,100 บาท และราคาลดลงไล่เป็นลำดับลงมาตามความชื้นและคุณภาพข้าว แต่ปรากฏว่ากลับมีเกษตรกรมาลงทะเบียนขอเข้าโครงการชดเชยราคาข้าวเพียงกว่า 8 หมื่นตันเท่านั้น ทั้งที่การโวยว่าราคาข้าวตกต่ำก็ควรจะมีการมาขึ้นทะเบียนมากกว่านี้

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้น่าจะเชื่อได้ว่าข้าวส่วนใหญ่นั้นไม่ได้อยู่ในมือ เกษตรกร และโรงสีเองเก็บข้าวเอาไว้จำนวนมากจึงกดราคารับซื้อ และให้เหตุผลว่าจะต้องระบายข้าวที่ถือไว้ออกไปก่อน จึงจะมีสภาพคล่องมารับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพิ่ม

นอกจากนี้ การให้โรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าว สามารถสีแปรเป็นข้าวสารได้ ซึ่งจะได้รับค่าจ้างในการสีแปร รวมทั้งโรงสีที่เข้าร่วมโครงการสามารถที่จะนำข้าวสารใหม่ที่สีแปรแล้วมาแลก ข้าวสารเก่าในสต๊อกรัฐบาลได้ด้วย

การรั่วไหลของนโยบายข้าวอีกจุดหนึ่งก็อยู่ตรงที่ใครจะรู้ว่าการให้โรงสี เอาข้าวสารที่รับฝากจากรัฐบาลมาสี จะไม่เอาข้าวในสต๊อกเก่าที่มีมาขายสวมรอยว่าเป็นข้าวสีแปร และจะได้รับค่าจ้างสีข้าวไปฟรีๆ ซึ่งจากเดิมกระทรวงพาณิชย์จะใช้วิธีการจ่ายค่าจ้างสีเป็นข้าว ไม่ให้จ่ายเงินโดยตรง ตันละ 500 บาท แถมรัฐบาลต้องไปหาที่รับฝากข้าวซึ่งเสียเงินอีกทอดหนึ่งด้วย

เมื่อมีการนำข้าวที่มีมาวนเวียนขาย การที่จะออกไปรับซื้อข้าวจากเกษตรกรก็จะไม่เกิดขึ้นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ใช่ ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะไม่รู้ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะยอมปล่อยให้มีนโยบายนี้ออกมา

ผู้ส่งออกรายหนึ่ง ระบุว่า ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา มีตัวจริงของกระทรวงพาณิชย์ แม้จะไม่มีตำแหน่งอะไร แต่มีอิทธิพลคับกระทรวง โทรศัพท์ไปหาโรงสีและผู้ส่งออกข้าวเลยว่า หากผลักดันเรื่องนี้ออกมาได้ จะให้เท่าไหร่

พรรคประชาธิปัตย์ประกาศว่าจะดูแลรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืนด้วยการโละ นโยบายรับ “จำนำ” สินค้าเกษตร ที่ในอดีตทุกพรรคการเมืองมักใช้เป็นเครื่องมือในการโกยคะแนนเสียงจากเกษตรกร เข้าพรรค แล้วนำนโยบายประกันรายได้เกษตรกรมาใช้แทน

โดยเหตุผลสำคัญที่นำมาอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ คือ เป็นการล้างบางปัญหา “คอร์รัปชัน” เชิงนโยบายของนักการเมืองในคราบของเหลือบ ริ้น ไร ที่มักเกาะกินงบประมาณแผ่นดินผ่านโครงการรับจำนำในอดีตมาช้านาน

รวมถึงหวังว่าจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายรัฐบาลในการเก็บสต๊อก และระบายสินค้าเกษตรที่รัฐเข้าไปกว้านซื้อ เพื่อพยุงราคาช่วงที่ราคาตกต่ำ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ทำให้รัฐบาลขาดทุนมหาศาลจากปัญหา “ซื้อแพง ขายถูก” ที่เป็นวัฏจักรเรื่อยมา

แต่มาตรการประกันรายได้ของรัฐบาล “ล้มเหลว” อย่างสิ้นเชิง จุดอ่อนสำคัญคือ มีช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้โรงสีรวมหัวกันกดราคารับซื้อข้าวจากเกษตรกร ไล่ทุบราคาให้ตกต่ำตามใจชอบ เพราะที่สุดแล้วรัฐบาลก็ประกันรายได้ จ่ายส่วนต่างให้อยู่แล้ว ราคาข้าวยิ่งตกลงเท่าใด ภาระในการชดเชยของรัฐบาลยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว แล้วอย่างนี้จะเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ได้อย่างไร

ทำไปทำมากลายเป็นโรงสี ผู้ส่งออก และ นักการเมืองรวย แต่เกษตรกรจน จนต้องรวมตัวกันมาถามหาความเป็นธรรมในขณะนี้
ดังนั้น รัฐบาลไม่ควรจะปิดทางเรื่องการ รับจำนำ น่าจะนำมาใช้เป็นเครื่องมือเสริมในการพยุงราคาข้าวจากเกษตรกร

เรื่องการค้าข้าวนั้นระบบไม่ซับซ้อน แต่ที่ซับซ้อนคือผลประโยชน์มหาศาลที่แฝงอยู่จากการดำเนินนโยบาย เชื่อว่านายกรัฐมนตรีผู้ฉลาดเป็นกรด มองเห็นว่าการดำเนินนโยบายของกระทรวงพาณิชย์นั้นมีนอกมีในอะไรหรือไม่

ที่น่าแปลกใจก็คือ การที่นายกรัฐมนตรียอมตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมาทุกประการโดยไม่มีข้อโต้ แย้งเหมือนในการประชุมครั้งที่ผ่านมาๆ

การยอมผ่อนปรนเพื่อลดแรงกดดันทางการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะทำให้นายกฯ เจอแรงกดดันจากกลุ่มชาวนาที่หากเข้าร่วมสมทบกับกลุ่มม็อบเสื้อแดงเพื่อต่อ ต้านรัฐบาลเมื่อไหร่ งานนี้รัฐบาลเหนื่อยแน่นอน

และนี่จะไม่ใช่กรณีแรกที่นายกฯ ต้องเจอ เพราะขณะนี้เวลาของ รัฐบาลเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เสือหิวทั้งหลายต้องรีบสวาปามให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อตุนเสบียงกรังไว้รับมือศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้

ประเด็นความไม่โปร่งใสในการดำเนินนโยบายต่างๆ ของแต่ละกระทรวง จะกลายเป็นชนวนสำคัญ ที่จะทำลายอนาคตของนายกรัฐมนตรีด้วย หากไม่เข้มแข็งในการบริหารเศรษฐกิจในสถานการณ์ฉุกเฉิน

view