จาก โพสต์ทูเดย์
เหตุการณ์ที่เด็กนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ลอบเผาห้องสมุดโรงเรียน เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. สร้างความตกตะลึงอย่างยิ่ง
โดย...ชลธิชา เหลิมทอง
เหตุการณ์ที่เด็กนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ลอบเผาห้องสมุดโรงเรียน เมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.30 น. วันที่ 6 มิ.ย. สร้างความตกตะลึงอย่างยิ่ง
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผวจ.นครปฐม ซึ่งได้ร่วมพูดคุยซักถาม ได้บอกเล่าถึงรายละเอียดความนัยที่เป็นแรงจูงใจให้เด็กคนนี้ก่อเหตุว่า มาจากความเครียดจากบรรยากาศภายในโรงเรียนที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง
ผวจ.นครปฐม กล่าวว่า เด็กคนนี้มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดิมมีปัญหาขาดความอบอุ่น มีปัญหาเรื่องการเรียนและเป็นเด็กที่เครียดมาก เพราะโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนเก่งกันทุกคน พอมาเรียนและมาเจอบรรยากาศการแข่งขันที่รุนแรงมาถึงจุดหนึ่งก็รู้ตัวว่าไป ไม่ไหว
อาคาร ห้องสมุดโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ที่ถูกเผา
“ตอนแรกผมตกใจมากที่เด็กคนนี้บอกว่าทีผู้ใหญ่ยังเผาบ้านเผาเมือง ที่กรุงเทพฯ ผมก็บอกไปว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะเธออายุยังน้อย ยังต้องมีอนาคตอีกยาวไกล ซึ่งจากการที่พูดคุยกัน ผมไม่คิดจะตำหนิเด็กอย่างเดียวต้องโทษระบบการศึกษาของไทยที่ควรต้องมีการ ปรับให้สมดุลกว่านี้ด้วย” ม.ล.ปนัดดา กล่าว
ผวจ.นครปฐม กล่าวว่า เด็กคนนี้เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกได้เผาจุดแรกแต่ไฟไม่ติด จึงเปลี่ยนไปเผาหิ้งหนังสือซึ่งเป็นวัสดุติดไฟอย่างดี ทำให้ไฟลุกรวดเร็วมาก ซึ่งเด็กคนนี้ก็ยอมรับว่าเขาเองก็ตกใจและได้โทร.เรียก 191 หลายครั้ง เพราะคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ ส่วนตัวเห็นว่าเด็กคนนี้คงคิดไม่ถึงและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากย้อนเวลาได้เขาคงไม่คิดทำแบบนี้ ซึ่งเรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็ต้องเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ต้องคิดว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร
“หลังจากที่คุยกันก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสงสารมาก เห็นได้ชัดว่าเขาเครียดมาก เป็นเด็กตัวเล็กๆ ผอมๆ บ่นว่าอยากกลับบ้าน อยากไปเรียนที่โรงเรียนเดิม เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญของสังคมไทย โดยเฉพาะในเรื่องระบบการศึกษาที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ไม่ควรจะเน้นแต่การเรียนเก่งอย่างเดียว ถ้ามีการแข่งขันกันเรียนก็ต้องมีงานอดิเรกหรือกิจกรรมอื่นๆ ให้เด็กได้ทำด้วย ไม่ใช่เอาแต่เก่งแบบมุทะลุ จนอีกด้านอาจจะกลายเป็นความล้มเหลวที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้ อีกทั้งควรเน้นเรื่องหน้าที่พลเมือง คุณธรรม จริยธรรม ซึ่งระบบการศึกษาไทยถดถอยในเรื่องนี้มาก” ม.ล.ปนัดดา กล่าว
ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย ประธานมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า ทุกวันนี้พฤติกรรมเด็กไทยจะมีการเลียนแบบการใช้ความรุนแรงจากสื่อต่างๆ ในเรื่องการเผามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเผายางรถยนต์ เผาห้าง แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเด็กคนนี้จะตั้งใจเผาโรงเรียน เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุมากกว่า เนื่องจากเด็กโรงเรียนนี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก ไม่น่าจะคิดทำอะไรแบบนี้
“อย่างไรก็ตาม ถ้าเด็กคนนี้เผาจริงก็ถือว่าเป็นการใช้ความรุนแรงต่อความไม่พอใจบางอย่างที่ อยู่ในใจ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการสอบสวนตามวิธีพิจารณาคดีอาญาเกี่ยวกับเด็ก ที่ต้องมีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ คนที่เด็กร้องขอ และเจ้าหน้าตำรวจ ดังนั้นควรให้เวลากับเด็กคนนี้ก่อน เชื่อว่าจะได้ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากขึ้น” ครูหยุย กล่าว
นายวีรพล (ขอสงวนนามสกุล) บิดาของนักเรียนผู้ก่อเหตุ บอกว่า บุตรชายพักหอในโรงเรียน จะกลับบ้านเฉพาะช่วงปิดภาคเรียนเท่านั้น ปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมาบุตรชายบ่นให้ฟังว่าเรียนหนักและรู้สึกเครียดมากไม่ อยากจะกลับไปเรียนอีกแล้ว ซึ่งเขาได้แต่ให้กำลังใจบุตรชาย ประกอบกับช่วงหลังๆ บุตรชายเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เคยคิดว่าบุตรชายเริ่มเป็นโรคจิต ซึ่งอาจเป็นกรรมพันธุ์เช่นเดียวกับญาติที่มีอาการทางจิตต้องเข้ารับการรักษา ตัว แต่ไม่คิดว่าบุตรชายจะเผาโรงเรียนเพื่อที่จะได้หยุดเรียนเช่นนี้
ขณะที่มุมมองของนักจิตวิทยา พญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ภาพรวมของเด็กไทยในปัจจุบันมีปัญหาเรื่องความสามารถด้านการบริหารอารมณ์เป็น อย่างมาก กลายเป็นจุดอ่อนและเป็นเรื่องที่เปราะบางสำหรับเด็กไทยที่มีความอดทนอดกลั้น ต่อการแก้ปัญหา การหาทางออกจากปัญหาต่างๆ ได้น้อย