สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

อภิชาติ ตั้ง7ผู้เชี่ยวชาญร่วมสอบยุบ ปชป.

'อภิชาติ'ตั้ง7ผู้เชี่ยวชาญร่วมสอบยุบ ปชป.

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

"อภิชาติ"ตั้ง 7 ผู้เชี่ยวชาญร่วมอัยการ สอบยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนชี้ขาดส่ง-ส่งไม่ศาลรธน. ได้ทีคุยซ้ำเคยบอกแล้วว่าหลักฐานอ่อน

นายอภิชาติ สุขคานนท์ ประธานคณะ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณีการตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการสูงสุด ว่า เมื่อวานนี้ ( 8 มิ.ย.) ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะทำงานในส่วนของกกต.จำนวน 7 คน เพื่อพิจารณาร่วมกับอัยการสูงสุด ที่ระบุว่า หลักฐานของกกต.ยังไม่เพียงพอต่อการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการของกกต.ที่จะตั้งร่วมนั้น จะเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ และบุคคลที่รู้เรื่องดี

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวทางอัยการสูงสุดก็มีความเห็นตรงกับความเห็นส่วนตัวของตนที่ได้ ลงมติไปว่า หลักฐานยังไม่หนักแน่นเพียงพอต่อการส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็แพ้โหวตกลายเป็นเสียงข้างน้อย แต่ในเมื่อกกต.มีมติก็ต้องปฏิบัติดำเนินการตามนั้น

ส่วนที่จะเป็นเหตุให้พรรคประชาธิปัตย์นำเสียงข้างของตนที่ให้ยกคำร้อง นั้น มาเป็นข้อต่อสู้ เนื่องจากยังไม่ได้ชี้ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ตามกฎหมาย นั้น ตนเห็นว่าไม่น่าจะนำมาอ้างได้ เพราะทุกมติย่อมมีเสียงข้างมากและข้างน้อย

"ความเห็นผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง และการดำเนินการขณะนี้ก็ต้องรอทางคณะทำงานที่พิจารณาร่วมกันว่าเขาจะเห็น อย่างไร และคงต้องปล่อยให้เข้าพิจารณาไปก่อนตามประเด็นที่อัยการสูงสุดต้องการ แต่ในวันนี้ผมน่าจะได้เซ็นคำสั่งแต่ตั้งคณะทำงานของกกต."

นายอภิชาต กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษถูกโจรกรรมโน้ตบุ๊ค ที่มีข้อมูลเรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ทราบว่าระบบขอดีเอสไอในการเก็บข้อมูลเป็นอย่างไรไม่อาจก้าวล่วง แต่ถ้าเป็นกกต. คงต้องสั่งให้มีการสอบสวนว่าเหตุใดจึงบังเอิญแบบนี้

อย่างไรก็ตาม หวังข้อมูลคงไม่หายไปทั้งหมด และการดำเนินการก็จะเป็นไปตามวิถีทางกระบวนการไม่ออกนอกลู่นอกทาง




อัยการแจงตีกลับยุบปชป.

จาก โพสต์ทูเดย์

09 มิถุนายน 2553 เวลา 20:31 น.

อัยการแจงข้อหายุบพรรคปชป.รับเงินบริจาค258ล้านไม่สมบูรณ์ใน หลักการสำคัญหลายประเด็นจำเป็นตั้งคณะทำงานร่วมพิจารณากับกกต.

นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการคดีพิเศษ ในฐานะคณะทำงานคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีถูกกล่าวหารับเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาท จากบริษัททีพีไอโพลีนจำกัด (มหาชน) ว่า อัยการพบความไม่สมบูรณ์ในหลายข้อ อันเป็นประเด็นหลักสำคัญ หากจะให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัย ต้องรวบรวมพยานหลักฐานประเด็นต่างๆให้สมบูรณ์ก่อน จึงได้แจ้งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ตั้งคณะทำงานร่วมโดยฝ่ายอัยการมีนายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด พร้อมคณะทำงานอัยการรวม 7 คน ร่วมพิจารณากับกกต.

ทั้งนี้ สำหรับประเด็นข้อไม่สมบูณ์ของข้อกล่าวหา ซึ่งอัยการคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งประเด็นเอาไว้ อาทิ กรณีกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่เข้าข่ายมีส่วนรู้เห็นมีใครบ้าง เพราะคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547- 2548 ขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์มีกรรมการบริหารประมาณ 40 คน ต่อมามีการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคอีกหลายชุด รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันจะมีส่วนด้วยหรือไม่ และมีกรรมการบริหารคนใดบ้างเกี่ยวข้องบ้าง

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องข้อต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ที่อ้างว่า ที่ กกต.ส่งความเห็นมานั้นไม่ได้เป็นความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมืองอีกด้วย.




พท.ปูดวสันต์ส่อทำผิดข้อกำหนดตุลาการศาลรธน.

จาก โพสต์ทูเดย์

09 มิถุนายน 2553 เวลา 18:43 น.

พร้อมพงศ์ระบุพบเอกสารชี้ "วสันต์" ส่อทำผิดข้อกำหนด-จริยธรรมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมท้าให้ไปสาบานวัดพระแก้วกรณีปฏิเสธไม่ได้พบส.ส.ประชาธิปัตย์

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับเอกสารที่มีประชาชนผู้หวังดีได้ส่งมาให้เพื่อเปิดเผยพฤติกรรมของนาย วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ส่อว่ากระทำผิดข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญและจริยธรรมของตุลาการกล่าวคือ ในการพิจารณาคดีที่มีการร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีพ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรีกรณีจัดรายการ"ชิมไป-บ่นไป"โดย เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2552 เวลาประมาณ 10.00 น.ถึง 11.30 น.

นายวสันต์ ได้สั่งให้นางสาวปัญญ์สิริ เรี่ยมทอง หรือ คุณชมพู่ เลขานุการ แจ้งให้นายพาณินทร์ วัชราภัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจัดทำสำเนาภาพวีดี ทัศน์การออกนั่งพิจารณาคดีทุกนัดส่งให้ตนเองโดยไม่แจ้งวัตถุประสงค์ของการนำ ไปใช้ประโยชน์ แต่เจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่ดำเนินการให้และรายงานต่อเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐ ธรรมนูญเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2552

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การกระทำของนายวสันต์ฯ ดังกล่าวเป็นการทำผิดข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะการจะขอทำสำเนาดังกล่าวจะต้องเขียนคำร้องตามแบบฟอร์มเพื่อขออนุญาตต่อ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ หรือยื่นต่อเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อนำเข้าสู่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะอนุญาตหรือไม่ แต่นายวสันต์ฯกลับสั่งด้วยวาจาให้ดำเนินการดังกล่าวซึ่งส่อว่ามีเจตนาไม่ สุจริต เพราะเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องถูกผูกพันตามข้อกำหนดและระเบียบที่กำหนด ไว้ด้วย และการนำข้อมูลการพิจารณาคดีไปโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ทราบวัตถุประสงค์ดัง กล่าว

นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังเรียกร้องขอท้า นายวสันต์ ไปสาบานที่วัดพระแก้วว่า ไม่ได้พบนายทศพล เพ็งส้ม ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปยื่นขอขยายเวลาการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเท่าที่ทราบข้อมูลมีการให้นายทศพล เข้าพบที่ห้องทำงาน




ดีเอสไอตั้งณรัชต์คุมคดีไซฟ่อนทีพีไอ

จาก โพสต์ทูเดย์

09 มิถุนายน 2553 เวลา 21:41 น.

ธาริตตั้งณรัชต์คุมสำนวนไซฟ่อนทีพีไอหลังชุดเก่าของถอนตัวยัน ไม่มีความขัดแย้งภายใน ชี้เป็นเรื่องปกติที่มีการร้องขอความเป็นธรรม

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า หลังคณะทำงานสอบสวนยุบพรรคประชาธิปัตย์คดีเงินบริจาค และการใช้เงินกองทุนพัฒนาการเมือง 29ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ได้ขอถอนตัวออกจากคดีนี้ไป จึงได้แต่งตั้งพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ เข้ามารับผิดชอบแทน และกำลังอยู่ระหว่างคัดเลือกพนักงานสอบสวนร่วมทีม คาดว่าจะแล้วเสร็จอีก1-2 วัน

"ถือเป็นเรื่องปกติที่มีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา มีคณะกรรมการสอบสวนในหลายคดีที่ถอนตัว ยืนยันไม่เกี่ยวกับการถูกคุกคามทางการเมือง หรือความขัดแย้งภายใน และไม่มีผลต่อการทำคดีนี้ เพราะมีการสอบปากคำพยานเสร็จสิ้นไปแล้ว"นายธาริต กล่าว

นายธาริต กล่าวต่อว่า คณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ จะเข้าไปรับผิดชอบคดีไซฟ่อนเงินของบริษัททีพีไอฯ ซึ่งอยู่ในฐานความผิดตามพ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสำนวนเก่าคือคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะสำนวนคดีดังกล่าวได้ส่งไปให้ทางกกต.แล้ว.


กกต.ตั้งกก.ร่วมอสส.สอบยุบปชป.

จาก โพสต์ทูเดย์

09 มิถุนายน 2553 เวลา 11:04 น.

กกต.ตั้ง 7 ผู้เชี่ยวชาญร่วมอัยการสูงสุด สอบคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ใน 30 วัน ก่อนชงศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด อภิชาต ย้ำหลักฐานอ่อน

นาย อภิชาต สุขขคานนท์ ประธานกกต.

นายอภิชาต สุขขคานนท์ ประธานกกต.ให้สัมภาษณ์กรณีการตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการสูงสุด ว่า เมื่อวานนี้ ( 8 มิ.ย.) ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะทำงานในส่วนของกกต.จำนวน 7 คน เพื่อพิจารณาร่วมกับอัยการสูงสุด ที่ระบุว่า หลักฐานของกกต.ยังไม่เพียงพอต่อการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคประชา ธิปัตย์ กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการของกกต.ที่จะตั้งร่วมนั้น จะเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะและบุคคลที่รู้เรื่องดี  โดยกำหนดเวลา 30 วัน

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวอัยการสูงสุดก็มีความเห็นตรงกับความเห็นส่วนตัวของตนที่ได้ลง มติไปว่าหลักฐานยังไม่หนักแน่นเพียงพอต่อการส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็แพ้โหวตกลายเป็นเสียงข้างน้อย แต่ในเมื่อกกต.มีมติก็ต้องปฏิบัติดำเนินการตามนั้น ส่วนที่จะเป็นเหตุให้พรรคประชาธิปัตย์นำเสียงข้างของตนที่ให้ยกคำร้องนั้น มาเป็นข้อต่อสู้ เนื่องจากยังไม่ได้ชี้ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ตามกฎหมายนั้น ตนเห็นว่าไม่น่าจะนำมาอ้างได้ เพราะทุกมติย่อมมีเสียงข้างมากและข้างน้อย

"ความเห็นผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง และการดำเนินการขณะนี้ก็ต้องรอทางคณะทำงานที่พิจารณาร่วมกันว่าเขาจะเห็น อย่างไร และคงต้องปล่อยให้เข้าพิจารณาไปก่อนตามประเด็นที่อัยการสูงสุดต้องการ แต่ในวันนี้ผมน่าจะได้เซ็นต์คำสั่งแต่ตั้งคณะทำงานของกกต." นายอภิชาต กล่าว

view