"เลยโมเดล"แบบอย่าง แดงปรองดอง
จาก โพสต์ทูเดย์
15 กรกฎาคม 2553 เวลา 21:30 น.
สภาพความเห็นต่างทางการเมือง ไม่ทำให้โอกาสพัฒนาจังหวัดต้องสูญเสียไป ที่ผ่านมารัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลสามารถลงพื้นที่โดยปราศจากเหตุรุนแรง
โดย...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
แม้การชุมนุมทางการเมืองจะยุติลง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า รากความคิดแห่งความชิงชังระหว่างกลุ่มคน ยังคงดำรงต่อไปในหลายพื้นที่ พร้อมจะพัฒนาไปสู่ความรุนแรงเผาบ้านเผาเมืองระลอกใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานยังคงเป็นเรดโซนที่ฝ่ายความมั่นคงเฝ้าจับตามอง
ขณะที่จังหวัดพื้นที่แดงเดือด เช่น อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ ยังอยู่ในประกาศพรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน แต่สำหรับจังหวัดใกล้เคียงอย่าง จังหวัดเลย แม้จะมีคนเสื้อแดงแทบยกจังหวัด แต่การเคลื่อนไหวทางการเมือง กลับเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการเผาศาลากลางจังหวัด จึง หลุดพ้นจากการประกาศพรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน
จังหวัดเลย จึงถูกยกให้เป็นเลยโมเดล แบบฉบับของความปรองดองทางการเมืองแบบน่ารักน่าลุ้น เพราะเป็นจังหวัดมีเสื้อแดงแต่สุขสงบท่ามกลางความอึมครึมของคนเสื้อแดงใน จังหวัดภาคอีสานอื่นรายล้อม
การ เสวนาวิถีเลย ต้นแบบสมานฉันท์
กรอบความคิดเลยโมเดล เป็นการรวมตัวอย่างเข้มแข็งของประชาชนในพื้นที่ มีเป้าหมายใหญ่เพื่อการพัฒนาจังหวัดในด้านต่างๆ โดยคำนึงถึงอัตลักษณ์คนเมืองเลย กล่าวคือ เทิดทูนสถาบัน เป็นคนมีอัธยาศรัยดี รักความสงบ เอื้ออาทร เห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือคนอื่น ขณะที่วิถีชีวีตความเป็นอยู่(วิถีเลย) อยู่กันแบบเครือญาติ ปลูกบ้านเรือนนอนใกล้กัน นอนหัวค่ำตื่นดึกลุกเช้า
เมื่อคุณภาพชีวิตดี การพัฒนาด้านต่างๆเดินไปพร้อมกัน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การศึกษา
หากโฟกัสเลยโมเดลในเชิงการเมือง น่าสนใจยิ่ง เพราะพื้นที่แห่งนี้ มีนักการเมืองสองขั้ว เป็นส.ส.พรรคเพื่อไทย 3คน อีกรายเป็นส.ส.ภูมิใจไทย ซึ่งก็เป็นหน่อเนื้อมาจากพรรคไทยรักไทย
จะเห็นได้ว่า ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่ส.ส..อีกรายอยู่พรรคร่วมรัฐบาล บทบาทหน้าที่แตกต่าง แต่ทั้งหมดอยู่ร่วมกันได้ ไม่จำเป็นต้องเอาเวลาปลุกระดมสร้างความคิดหยาบทราม วิถีการเมืองต่างเดินไปตามกรอบกติการัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ บ่อยครั้งจังหวัดเลยมีการชุมนุม มีการยื่นหนังสือประท้วงเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นในภาคอีสานแต่ไม่มีอาการ อารมณ์ค้างตามมาด้วยอาละวาดนอกกรอบกฎหมาย
และถ้าย้อนกลับไปในช่วงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้มแข็ง ก็มีการชุมนุมในพื้นที่แห่งนี้ แต่ไม่การต่อต้านไล่ฆ่าจากฝ่ายเสื้อแดง เช่นเดียวกันถึงคิวมหกรรมเสื้อแดงมารุ่งเรือง สภาพกิจกรรมในพื้นที่เป็นไปด้วยความสงบ จนกระทั่งสถานการณ์การเมืองลดระดับความรุนแรง ถึงเวลาที่พวกเขาต้องมองไกลไปถึงการพัฒนา ก็เกิดกระบวนการรวมกลุ่ม ถอดสีเสื้อ เหลือสีธงไตรรงค์เปิดเวทีระดมความคิดเห็นเพื่อหาทางพัฒนาจังหวัดของพวกเขา
นี่คือความวิเศษในระบอบประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นในจังหวัดเลย
กรอบ ความคิดเลยโมเดล
สภาพความเห็นต่างทางการเมือง ไม่ทำให้โอกาสพัฒนาจังหวัดต้องสูญเสียไป ที่ผ่านมารัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลสามารถลงพื้นที่โดยปราศจากเหตุรุนแรง โดยไม่มีแก๊งค์อันธพาลอาละวาด คอยสกัดกั้น ปาไข่ รุมทำร้ายเหมือนกับชนเผ่าป่าเถื่อนในพื้นที่อื่น
16-18 ก.ค. จังหวัดเลย จะเปิดเวทีถ่ายทอดมุมมอง “เลยโมเดล โครงการนำร่องแผนปรองดองแห่งชาติ” โดยมีตัวแทนจากรัฐบาล ผู้นำภาคประชาชน นักวิชาการร่วมแสดงความคิดเห็น หากพิเคราะห์ให้ดี ทางหนึ่งเป็นความเคลื่อนไหวของสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จัดโครงการโฆษกสัญจร พาคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ต่างจังหวัดหวังเก็บข้อมูลความต้องการระดับจังหวัด ตามแผนปรองดองเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย
แต่อีกนัยหนึ่ง เหมือนเป็นการชิมลางลงพื้นที่เพื่อเป็นการส่งซิกถึงนายกรัฐมนตรี เตรียมเหยียบพื้นที่ภาคอีสานหลังเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองยุติ เพราะก่อนหน้านี้ กลุ่มสมาชิกสภาจังหวัดเลย หลายสิบคน ได้เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับร้องขอให้นายกฯลงพื้นที่จ.เลย โดยการันตีถึงความปลอดภัย เป้าประสงค์นักการเมืองท้องถิ่นจ.เลยต้องการ คือหวังว่า รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณพัฒนาจังหวัดให้มากกว่าที่เป็นอยู่
เลยโมเดล จึงไม่ใช่รูปแบบแผนปรองดองที่จดลิขสิทธิ์ไว้เฉพาะจังหวัดเลยเท่านั้น แต่เปิดโอกาสให้จังหวัดต่างๆสามารถสร้างแบบอย่างสมานฉันท์ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหากทำได้อย่างจริงจัง ก็ไม่ไกลเกินฝันที่จะเห็นความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศ
********************
เลยโมเดล ด้านการเมือง การปกครอง
นักการเมือง : มีนักการเมือง 2 ขั้ว ( เพื่อไทย และภูมิใจไทย) อยู่ในจังหวัด แต่มีความสัมพันธ์แนบแน่น ประสารประโยชน์กันได้ มีน้ำใจนักกีฬา ภาคราชการ ทำหน้าที่สร้างควรามสงบสุขให้กับประชาชน มีธรรมาภิบาล
ผู้นำ/ผู้นำสูงสุด : มีภาวะผู้นำสูง เป็นผู้นำแบบประนีประนอม มีศิลปะ ในการบริหารความขัดแย้ง สื่อสารแบบเข้าถึงได้ตลอดเวลาและทันท่วงที
ผู้นำชุมชน : มีความเชื่อมั่นและศรัทธาผู้นำสูงสุด มีสติ แยกแยะความถูกต้องและผลดีผลเสียได้ดี
ภาคเอกชน : มีแนวคิดในการพัฒนาให้มีความเจริญทัดเทียมกับจังหวัดอื่นๆ จึงประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน
ประชาชน : ไม่นิยมความรุนแรง สนใจด้านการเมืองอย่างมีเหตุผล