สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ญี่ปุ่นบนทางแพร่ง ปฏิรูปภาษี ตัวเลือกอันตราย

จาก โพสต์ทูเดย์

ญี่ปุ่นกำลังพยายามเดินหน้ามาตรการปฏิรูปภาษี โดยจะปรับภาษีการค้า ซึ่งรวมถึงอัตราภาษีผู้บริโภค เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 2 เท่า คือจาก เดิม 5% ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 10%

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

รัฐบาลยืนยันว่า การปรับภาษีเป็นเรื่องที่จำเป็น ในขณะที่รัฐบาลกำลังต้องแบกรับภาระหนี้สินจำนวนมหาศาล

ปัจจุบัน นับจนถึงเดือน มี.ค. 2553 ญี่ปุ่นมีตัวเลขหนี้สาธารณะสูงถึง 862 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 181% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และมีแนวโน้มว่าหนี้จะสูงขึ้นไปถึง 197% ในปีนี้ และอาจจะถึง 204% ในปี 2554

ทำให้ญี่ปุ่นได้ตำแหน่งประเทศที่ต้องแบกรับภาระหนี้มากที่สุดในโลกแล้ว

การขึ้นภาษีดังกล่าว แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบชาวญี่ปุ่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ และนั่นก็สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่ง

ผลกระทบที่ชัดเจนปรากฏขึ้นจากตัวเลขคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ที่กำลังดิ่งลงทุกเมื่อเชื่อวัน เนื่องจากท่าทีความไม่พอใจต่อมาตรการดังกล่าว และเป็นการผลักภาระความรับผิดชอบไปอยู่ในมือประชาชน

ล่าสุดพรรครัฐบาลสูญเสียที่นั่งในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกมากมาย

ญี่ปุ่นเริ่มนำมาตรการภาษีผู้บริโภคมาใช้ด้วยอัตรา 3% เมื่อปี 1989 และอัตราดังกล่าวถูกปรับขึ้นมาอยู่ที่ 5% เมื่อปี 1997 และตั้งแต่นั้นก็ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าอาจหาญแตะต้องเรื่องดังกล่าวอีกเลย เพราะรู้ทั้งรู้ว่านั่นอาจหมายถึง อนาคตทางการเมืองต้องดับมืด

แต่ดูเหมือนว่า ถึงเวลานี้รัฐบาลมืดแปดด้าน เผชิญกับทางตันทางเศรษฐกิจ และภาระที่เกินกว่าที่แบกรับไว้แล้ว ทำให้นโยบายการปฏิรูปภาษีต้องผุดขึ้นมา ด้วยความหวังว่านั่นคือ แสงสว่างที่จะนำไปสู่การปลดล็อกความตึงเครียดทางเศรษฐกิจ แม้ว่ารู้อยู่แก่ใจว่าคะแนนเสียงและความนิยมอาจจะต้องตกลงก็ตาม แต่ก็ต้องตัดสินใจยอมจำนน

ญี่ปุ่นกำลังถูกรายล้อมด้วยปัญหา ตัวเลขหนี้ที่ท่วมท้นเป็นเรื่องหนึ่ง รายได้จากภาษีนิติบุคคล ซึ่งเป็นรายได้หลักของรัฐที่ลดลงก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง “ภาวะติดหล่ม” ไม่กระเตื้องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อีกทั้งความรับผิดชอบอันหนักหน่วงกับสังคมผู้สูงอายุก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง

รัฐบาลแดนปลาดิบต้องรับภาระในการหมุนเงินมาใช้ง่ายในระบบประกันสังคมใน แต่ละปีราว 27.3 ล้านล้านเยน หรือราว 30% ของเงินในบัญชีงบประมาณรายจ่ายของประเทศ

รายได้จากการจัดเก็บภาษีผู้บริโภคในแต่ละปีถูกนำมาใช้ เพื่อในการบริการสุขภาพ โครงการเงินบำนาญ และการบริการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งก็มีตัวเลขรายได้อยู่ที่เพียง 6.8 ล้านล้านเยน เท่านั้น

ผลลัพธ์ก็คือ รายได้ที่รัฐจัดเก็บได้จากภาษีผู้บริโภค และในระบบประกันสังคมยังคงไม่เพียงพอ ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องดึงเอาเงินจากพันธบัตรมาโปะในส่วนที่ยังคงขาดหาย ไป

ความคิดของนายกรัฐมนตรีคังก็คือ ต้องการที่จะเพิ่มรายได้ด้วยการเก็บภาษีผู้บริโภคให้สูงขึ้น

ผลประโยชน์ต่อประเทศคือ เงินที่เพิ่มขึ้นจะช่วยทดจำนวนเงินที่ยังคงขาด หนำซ้ำยังจะช่วยให้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกพันธบัตร เพื่อระดมเงินมาใช้หมุนเวียนและใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ลดการสร้างหนี้ที่มีอยู่แล้วอย่างมหาศาล ไม่ให้เป็น “ยาพิษ” บั่นทอนสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นไปอีก

ในทางกลับกัน การเพิ่มอัตราภาษีผู้บริโภคจะสามารถสร้างรายได้ และมีผลสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้บริโภคยอมควักกระเป๋าเอาเงินออกมาใช้จ่าย แทนที่จะเก็บออมไว้ จนญี่ปุ่นได้ครองแชมป์ประเทศที่มีนิสัยรักการออมมากที่สุดในโลก

กระทั่งไอเอ็มเอฟออกมาหนุนมาตรการดังกล่าว และกระตุ้นให้ญี่ปุ่นเดินหน้าในเรื่องนี้โดยเร็ว

รัฐบาลจะกระตุ้นให้คนออกมาใช้จ่ายได้อย่างไร ในเมื่อเศรษฐกิจในประเทศก็ไม่โต

2 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขอัตรายอดการใช้จ่ายในครัวเรือนลดลงติดต่อกัน

มีเพียงตัวเลขความมั่นใจของผู้บริโภคเท่านั้นที่กระเตื้องขึ้น พร้อมกับอัตราการออมของชาวญี่ปุ่นกำลังลดลงจากที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 10% เมื่อราว 10 ปีที่แล้ว แต่ในเวลาอยู่ที่เพียง 3% เท่านั้น นั่นเป็นเพราะผลพวงที่ได้มาจากสังคมสูงอายุนั่นเอง

ตัวเลขดังกล่าวจึงเป็นความหวังเล็กๆ หนึ่งเดียวของรัฐบาลญี่ปุ่นที่คิดว่า คนหันมาจับจ่ายมากขึ้น แทนการเก็บออม การขึ้นภาษีจึงอาจจะเป็นผลดี

แต่อุปสรรคที่ญี่ปุ่นต้องฝ่าฟันมีแบบไม่จบไม่สิ้น นั่นเพราะความไม่พอใจของประชาชนในเรื่องนโยบายดังกล่าว ทำให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครั้งที่ผ่านมา พรรครัฐบาลไม่สามารถครองคะแนนเสียงส่วนมากในสภาสูง

ความหวังจะกอบกู้ประเทศ กู้ภาพลักษณ์ของพรรครัฐบาลก็อาจจะเป็นอันต้องดับวูบลงไป เพราะนโยบายดังกล่าวอาจจะไม่สามารถฝ่าด่านทางการเมืองไปได้สำเร็จ

นั่นยังไม่รวมถึงความขัดแย้งภายในพรรคที่ร้อนระอุระส่ำว่า อาจจะมีการลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ในเดือน ก.ย.นี้

วิกฤตนี้จึงดูเหมือนว่า “มาตรการปฏิรูปภาษี” ยาแรงที่รัฐบาลควักออกมาใช้ เพื่อเป็นทางออกของวิกฤตการเงินของประเทศจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอาจจะพ่ายต่อพลังอำนาจทางการเมือง

รัฐบาลญี่ปุ่นจึงอยู่บนทางแพร่งที่จะต้องเลือกระหว่างการเสียสละตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ หรือเอาชีวิตรอดในเวทีการเมือง ด้วยการพักนโยบายภาษีขึ้นหิ้งไปเสียก่อน

Tags : ญี่ปุ่น บนทางแพร่ง ปฏิรูปภาษี ตัวเลือก อันตราย

view