ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำและแสดงบัญชีรายการรับจ่ายของโครงการ ที่บุคคลหรือนิติบุคคลเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๔
เว็บมาสเตอร์ |
ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำและแสดงบัญชีรายการรับจ่ายของโครงการ ที่บุคคลหรือนิติบุคคลเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำและแสดงบัญชีรายการรับจ่าย ของโครงการ ที่บุคคลหรือนิติบุคคลเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐๓/๗ วรรคสอง และวรรคสี่แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๕ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำและแสดงบัญชีรายการรับจ่ายของโครงการที่บุคคลหรือนิติบุคคล เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับต้ังแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “คู่สัญญา” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ “บัญชีแสดงรายรับรายจ่าย” หมายความว่า บัญชีแสดงรายการรับจ่ายเงินของโครงการตามสัญญา ที่บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐต้องจัดทำและยื่นต่อกรมสรรพากร “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรตามรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกาศกำหนด “สัญญา” หมายความว่า สัญญาทุกประเภทที่ทำขึ้นเพื่อดำเนินการตามโครงการในการจัดหา พัสดุหรือการพัสดุและบริการไม่ว่าด้วยวิธีการจัดซื้อหรือการจัดจ้างหรือให้ทุนสนับสนุนหรือวิธีอื่นใด ของหน่วยงานของรัฐ และให้หมายความรวมถึงบันทึกข้อตกลงหรือบันทึกแนบท้ายสัญญาซึ่งมีผลเป็นการ แก้ไขสัญญาในส่วนที่เป็นสาระสำคัญด้วย “รายรับ” หมายความว่า จำนวนเงินที่คู่สัญญาได้รับจากหน่วยงานของรัฐ อันเนื่องจากการ ได้ปฏิบัติตามสัญญาหรือเกี่ยวเนื่องกับสัญญา หรือรายรับอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ให้คู่สัญญาได้รับ “รายจ่าย” หมายความว่า จำนวนเงินที่คู่สัญญาได้จ่ายไปท้ังสิ้นเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตาม สัญญาหรือเกี่ยวเนื่องกับสัญญา ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรักษาการตามประกาศนี้และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีอำนาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหา ท่ีเกิดข้ึนจากการบังคับใช้ประกาศนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๕ ให้คู่สัญญาตามสัญญาซึ่งมีมูลค่าต้ังแต่ห้าแสนบาทขึ้นไปจัดทำบัญชีแสดงรายรับ รายจ่ายและยื่นต่อกรมสรรพากรตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ การเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐตามวรรคหนึ่ง ให้นับแต่วันที่มีการลงนามในสัญญา หรือถือว่าได้มีสัญญาเกิดขึ้นแล้ว ข้อ ๖ กรณีที่คู่สัญญาไม่อาจปฏิบัติตามประกาศนี้ได้เนื่องจากเป็นนิติบุคคลที่ต้ังขึ้นตาม กฎหมายของต่างประเทศ และไม่มีตัวแทนหรือผู้แทนในประเทศ แต่มีการส่งมอบหรือให้บริการใน ประเทศ และหน่วยงานของรัฐได้ชำระเงินตามสัญญาให้แก่คู่สัญญาออกไปต่างประเทศโดยตรง คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพ่ือให้คู่สัญญาปฏิบัติก็ได้ ข้อ ๗ ให้สำนักงาน ป.ป.ช. จัดให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลตามประกาศนี้ ระหว่างกรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร และสำนักงาน ป.ป.ช. หมวด ๒ การจัดทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่าย ข้อ ๘ ในการบันทึกรายรับรายจ่ายเพื่อจัดทำและแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายต่อกรมสรรพากร ตามประกาศนี้ให้คู่สัญญาบันทึกรายรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีหรือรอบปีภาษีน้ัน แล้วแต่กรณีโดยแยกเป็นรายโครงการตามสัญญา ข้อ ๙ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบตามข้อ ๑๓ นอกจากคู่สัญญาต้องจัดทำและแสดง บัญชีรายรับรายจ่ายต่อกรมสรรพากรตามแบบแนบท้ายประกาศนี้แล้ว ให้คู่สัญญาบันทึกบัญชีเป็นราย โครงการตามสัญญา โดยให้เก็บและรักษาเอกสารหลักฐานประกอบไว้ ณ สถานประกอบการหรือที่อยู่อาศัย ของคู่สัญญาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาสัญญาหรือจนกว่าการดำเนินการ ตามข้อ ๑๓ เสร็จสิ้น หมวด ๓ วิธีการย่ืนบัญชีแสดงรายรับรายจ่าย ข้อ ๑๐ ให้คู่สัญญายื่นบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายต่อกรมสรรพากร โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามกำหนดระยะเวลา ดังต่อไปนี้ (๑) กรณีบุคคลธรรมดาเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ (ก) หากการรับจ่ายเงินตามสัญญาท้ังหมดเสร็จสิ้นภายในปีภาษีเดียวกัน ให้ยื่นพร้อมกับ การยื่นชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษีน้ัน (ข) หากการรับจ่ายเงินตามสัญญาท้ังหมดมิได้เสร็จสิ้นภายในปีภาษีเดียวกัน ให้ยื่นบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายซึ่งประกอบด้วยรายรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละปีภาษีพร้อมกับการยื่นชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษีน้ัน (๒) กรณีนิติบุคคลเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ (ก) หากการรับจ่ายเงินตามสัญญาทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกัน ให้ยื่นเมื่อสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีพร้อมกับการยื่นชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลของรอบระยะเวลาบัญชีนั้น (ข) หากการรับจ่ายเงินตามสัญญาท้ังหมดมิได้เสร็จสิ้นภายในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกัน ให้ยื่นบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายซึ่งประกอบด้วยรายรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีพร้อมกับการยื่นชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลของรอบระยะเวลาบัญชีน้ัน ให้คู่สัญญายื่นบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายต่อกรมสรรพากรตาม (๑) และ (๒) จนกว่าจะสิ้นสุด ภาระผูกพันตามสัญญา หมวด ๔ การตรวจสอบบัญชีแสดงรายรับรายจ่าย ข้อ ๑๑ กรณีที่คู่สัญญาได้ยื่นบัญชีงบดุลประจำปีหรือยื่นชำระภาษีเงินได้ของบุคคลหรือนิติบุคคล แล้วแต่กรณีให้กรมสรรพากรตรวจสอบว่าคู่สัญญาได้ยื่นบัญชีแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยหรือไม่ กรณีที่กรมสรรพากรตรวจพบว่าคู่สัญญารายใดไม่ยื่นบัญชีแสดงรายรับรายจ่าย ให้รายงาน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ข้อ ๑๒ กรมสรรพากรอาจนำบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายของโครงการไปพิจารณาประกอบการ ตรวจสอบบัญชีงบดุลประจำปีของนิติบุคคลหรือตรวจภาษีเงินได้ของบุคคลหรือนิติบุคคล แล้วแต่กรณี ตามที่เห็นสมควรก็ได้ ข้อ ๑๓ ในกรณีที่ปรากฏจากการตรวจสอบหรือการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าคู่สัญญาใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายไม่ถูกต้อง ครบถ้วนในสาระสำคัญ หรือกรณีมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินหรือการชำระภาษีเงินได้ของบุคคลหรือนิติบุคคลน้ัน แล้วแต่กรณีให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประสานงานและสั่งให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับเรื่องดังกล่าวไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้วให้หน่วยงานของรัฐนั้น รายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบต่อไป หรือในกรณีจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูล ของหน่วยงานหรือสถาบันการเงินให้นำระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการเข้าถึงข้อมูลของหน่วยงานหรือสถาบันการเงินมาใช้บังคับ หมวด ๕ มาตรการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติ ข้อ ๑๔ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในการดำเนินการเพื่อให้ได้มา ซึ่งคู่สัญญาตามข้อ ๕ ให้หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามความในหมวดนี้ ข้อ ๑๕ ให้หน่วยงานของรัฐกำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติของบุคคลหรือนิติบุคคลที่จะเข้าเป็น คู่สัญญาและกำหนดให้คู่สัญญาต้องปฏิบัติดังนี้ (๑) บุคคลหรือนิติบุคคลที่จะเข้าเป็นคู่สัญญาต้องไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ไม่แสดงบัญชีรายรับ รายจ่าย หรือแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วนในสาระสำคัญ (๒) บุคคลหรือนิติบุคคลที่จะเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐซึ่งได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement: e-GP) ตามข้อ ๑๖ ต้องลงทะเบียน ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมบัญชีกลางที่เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (๓) คู่สัญญาต้องรับจ่ายเงินผ่านบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เว้นแต่การรับจ่ายเงินแต่ละคร้ัง ซึ่งมีมูลค่าไม่เกินสามหมื่นบาทคู่สัญญาอาจรับจ่ายเป็นเงินสดก็ได้ ข้อ ๑๖ ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์(e-Government Procurement : e-GP) ของกรมบัญชีกลาง บันทึกข้อมูลของคู่สัญญาที่ต้องแสดง บัญชีรายรับรายจ่ายในระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวด้วย หน่วยงานของรัฐใดที่มิได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมบัญชีกลาง (e-Government Procurement : e-GP) ให้รายงานข้อมูลของคู่สัญญาที่ต้องแสดงบัญชีรายรับรายจ่าย ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และกรมสรรพากร ข้อ ๑๗ ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐก่อนิติสัมพันธ์กับบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งได้มีการระบุชื่อไว้ในบัญชีรายช่ือว่าเป็นคู่สัญญาที่ไม่ได้แสดงบัญชีรายรับรายจ่าย หรือแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายไม่ถูกต้อง ครบถ้วนในสาระสำคัญ เว้นแต่บุคคลหรือนิติบุคคลน้ันจะได้แสดงบัญชีรายรับรายจ่ายตามประกาศนี้หรือได้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง และมีการส่ังเพิกถอนรายชื่อจากบัญชีดังกล่าวแล้ว ประกาศ ณ วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ------------------------------------------------------------------------------------ DOWNLOAD ฉบับเต็ม ที่นี่ Link: คลิ๊กที่นี่ |